กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
แก๊งสวมสัญชาติเถื่อนระบาดหนักที่เมืองพ่อขุน พบทำเป็นทีม ล่าสุดพบอีก 7 รายที่ อ.เมืองเชียงราย ด้านอธิบดีปกครองฯ สั่งขยายผลต่อ จี้สอบอดีตรัฐบาล-นายอำเภอ-ปลัดทะเบียนเชียงแสน กรณีสวมบัตรให้ �เหยียนปิง� ที่ปรึกษา �ทักษิณ�
เมื่อวันที่ 22 ต.ค.50 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่า ภายหลังจากที่นายวิชัย ศรีขวัญ อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้จังหวัดเชียงราย ติดตามสอบสวนขยายผลขบวนการเจ้าหน้าที่รัฐ สวมสัญชาติและออกบัตรประชาชนคนไทยโดยผิดกฎหมายในพื้นที่ จ.เชียงราย หลังจากที่มีการจับกุมลูกจ้างชั่วคราว ประจำที่ว่าการ อ.แม่สาย เรียกรับเงินทำใบตกสำรวจเพื่อสัญชาติไทยให้คนต่างด้าวนั้น ล่าสุดฝ่ายปกครอง อ.เมือง จ.เชียงราย ได้มีการตรวจสอบพบการสวมบัตรประชาชนคนไทยหลายราย ซึ่งนายกำพล โพธิ์คำ ปลัดหัวหน้าฝ่ายทะเบียนและบัตร อ.เมือง จ.เชียงราย ได้รีบรายงานให้นายประธาน ดวงพัตรา นายอำเภอเมืองเชียงราย ทราบก่อนเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.อ.เมืองเชียงราย
โดยรายแรกเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบการสวมบัตรประชาชนคนไทยของ นางปริญญาพร อาซาโน่ หรือนางซอน ชาวพม่า ซึ่งออกบัตรประชาชน โดยมีนางกนกอร รัตนอุดมสวัสดิ์ อดีตปลัดอำเภอหลายแห่งใน จ.เชียงราย ที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นผู้ออกบัตรให้ พบว่านางปริญญาพรมีการย้ายที่อยู่หลายที่ จนสุดท้ายได้มายื่นเรื่องขอติดต่อถ่ายบัตรใหม่ที่ อ.เมือง จ.เชียงราย โดยตรวจพบว่า มีการสวมบัตรโดยผิดกฎหมาย อยู่ระหว่างเรียกตัวมาดำเนินคดี และทั้งนี้จากการตรวจสอบเอกสารบัตรของนางกนกอร อดีตปลัดอำเภอ ก็พบว่าเป็นผู้สวมบัตรประชาชนเช่นเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนและบัตร ระบุว่า นางกนกอร อดีตปลัดอำเภอ เดิมเป็นชาวจีนฮ่อ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 80 ม.5 ต.สันนาเม็ง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ หลังเรียนจบระดับปริญญาตรี ได้ไปสวมบัตรในพื้นที่อื่นๆ และสอบได้เป็นพัฒนาการอำเภอแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปแก้ไขรายการในทะเบียนราษฎร ต่อมาได้โอนย้ายมาเป็นปลัดอำเภอทำงานอยู่ใน อ.เมือง อ.แม่จัน อ.ป่าแดด โดยรับนำคนต่างด้าวเข้ามาสวมบัตรประชาชนเป็นรายหัว ซึ่งในระหว่างช่วงปี 2540-2549 นางกนกอรได้ย้ายทะเบียนราษฎร จำนวน 19 ครั้ง โดยกรณีของการสวมบัตรให้นางปริญญาพร ก็เป็นในหนึ่งผลงานที่อดีตปลัดอำเภอรายนี้ได้ทำไว้ในช่วงยังมีชีวิต
นอกจากนี้ยังมีการตรวจพบอีก 6 ราย คือ นางสาวขวัญหล้า จินาติ๊บ สลับตัวพี่น้องกับนางสาวรุ่งนภา จินาติ๊บ,นางเพ็ญศรี นามเมือง ชาวพม่า สลับตัวสวมบัตรในชื่อ นางสาวนงคราญ จันต๊ะปัญญา ซึ่งเป็นน้องสามี, นางหมี่ชู้ หมี่เซกู่ ทุจริตทางทะเบียนแจ้งย้ายมาที่ อ.เมือง เพื่อจดทะเบียนสมรสและเปลี่ยนนามสกุล ทำบัตรประชาชน 2 ครั้ง, นางสาวนาแส พญาอู๋ สวมบัตรที่ อ.แม่สรวย และสวมตัวที่ จ.ชัยนาท ก่อนจะมาขอร่วมใช้ชื่อ-สกุล นางสาวศิริภรณ์ รัตนธนภรณ์ ที่ อ.เมือง จ. เชียงราย, นางสาววิไลวรรณ ไอคำ ไม่มีสัญชาติสวมบัตรที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ มีการย้ายมาลงทะเบียนราษฎรที่ ต.แม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย, นางสาวณัฎฐชา จะทอ ย้ายจาก จ.เชียงใหม่ แล้วมาสวมตัวทำบัตรที่ อ.เมือง จ.เชียงราย
นายกำพล ปลัดฝ่ายทะเบียนและบัตร อ.เมือง จ.เชียงราย กล่าวว่า ทั้ง 7 ราย ที่มีการตรวจสอบพบว่าสวมบัตร อยู่ระหว่างการออกหมายเรียกตัวกลุ่มเป้าหมายมาดำเนินคดี หากไม่มาตามนัดพบก็จะออกหมายจับกุมตัวต่อไป นับเป็นขบวนการสวมบัตรที่ทำแบบแยบยล สวมตัวทำบัตรโดยมีกลุ่มผู้นำระดับท้องถิ่นเป็นหัวหน้าขบวนการ แต่ละรายล้วนมีการแจ้งย้ายที่อยู่ไม่น้อยกว่า 5 ครั้ง ป้องกันการติดตามตรวจสอบย้อนหลัง เชื่อว่าจะมีการตรวจสอบพบการสวมบัตรอีก จะได้รายงานทางกรมการปกครอง เพื่อหามาตรการป้องกันและแก้ไขโดยด่วน
มีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง ได้เข้าตรวจสอบการสวมบัตรประชาชนคนไทยกรณีนายเหยียนปิง นักธุรกิจชาวจีน ที่อ้างตัวเป็นที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งสวมบัตรประชาชนคนไทย 2 บัตร ในชื่อนายชาญชัย รวยรุ่งเรือง อายุ 53 ปี ซึ่งสวมบัตรประชาชนในพื้นที่ ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน มีรหัส 13 หลัก คือ 3-5708-00385-95-1 แต่ทั้งนี้พบว่ามีการสวมบัตรถึง 2 ใบ จากการตรวจสอบที่อยู่ในทะเบียนระบบมหาดไทย ไม่พบที่อยู่ในท้องถิ่น อ.เชียงแสน ทั้งสิ้น
แหล่งข่าวระดับสูงฝ่ายปกครอง จ.เชียงราย ซึ่งร่วมตรวจสอบ กล่าวว่า กรณีนายเหยียนปิง มีพิรุธเห็นได้ชัด มีการสวมบัตรในชื่อคนไทย มีเลขรหัส 13 หลักอยู่ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย แต่ในรายการที่อยู่ท้องถิ่นกลับไม่มีการระบุที่อยู่ใน อ.เชียงแสน แต่กลับมีการระบุข้อมูลว่านายชาญชัยได้ขอมีบัตรประชาชนที่ท้องถิ่นเขตห้วยขวาง ในบ้านเลขที่ 29/183 ถนนพระราม 9 แขวงและเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โดยเป็นบุคคลคนเดียวที่มีบัตรประชาชน 2 ใบ ใบแรกมีเลขอนุญาตให้ทำบัตรเลขที่ 1017-2-021972 วันที่ออกบัตร 14 กุมภาพันธ์ 2539 บัตรหมดอายุวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2545
แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวต่อว่า ส่วนบัตรประชาชนใบที่ 2 มีเลขอนุญาตให้ทำบัตรที่ 1017-3-066135 วันที่ออกบัตร 23 เมษายน 2545 วันหมดอายุ 31 ธันวาคม 2551 ระบุชื่อบิดาคือนายเหลียง และมารดาชื่อนางเหม่ย บุคคลไร้สัญชาติ ซึ่งฐานทะเบียนระบุชัดเจนว่าบิดาและมารดาเป็นคนไร้สัญชาติ แต่ทำไมถึงสามารถออกบัตรประชาชนคนไทยให้นายเหยียนปิงได้ โดยที่ไม่มีข้อมูลในฐานทะเบียนราษฎรในส่วนกลางปรากฏแต่อย่างใด เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา
กลุ่มบุคคลที่ช่วยเหลือนายเหยียนปิงต้องเป็นคนระดับใหญ่โตและมีนักการเมืองระดับประเทศหนุนหลัง โดยอยากให้กรมการปกครองตรวจสอบย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 2545 พรรคการเมืองเป็นรัฐบาล ใคร นายอำเภอเชียงแสน และปลัดฝ่ายทะเบียนและบัตรเป็นใครในยุคนั้น ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นตัวการที่ช่วยเหลือให้นายเหยียนปิงมีสัญชาติ และเข้ามามีส่วนพัวพันในการรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสบกกฝั่งขวา ที่บ้านห้วยข่อยหร่อย ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน เมื่อเร็วๆ นี้อีกด้วย
ข่าวจาก เชียงใหม่นิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|