• ข้อเท็จจริงกรณีเกินกำหนด 15 วัน |
โพสต์โดย punch , วันที่ 30 พ.ย. 53 เวลา 15:12:01 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เนื่องจากในเวลานี้มีความเข้าใจที่สับสนแพร่กระจายไปในเวบบอร์ดและสื่อต่างๆ โดยเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างรุนแรงว่า กรณีอายุความหรือระยะเวลาที่นายทะเบียนต้องใช้ในการฟ้องร้องต่อศาลนั้น โดยกล่าวหากันว่าเรื่องอายุความนั้นเอามาใช้ในกรณีพรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียว ในขณะที่การพิจารณาคดียุบพรรคอื่นๆนั้น ศาลไม่ได้พิจารณาข้อนี้ ซึ่งความเข้าใจนี้น่าจะเป็นความเข้าใจผิด ที่มีการพยายามกระพือต่อๆกันไป เพราะในข้อเท็จจริง กรณีการขอยุบพรรคปชป.นั้น เป็นความผิดในฐานความผิดที่แตกต่างไปจาการยุบพรรค พปช.หรือพรรคอื่นๆ และกฎหมายกำหนดเรื่องเกี่ยวกับอายุความไว้ต่างกัน มาแต่ต้นแล้ว
คดียุบพรรคพลังประชาชนหรือพรรคอื่นๆนั้น อัยการสูงสุด ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค ผู้ถูกร้อง เนื่องจากปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่า ผู้ถูกร้องกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๓๗ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๙๔ (๑) (๒) และมาตรา ๙๕ ซึ่งแตกต่างไปจากกรณีขอยุบพรรค ปชป.ที่ถูกกล่าวหาเรื่องการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ อันเป็นความผิดตามมาตรา ๙๓ ไม่ใช่ มาตรา ๙๔ (๑) (๒) และมาตรา ๙๕
มาตรา ๙๔ ที่พรรค พปช.และอีกหลายพรรคที่โดนยุบไป ดังที่มีการเอาตารางมาเปรียบเทียบนั้น โดนกล่าวหา บัญญัติว่าเมื่อพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคการเมือง
(๑) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือกระทำการตามที่รัฐธรรมนูญให้ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อให้ ได้มาซึ่งอำนาจโดยวิธีการดังกล่าว
(๒) กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา หรือระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
(๓) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ
(๔) กระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร หรือขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือ
(๕) กระทำการฝ่าฝืนมาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง มาตรา ๔๓ มาตรา ๖๕ มาตรา ๖๖ มาตรา ๖๙ หรือมาตรา ๑๐๔
มาตรา ๙๕ เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียน หรือเมื่อนายทะเบียนได้รับแจ้งจากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา ๙๔ ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งแจ้งต่ออัยการสูงสุด พร้อมด้วย หลักฐาน เมื่ออัยการสูงสุดได้รับแจ้งให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ ได้รับแจ้ง ถ้าอัยการสูงสุดเห็นสมควร ก็ให้ยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมือง ดังกล่าว ถ้าอัยการสูงสุดไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้นายทะเบียนตั้งคณะทำงานขึ้นคณะหนึ่ง
จะเห็นว่าในมาตรา 95 มีข้อกำหนดว่าให้อัยการสูงสุดพิจารณาให้เสร็จใน 30 วัน แต่ไม่มีข้อกำหนดว่า อัยการสูงสุดหรือนายทะเบียนจะต้องส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญในกี่วัน ซึ่งต่างจากความผิดในกรณีขอยุบพรรคปชป.ที่เป็นความผิดคนละฐานและกฎหมายกำหนดเรื่องนี้ไว้แตกต่างกันคือ นายทะเบียนฟ้องยุบพรรค ปชป.ตามฐานความผิดและอาศัยมาตรา 93 ซึ่งมีอายุความ 15 วัน(ไม่ใช่มาตรา 95 ที่ไม่มีอายุความ) โดยมาตรา 93 บัญญัติไว้แตกต่างจากมาตรา 95 ที่ยกไว้ในกรณีพรรคพลังประชาชนข้างบน
โดยสรุป มาตรา 95 ไม่มบทบัญญัติว่าอัยการจะต้องส่งเรื่องให้ศาลภายในกี่วัน ต่างไปจากมาตรา 93 คือ
มาตรา ๙๓ ในกรณีที่พรรคการเมืองใดมีเหตุต้องเลิกตามข้อบังคับพรรคการเมืองแต่พรรคการเมืองนั้นยังมีสมาชิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ หรือในกรณีที่พรรคการเมืองใดไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๘๒ ให้ยุบพรรคการเมืองนั้น เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมืองใดมีเหตุตามวรรคหนึ่ง ให้นายทะเบียนโดยความ เห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ความปรากฏต่อนายทะเบียน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองตามคำร้องของนายทะเบียน ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้น
นั้นคือมาตรา 93 บัญญัติอายุความการฟ้องไว้ชัดเจนมากว่าภายใน 15 วันนับแต่วันที่นายบทะเบียนทราบเรื่องการกระทำความผิดเนื่องจากในเวลานี้มีความเข้าใจที่สับสนแพร่กระจายไปในเวบบอร์ดและสื่อต่างๆ โดยเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างรุนแรงว่า กรณีอายุความหรือระยะเวลาที่นายทะเบียนต้องใช้ในการฟ้องร้องต่อศาลนั้น โดยกล่าวหากันว่าเรื่องอายุความนั้นเอามาใช้ในกรณีพรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียว ในขณะที่การพิจารณาคดียุบพรรคอื่นๆนั้น ศาลไม่ได้พิจารณาข้อนี้ ซึ่งความเข้าใจนี้น่าจะเป็นความเข้าใจผิด ที่มีการพยายามกระพือต่อๆกันไป เพราะในข้อเท็จจริง กรณีการขอยุบพรรคปชป.นั้น เป็นความผิดในฐานความผิดที่แตกต่างไปจาการยุบพรรค พปช.หรือพรรคอื่นๆ และกฎหมายกำหนดเรื่องเกี่ยวกับอายุความไว้ต่างกัน มาแต่ต้นแล้ว
คดียุบพรรคพลังประชาชนหรือพรรคอื่นๆนั้น อัยการสูงสุด ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค ผู้ถูกร้อง เนื่องจากปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่า ผู้ถูกร้องกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๓๗ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๙๔ (๑) (๒) และมาตรา ๙๕ ซึ่งแตกต่างไปจากกรณีขอยุบพรรค ปชป.ที่ถูกกล่าวหาเรื่องการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ อันเป็นความผิดตามมาตรา ๙๓ ไม่ใช่ มาตรา ๙๔ (๑) (๒) และมาตรา ๙๕
มาตรา ๙๔ ที่พรรค พปช.และอีกหลายพรรคที่โดนยุบไป ดังที่มีการเอาตารางมาเปรียบเทียบนั้น โดนกล่าวหา บัญญัติว่าเมื่อพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคการเมือง
(๑) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือกระทำการตามที่รัฐธรรมนูญให้ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อให้ ได้มาซึ่งอำนาจโดยวิธีการดังกล่าว
(๒) กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา หรือระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
(๓) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ
(๔) กระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร หรือขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือ
(๕) กระทำการฝ่าฝืนมาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง มาตรา ๔๓ มาตรา ๖๕ มาตรา ๖๖ มาตรา ๖๙ หรือมาตรา ๑๐๔
มาตรา ๙๕ เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียน หรือเมื่อนายทะเบียนได้รับแจ้งจากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา ๙๔ ให้นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งแจ้งต่ออัยการสูงสุด พร้อมด้วย หลักฐาน เมื่ออัยการสูงสุดได้รับแจ้งให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ ได้รับแจ้ง ถ้าอัยการสูงสุดเห็นสมควร ก็ให้ยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมือง ดังกล่าว ถ้าอัยการสูงสุดไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้นายทะเบียนตั้งคณะทำงานขึ้นคณะหนึ่ง
จะเห็นว่าในมาตรา 95 มีข้อกำหนดว่าให้อัยการสูงสุดพิจารณาให้เสร็จใน 30 วัน แต่ไม่มีข้อกำหนดว่า อัยการสูงสุดหรือนายทะเบียนจะต้องส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญในกี่วัน ซึ่งต่างจากความผิดในกรณีขอยุบพรรคปชป.ที่เป็นความผิดคนละฐานและกฎหมายกำหนดเรื่องนี้ไว้แตกต่างกันคือ นายทะเบียนฟ้องยุบพรรค ปชป.ตามฐานความผิดและอาศัยมาตรา 93 ซึ่งมีอายุความ 15 วัน(ไม่ใช่มาตรา 95 ที่ไม่มีอายุความ) โดยมาตรา 93 บัญญัติไว้แตกต่างจากมาตรา 95 ที่ยกไว้ในกรณีพรรคพลังประชาชนข้างบน
โดยสรุป มาตรา 95 ไม่มบทบัญญัติว่าอัยการจะต้องส่งเรื่องให้ศาลภายในกี่วัน ต่างไปจากมาตรา 93 คือ
มาตรา ๙๓ ในกรณีที่พรรคการเมืองใดมีเหตุต้องเลิกตามข้อบังคับพรรคการเมืองแต่พรรคการเมืองนั้นยังมีสมาชิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ หรือในกรณีที่พรรคการเมืองใดไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๘๒ ให้ยุบพรรคการเมืองนั้น เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมืองใดมีเหตุตามวรรคหนึ่ง ให้นายทะเบียนโดยความ เห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ความปรากฏต่อนายทะเบียน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองตามคำร้องของนายทะเบียน ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้น
นั้นคือมาตรา 93 บัญญัติอายุความการฟ้องไว้ชัดเจนมากว่าภายใน 15 วันนับแต่วันที่นายบทะเบียนทราบเรื่องการกระทำความผิด
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1163 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย punch
IP: Hide ip
, วันที่ 30 พ.ย. 53
เวลา 15:12:01
|