เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
leftfootforward.org
หลังจากดิ้นรนต่อสู้จากการถูกปฏิวัติต่อต้านการใช้อำนาจโกงกินบ้านเมืองมา นานหลายเดือน ล่าสุด พลเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตประธานาธิบดีแห่งลีเบีย ก็ได้จบชีวิตลงแล้ว หลังถูกฝ่ายปฏิวัติยิงบาดเจ็บสาหัสในสนามรบเมืองเซิร์ตบ้านเกิด ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สำนักข่าวอัลจาซีร่าห์ รายงานเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า พลเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ได้เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยน้ำมือของฝ่ายปฏิวัติ พร้อมปล่อยคลิปวิดีโอก่อนกัดดาฟีเสียชีวิตเผยแพร่ไปทั่วโลก สร้างความพึงพอใจให้กับผู้นำชาติตะวันตกเป็นอย่างมาก
โดยคลิปวิดีโอดังกล่าว เผย ให้เห็นร่างของกัดดาฟีในสภาพบาดเจ็บสาหัส เนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเลือด อยู่ในการควบคุมของนักรบสภาโอนถ่ายอำนาจแห่งชาติอย่างใกล้ชิด และกำลังร้องขอความเมตตาจากฝ่ายปฏิวัติว่า "อย่ายิง! อย่ายิง!" ก่อนที่จะถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาล และทนพิษบาดแผลไม่ไหว จบชีวิตลงในที่สุด ก่อนจะมีการเผยภาพศพของกัดดาฟีในเวลาต่อมา โดยศพมีสภาพกึ่งเปลือย และมีรูกระสุนอยู่บริเวณขมับ หลังจากนั้นมีรายงานว่ามีการแห่ศพกัดดาฟีไปตามถนนทั่วเมือง
หลังจากนั้น นายมาห์มูด ชัมมัม รัฐมนตรีข้อมูลข่าวสารของสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติลิเบีย และอับเดล ฮาเฟซ กอกา โฆษกของสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวว่า บัดนี้ พลเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ได้เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยน้ำมือการสังหารของฝ่ายปฏิวัติ ถือเป็นการสิ้นสุดช่วงเวลาแห่งทรราชและระบอบเผด็จการ
พร้อมกันนี้ นายอับเดล ฮาเฟซ กอกา ยังได้เปิดเผยว่า มูตัสซิม กัดดาฟี ลูกชายคนหนึ่งของกัดดาฟีก็ได้เสียชีวิตแล้วเช่นกัน โดยเสียชีวิตในวันเดียวกันกับพ่อของตัวเอง รวมถึง อาบู บาค์ร ยูนิส อดีตรัฐมนตรีกลาโหมรัฐบาลเผด็จการ ก็ถูกพบเสียชีวิตแล้วด้วย โดยศพของทั้งสามคน ได้ถูกนำขึ้นรถพยาบาลแห่ไปตามถนนและเดินทางไปยังเมืองมิสราตาเป็นที่เรียบ ร้อยแล้ว ขณะที่ทางด้านชาวลิเบียจำนวนมากได้ออกมารวมตัวกันบนท้องถนนกลางกรุงตริโปลี เพื่อฉลองการจากไปของกัดดาฟี
ส่วนทางด้านผู้นำชาติตะวันตก หลังจากมีการเปิดเผยคลิปและข่าวการเสียชีวิตของกัดดาฟีแล้ว ก็แสดงความดีใจเป็นอย่างมากต่อการจากไปของทรราช โดยระบุว่าการจากไปของกัดดาฟีนี้ ถือเป็นจุดจบของระบบกดขี่ เผด็จการ และเป็นการปลดปล่อยลิเบียสู่ประชาธิปไตยเสียที