กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เผยภาพหายาก ของในหลวง
5หมื่นภาพทรงค่า ในหอจดหมายเหตุ
ภาพหายาก- สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เผยแพร่พระบรมฉายา ลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงมีพระชนมพรรษา 28 พรรษา เสด็จฯ เยี่ยมราษฎร จ.ศรีสะเกษ เป็น 1 ใน 5 หมื่นภาพที่เก็บรักษาไว้ที่หอจดหมายเหตุฯ จ.ปทุมธานี
|
สำนักหอจดหมายเหตุฯ ร.9 เผยเก็บรักษาภาพเก่า "ในหลวง" ทรงคุณค่าไว้มากถึง 5 คุณค่า 5 หมื่นภาพเก็บรักษาไว้ในสำนักหอจดหมาย เหตุฯ ร.9 หลายภาพประชาชนไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น ภาพเสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกร จ.อุดรธานี เมื่อปี 2498 ขณะทรงพระชนมพรรษา 28 พรรษา ทรงโน้มพระวรกายปฏิสันถารกับชาวบ้าน หรือภาพเสด็จฯ เมือง สุพรรณ ท่ามกลางอากาศร้อนระอุ สำนักสถิติแห่งชาติเผยผลสำรวจ คนกทม.ร้อยละ 78.0 อยากสร้างความสงบสุข-สามัคคี ถวาย "พ่อของแผ่นดิน" ในวันพ่อ 5 ธ.ค.
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. นายปรารพ เหล่าวานิช รองอธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กรมศิลปากรดำเนินการจัดสร้างหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาตั้งแต่ปี 2540 บนเนื้อที่ 75 ไร่ ต.คลองห้า อ.คลอง หลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งขณะนี้การจัดสร้างคืบหน้าใกล้แล้วเสร็จ โดยทางกรมศิลปากรได้สนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการรวบรวมเอกสารเก่าที่ทรงคุณค่าไว้ที่หอจดหมายเหตุฯ รวมถึงจัดทำนิทรรศการในรูปแบบของมัลติมีเดียที่มีความทันสมัยไว้บริการประชาชน ซึ่งจะมีพิธีเปิดหอจดหมายเหตุฯ ในเดือนพ.ค.2552 นางสุรีรัตน์ วงศ์เสงี่ยม ผอ.สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กล่าวว่า หอจดหมายเหตุฯ ที่คลองห้า จัดเป็นคลังจดหมายเหตุฯ ที่ใหญ่ที่สุด รวบรวมเอกสารทรงงานราชการของพระองค์โดยเฉพาะ และหน่วยงานราชการนำมามอบให้เก็บรักษาไว้ อาทิ ลายพระหัตถ์ พระราชประวัติ พระราชดำรัส พระราชกรณียกิจ กรมพิธีการทูต งานศิลปวัฒนธรรมทุกแขนง ที่จัดไว้เป็นหมวดหมู่รวม 6,128 รายการ ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ 5,000 รายการ กว่า 50,000 ภาพ แถบบันทึกภาพ 500 ม้วน แถบบันทึกเสียง 400 ม้วน โปสเตอร์ 500 รายการ ปฏิทิน 150 รายการ วีซีดี ดีวีดี 200 รายการ เอกสารประมวลข่าวในพระราชสำนัก 1,886 รายการ และหนังสือที่เกี่ยวกับพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ จำนวน 5,000 เล่ม
นางสุรีรัตน์กล่าวต่อว่า หอจดหมายเหตุฯ ได้รวบรวมภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่หายากและมีค่า ที่สำนักพระราชวังได้มอบให้ ซึ่งเป็นภาพที่ประชาชนไม่เคยเห็นจำนวนหลายภาพ อาทิ ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปยังท้องถิ่นทุรกันดาร เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขราษฎรของพระองค์ ในช่วงทรงมีพระชนมพรรษา 28 พรรษา โดยเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรที่ จ.อุดรธานี พ.ศ.2498 และทรงมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ โดยในภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโน้มพระวรกายปฏิสันถารกับชาวบ้านจำนวนมากที่มารอรับเสด็จ หรือภาพพระบรมฉายาลักษณ์ขณะเสด็จฯ เยี่ยมราษฎร ที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งในภาพจะมีประชาชนมาเฝ้าฯ รับเสด็จจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวและพระองค์ทรงถอดพระมาลาออก ซึ่งภาพทั้งหมดจัดเป็นภาพถ่ายขาวดำที่มีความสมบูรณ์ อีกทั้งยังสะท้อนสภาพอาคารบ้านเรือนในสมัยนั้น
"นอกจากนี้ หอจดหมายเหตุแห่งชาติฯ ขอรับภาพพระบรมฉายาลักษณ์ทั้งเก่าและใหม่จากประชาชน ที่ได้ถ่ายภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปยังภาคต่างๆ ของประเทศ เพื่อจะได้เก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติต่อไปด้วย" นางสุรีรัตน์กล่าว
นางธนนุช ตรีทิพยบุตร เลขาธิการสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการสำรวจถึงผู้ชายไทยในบทบาทของพ่อ ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบข้อมูลที่น่าสนใจในหลายประเด็น อาทิ จากการสำรวจหัวข้อ "พ่อ" ที่ลูกอยากให้เป็น พบว่าลูกส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับสุขภาพของพ่อมากกว่าสิ่งอื่น โดยอยากให้พ่อมีสุขภาพแข็งแรงมากที่สุด คือร้อยละ 56.4 รองลงมาคือ อยากให้พ่อเป็นผู้นำที่ดีของครอบครัว ร้อยละ 46.2 อยากให้มีเวลาให้ครอบครัว ร้อยละ 39.8 อยากให้พ่อไม่ดื่มเหล้า/สูบบุหรี่ ร้อยละ 37.3 รวมถึงอยากให้พ่อเป็นเพื่อนของลูกได้ทุกสถานการณ์ ร้อยละ 24.9 ส่วนสำรวจ "ลูก" ที่พ่ออยากให้เป็น พบว่า อยากให้ลูกเป็นคนดี เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่มากที่สุด ถึงร้อยละ 91.4 รองลงมาคือ อยากให้ลูกตั้งใจเรียนหรือตั้งใจทำงาน คิดเป็นร้อยละ 80.2 ไม่อยากให้ลูกดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ ร้อยละ 57.6 อยากให้ลดการเที่ยวเตร่ ร้อยละ 22.3 และอยากให้ลูกมีความกตัญญูและเอาใจใส่พ่อ ร้อยละ 9.4
เมื่อสอบถามว่าควรทำอะไรถวายแด่ "พ่อของแผ่นดิน" ในวันพ่อ 5 ธ.ค. จากการสำรวจคนในกทม. พบว่าอยากสร้างความสงบสุข สร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เป็นอันดับแรกถึงร้อยละ 78.0 รองลงมาคือ ต้องการจะเป็นคนดีของสังคมร้อยละ 31.1 ต้องการดำรงชีวิตอยู่โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงร้อยละ 6.8 ช่วยกันพัฒนาประเทศโดยไม่คอร์รัปชั่นร้อยละ 4.7 และตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานร้อยละ 3.6 เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการความสงบสุขและต้องการสร้างความสามัคคี โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน สร้างความรัก จับมือกัน เพื่อร่วมกันฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่กำลังถาโถมเข้ามาจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ลุกลามไปทั่วโลก เพื่อประเทศชาติอันเป็นที่รักของเรา
ที่หอประชุมพุทธคยา อาคารอัมรินทร์พลาซ่า มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลง "โครงการทำเพื่อพ่อ ขอคนไทยรักกัน" โดยนายนพดล กรรณิกา ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า การวิจัยเรื่อง "ความตั้งใจของประชาชน ที่จะทำความดีเพื่อพ่อ ถวายแด่ในหลวง" ในกลุ่มตัวอย่างที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกทม. และจังหวัดปริมณฑล 2,079 ตัวอย่าง วันที่ 30 พ.ย.-2 ธ.ค. พบประชาชนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ติดตามข่าวการเมืองผ่านสื่อทุกสัปดาห์เมื่อถามถึงความรู้สึกต่อประเทศไทยและความเป็นคนไทยในปัจจุบัน โดยมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบมีเพียง 5.77 คะแนนที่กล้าพูดเต็มปากว่าไทยเป็นประเทศแห่งรอยยิ้ม
"ส่วนความรู้สึกว่าสังคมไทยรักและเกื้อกูลกันได้คะแนนไม่ถึงครึ่ง คือ 4.63 คะแนน ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกที่ว่าไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีความสงบสุขและสันติมากที่สุด ได้คะแนนเฉลี่ยไม่ถึงครึ่งเช่นกัน คือ 4.67 คะแนน และเมื่ออยู่ในภาวะเดือดร้อนคนไทยเห็นอกเห็นใจต่อกันและกัน ได้คะแนนเพียง 5.38 คะแนน ภาพรวมถือว่าค่าคะแนนเฉลี่ยที่พบต่ำมากในแต่ละเรื่อง แต่ยังน่ายินดีว่าสิ่งที่ประชาชนตั้งใจจะทำความดีเพื่อถวายแด่ในหลวง 5 อันดับแรก 1.ให้อภัยกัน 2.ให้ความรัก 3.ให้ความช่วยเหลือกัน 4.ให้โอกาส 5.ให้ความซื่อสัตย์" นายนพดลกล่าว
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|