• การเมืองครับ ช่วยอ่านให้จบ แล้วช่วยออกความเห็น |
โพสต์โดย กลางๆ , วันที่ 30 ต.ค. 54 เวลา 09:18:55 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
จากผู้หญิงถึงผู้หญิง "เอิน" วิพากษ์ "ยิ่งลักษณ์"-ชาวเน็ตสวนกลับแค่อยากดัง
มติชนออนไลน์ : น.ส.กัลยกร นาคสมภพ หรือ "เอิน กัลยกร" อดีตนักร้องค่ายแกรมมี่และนักแสดง ได้เขียนบทความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่า KalyakornEarnNaksompopโดยแสดงการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทและการทำงานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังรุมเร้ากรุงเทพมหานครในขณะนี้ จนก่อให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง บทความดังกล่าวมีชื่อว่า "จากผู้หญิง (ธรรมดา) ถึงผู้หญิง (ที่เป็นนายก)" ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาทั้งหมดมีดังนี้ จากผู้หญิง (ธรรมดา) ถึงผู้หญิง (ที่เป็นนายก)
ตอนแรกก็ว่าจะเก็บไว้เขียนหลังน้ำท่วม ..แต่ก็นะ เราก็ไม่รู้ว่าวันนั้นมันจะถึงเมื่อไหร่ ที่สำคัญคือ หลังจากที่ได้ดู นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ออกแถลงการณ์ทางทีวีเมื่อคืนนี้ ...บอกตรงๆ ละเหี่ยใจ และอดใจไม่ให้เขียนบทความนี้ไม่ได้แล้วคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยจริงๆ ตอนที่คุณยิ่งลักษณ์ได้ตำแหน่ง ผู้หญิงทั้งในและต่างประเทศ ก็รู้สึกยินดีที่ประเทศไทยได้มีนายกหญิงคนแรก เราเองได้เขียนลงเฟซบุ๊คว่า ส่วนตัวไม่ถือว่าคุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกหญิงคนแรก เหตุเพราะคุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้รับการเลือกตั้งเพราะความสามารถของเธอเอง แต่เป็นเพราะคนต้องการผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังเธอต่างหาก ประชาชนที่เลือกเธอ ไม่ใช่เพราะชื่อ "ยิ่งลักษณ์" แต่เป็นเพราะนามสกุล "ชินวัตร" ที่เป็นสิ่งการันตีว่าเธอคนนี้คือ "สายตรง" ดังนั้นเราจะนับว่าคุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกไม่ได้
เราจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกจริงๆก็ต่อเมื่อ เธอคนนั้นต่อสู้ฟันฝ่ามาด้วยตัวเอง และพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า "ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถที่จะเป็นผู้นำประเทศได้" เท่านั้นแต่ก็ช่างมันเถอะค่ะ สรุปว่า ประเทศไทยได้มีนายกรัฐมนตรีหญิงประดับประวัติศาสตร์กับเขาเสียที และจากวันที่เธอรับตำแหน่ง เราก็ควรจะดูแต่ผลงานของรัฐบาลภายใต้การนำของเธอคนนี้ ซึ่งแรกๆ นั้นเป็นไปได้ด้วยดีค่ะ คุณยิ่งลักษณ์ แม้จะดูไม่แข็งแรงห้าวหาญ แต่เธอมีความละมุนในบุคลิกที่ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลซึ่งเต็มไปด้วยบุคคลที่เป็นที่กังขาของสังคมดูดีขึ้นแม้นโยบายของเธอจะเป็นที่ถกเถียงในวงกว้างแต่ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอยู่ที่ว่าใครมองมุมไหนแต่เวลาเธอไปเยี่ยมประเทศเพื่อนบ้านแล้วถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์นี่สิคะแม้...ดูดีสรุปว่าภาพลักษณ์ดูดีขึ้นเพราะเรามีนายกหญิงที่ดูดีดูสง่า เป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศไทยจำได้ว่าตอนหาเสียง ผู้สนับสนุนเธอชอบบอกว่าเธอนี่แหล่ะ ที่จะเป็น "สตรีขี่ม้าขาว" ที่จะเข้ามากอบกู้ประเทศไทย ตามคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำแม้ไม่ได้สนับสนุนพรรคเธอ ก็แอบหวังลึกๆ ว่า "เป็นจริงก็ดี" ถึงตอนนี้ ถ้ามีคนที่สามารถพาประเทศไทยฝ่าวิกฤติทางการเมืองไปได้ จะเป็นใครมาจากฝั่งไหนก็สนับสนุนทั้งนั้น ยิ่งเธอปะยี่ห้อว่าเป็นผู้หญิงคนแรก ที่ได้รับหน้าที่สำคัญที่สุดในประเทศ คือการรับผิดชอบดูแลคนกว่า 70 ล้านคน งานใหญ่นะคะ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงทำงานด้วยกัน ก็แอบเชียร์อยู่ อยากให้เธอเป็นนารีขี่ม้าขาวจริงๆ ประเทศเราจะได้ก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงเสียที
แต่แล้วอุทกภัยก็มาถึง มวลน้ำมหาศาลที่เข้ามาท้าทายความสามารถในการเป็นผู้นำของคุณยิ่งลักษณ์ ผลเป็นอย่างไร ...ไม่ต้องอธิบายให้มากความ
ไม่ใช่แค่คุณยิ่งลักษณ์สอบตกทุกด้าน ในฐานะที่เป็นผู้นำของประเทศ เธอยังทำให้ภาพลักษณ์ของผู้หญิงนั้นเสียหาย
ผู้ชายอาจจะไม่เข้าใจ แต่การเป็นผู้หญิงทำงาน เพื่อจะพิสูจน์ว่าตัวเองมีความสามารถ เหมาะสมกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หลายคนต้องทำงานหนักกว่าผู้ชาย หลายคนต้องใช้เวลามากกว่าผู้ชาย เพื่อจะลบอคติที่ว่า "ผู้หญิงอ่อนแอ" หรือ "ผู้หญิงมีดีได้แค่สวย" เป็นผู้หญิง ต้องทนคนที่เข้ามาหวังหาเศษหาเลย ต้องปกป้องตัวเองโดยต้องไม่ให้กระทบกับงาน ในขณะเดียวกันก็ต้องแสดงให้เห็นว่าเราเก่งพอ เพราะเราไม่สามารถไปนั่งกินเหล้า "เที่ยวผู้หญิง" กับเจ้านายเหมือนผู้ชายคนอื่นได้ เพราะเราไม่สามารถเล่นมุกฮาแบบลามกเต็มที่เหมือนผู้ชายคนอื่นได้ เราไม่สามารถมีช่วงเวลาส่วนตัวขนาดนั้นกับเจ้านายหรือผู้มีอำนาจซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชายได้ เราจึงต้องใช้ความสามารถเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์หลายคนอาจจะบอกว่านี่มันยุคนี้แล้วไม่มีแล้วเรื่องความไม่เท่าเทียม...มีค่ะยังมีอยู่เป็นผู้หญิงค่ะทำงานค่ะและยังเจอทุกสิ่งอย่างที่พูดมากับตัวเองค่ะและไม่ใช่ผู้เขียนคนเดียวที่เจอจึงได้เข้าใจและพูดได้
คุณยิ่งลักษณ์ ในฐานะที่เป็นผู้หญิง นอกจากจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นนายกที่ดีได้ ยังต้องพิสูจน์ด้วยว่า "ความสามารถไม่เกี่ยวกับเพศ" คุณเป็นนายกหญิงคนแรกนะคะ คุณแบกรับภาพลักษณ์ตรงนี้เอาไว้อยู่ค่ะ คุณต้องลุย (ลุยจริงๆ ไม่ใช่แค่ลุยออกสื่อ) คุณต้องแข็งแรง และคุณต้องเก๋า ...ต้องเอาให้อยู่
...แต่คุณยิ่งลักษณ์ทำไม่ได้ค่ะการที่สื่อที่เป็นผู้ชายไม่กล้าว่าหนักๆเหมือนที่ว่านักการเมืองคนอื่นหรือนักวิชาการไม่กล้าวิจารณ์แรงๆเหมือนที่วิจารณ์นักการเมืองผู้ชายเพราะเกรงว่าจะเป็นการ"รังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ" หรือเพราะ "สงสาร" ก็ตาม คือหลักฐานว่ามันมีเส้นหนาๆกั้นอยู่ระหว่างเพศชายและหญิง ส่วนตัวนายกเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะเธอออกมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เคยแข็งแรง ด้วยคำพูดที่ไม่เคยเข้มแข็ง และด้วยข้อความที่ไม่เคยชัดเจน นอกจากนั้นเธอยังไม่เคยแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการคิดเองได้เลย
เธอทำให้เห็นเลยว่า ความละมุนของเธอนั้น จริงๆแล้วมาจากความอ่อนแอคุณยิ่งลักษณ์ตอกย้ำทุกวัน ว่าผู้หญิงอ่อนแอ ว่าผู้หญิงพูดจาเป็นงานเป็นการไม่รู้เรื่อง ว่าผู้หญิงคุมลูกน้องไม่ได้ ว่าผู้หญิงตัดสินใจไม่เป็น ว่าผู้หญิงเป็นผู้นำไม่ได้ สิ่งที่คุณยิ่งลักษณ์ทำ หรือทำไม่ได้ ตอกย้ำว่าผู้หญิงทำงานใหญ่ไม่ได้ ว่าผู้หญิงสุดท้ายก็เป็นได้แค่ผู้หญิงวันยังค่ำ ที่ได้แต่แต่งตัวสวยไปวันๆโดยที่ทำอะไรไม่เป็น ...เสียค่ะ เสียหายอย่างยิ่ง
ลองนึกดูนะคะ แม้ในอนาคตจะมีผู้หญิงที่มีความสามารถ แต่ใครจะอยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย มันขยาดนะคะ ประมาณว่าทดลองแล้ว ไม่สำเร็จ ก็จบแล้ว ยิ่งถ้าคนที่ไม่มีแบ๊คใหญ่ขนาดแบ๊คของคุณยิ่งลักษณ์ ยิ่งไม่ต้องหวัง
แล้วก็พาลสงสัย ว่าประวัติที่ผ่านมาของคุณยิ่งลักษณ์ ก็เป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่ระดับประเทศทั้งนั้น แล้วบริษัทเหล่านั้นรอดมาได้อย่างไร สงสัยแม้กระทั่งว่าคุณยิ่งลักษณ์เคยทำงานเองจริงๆหรือไม่ หรือได้แค่ใช้วุฒิการศึกษาที่ดูดี แต่งตัวดีๆ แต่งหน้าดีๆ ไปนั่งเฉยๆ ให้บริษัทนั้นดูภาพลักษณ์ทันสมัยขึ้น แค่นั้น? ...ถามจริงๆเถอะ ความสามารถในการสื่อสารและการทำงานระดับนี้ ถ้าไม่มี "พี่ชาย" คอยผลักคอยดันอยู่ข้างหลัง ป่านนี้คุณยิ่งลักษณ์จะทำอะไรอยู่ที่ไหน? ให้เดานะคะ ...แต่งตัวสวยๆ กลางวันไปช็อปปิ้ง ไปสปา กลับมานั่งสวยรอให้สามีชื่นชม
สรุปคือผิดหวังค่ะ เสียใจ และรู้สึกแย่ที่ผู้หญิงซึ่งได้รับตำแหน่งใหญ่ขนาดนี้คนแรก กลับทำให้ภาพลักษณ์ของผู้หญิงด้วยกันตกต่ำลงกว่าเดิม แต่งตัวสวยๆ หน้าผมเป๊ะนั้นไม่ผิดหรอกค่ะ ที่ผิดคือทำได้แค่นั้นจริงๆ
ยอมรับค่ะ ว่าการที่เขียนบทความนี้ขึ้นมาก็กลัวเหมือนกันว่าจะมีผลกระทบกับชีวิต ว่าอาจจะมีผู้สนับสนุนนายกออกมาล่าหัว โทษฐาน "วิจารณ์ผู้นำอันเป็นที่รักยิ่ง" แต่ต้องพูดค่ะ พูดอย่างเป็นกลางโดยไม่ฝักฝ่ายทางการเมือง พูดในฐานะประชาชนในระบอบประชาธิปไตยที่สามารถวิจารณ์ฝ่ายการเมืองได้ ...พูดในฐานะที่เป็นผู้หญิง
ย้ำนะคะ ไม่ว่าคุณยิ่งลักษณ์จะมาจากพรรคไหนก็ตาม หากได้เป็นนายกแล้วทำงานอย่างนี้ ก็จะออกมาพูดแบบนี้เหมือนกัน
เพราะคุณยิ่งลักษณ์ได้พิสูจน์แล้วว่าเธอไม่ได้ขี่ม้าขาว และเธอไม่ใช่สตรีในตำนาน (ก็อย่างที่คนข้างตัวเคยพูดไว้) สุดท้าย คุณยิ่งลักษณ์ ก็เป็นได้แค่ "สตรีขี่ม้าน้ำ" เท่านั้น
กัลยกร นาคสมภพ
26 ต.ค. 2554
_______________
ภายหลังจากบทความของเอินเผยแพร่ไปตามเว็บสังคมออนไลน์ต่างๆเว็บบอร์ดของกลุ่มคนเสื้อแดงได้วิพากษ์วิจารณ์เบื้องหลังการโพสต์ของเอินว่าอาจเพราะดร.นิพนธ์ นาคสมภพ บิดาของเอินทำงานเป็นผู้บริหารสถานีเอเอสทีวี ของกลุ่มพันธมิตรฯ ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ใช้นามว่าว่า "ปฐม พยัคฆ์ร้ายเเห่งคลองบางหลวง" เขียน "จดหมาย" เพื่อโต้ตอบ "เอิน กัลยกร" ผ่านทางเฟซบุ๊กเช่นกัน โดยใช้ชื่อบทความว่า "จดหมายจากคลองกระจง ถึง คุณเอิน กัลยากร นาคสมภพ" ซึ่งมีข้อความดังนี้ถ้าใครยังไม่รู้เรื่องราวของ คุณเอิน กัลยากร นาคสมภพ และสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ลองไปอ่านก่อนนะครับมีคนเอาลิงค์มาแปะในคอมเมนต์ ไปแวะอ่านกันก่อนแล้วค่อยอ่านของผมทีหลังหรือจะอ่านของผมก่อนแล้วไปอ่านของเอิน ก็แล้วแต่ท่านเหอะในโลกนี้มีผู้หญิงที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำมากมายนะครับเอิน... อินทิรา คานธี , มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ ชื่อเหล่านี้คงคุ้นหูเอินบ้างไม่มากก็น้อย แต่วันนี้ผู้หญิงที่ดูมีบทบาทมากที่สุดในโลกก็คงจะปฏิเสธ ฮิลลารี่ คลินตั้น กับ อองซานซูจี ไม่ได้เลย หลายคนคงพอเดาได้นะครับว่าข้าพเจ้ากำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร ประเด็นไหน... ประเด็นแรกที่ข้าพเจ้าอยากบอกเอินคือ ผู้หญิงที่เป็นระดับผู้นำในโลกนี้หลายคนที่เอ่ยชื่อมาล้วนไม่ต่างกับ ยิ่งลักษณ์ เท่าไหร่ เพราะเขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้วยอาศัยบารมีเก่าของคนในครอบครัว เพราะคุณเอินได้เขียนในบันทึกของคุณว่า ยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกเพียงเพราะเป็นคนนามสกุล "ชินวัตร" ไม่ได้ต่อสู้มาด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงไม่นับว่า ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ข้าพเจ้าเลยจะบอกคุณเอินว่ารายนามข้างต้นนั้นก็ไม่ควรจะยกให้เป็นระดับผู้นำ อินทิรา คานธี ก็อาศัยบารมีของคุณพ่อคือ ศรีเนห์รู อินทิรา คานธี ตอนขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำใหม่ ๆ เธอก็เป็นดั่งหุ่นเชิดจนมีคนตั้งฉายาว่าเธออย่างเจ็บแสบว่า ตุ๊กตาหน้าโง่ (ข้าพเจ้าขออภัยที่จำฉายานั้นเป็นภาษาฮินดีไม่ได้) แต่จากนั้นห้าปีเธอได้สะสมประสบการณ์และก้าวขึ้นการเป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่ใครไม่อาจจะปฏิเสธได้เลย เธอสะสมประสบการณ์ทางการเมืองและในทางเดียวกันเธอก็เข้าถึงใจคนจนที่นักปกครองทุกรุ่นหลงลืม จนสุดท้ายชื่อของเธอโดดเด่นเป็นตัวของตัวเอง เธอลบคำสบประมาทว่าก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำได้เพราะพ่ออย่างหมดสิ้นและสิ้นเชิง คุณเอินว่า การเริ่มต้นของอินทิรากับยิ่งลักษณ์พอๆกันไหมครับ เพราะเธอเข้าสู่ตำแหน่งวันแรก ๆ ผู้ชายก็รุมด่าเธอตั้งฉายาให้เธอว่า "ตุ๊กตาบาร์บี้" ไม่ต่างจาก อินทิรา เท่าไหร่ว่าไหม...
มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ ล่ะ... คนนี้หญิงเหล็กของโลกเลยนะครับคุณเอิน แต่คุณเอินรู้ไหมว่ากว่าเธอจะก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำเธอต้องได้รับการสนับสนุนจากใครบ้าง ไม่เพียงแต่ต้องการเสียงในสภาเสียงประชาชนเท่านั้น เพราะ มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ ที่เธอมาถึงวันนี้ได้ก็เพราะว่าเธออาศัยรากฐานของครอบครัวเธอเป็นสำคัญ อองซานซูจี ล่ะ... มิใช่ว่าเพราะพ่อของเธอหรอกเหรอ เธอถึงก้าวเป็นสัญลักษณ์ของพม่าในเวลาอันรวดเร็ว เธอเป็นแกนนำมวลชนเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าได้นั้นส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เพราะเธอเป็นลูกของ นายพลอองซาน อองซานซูจีโดดเด่นในเวทีพม่าเพราะอาศัยรากฐานจากพ่อและเป็นที่สนใจของชาวโลกเพราะการสนับสนุนของอเมริกา ฮิลลารี่คลินตั้น ก็เช่นกัน จริงๆคนนี้เป็นผู้หญิงที่เก่งมากครับ เธอเก่งมาแต่เดิม แต่เธอทำทุกอย่างเพื่อสนับสนุนสามีเป็นหลังบ้านที่ดีเพื่อให้ บิลล์ เป็นหมายเลขหนึ่งของโลก แต่เราจะปฏิเสธได้หรือไม่ว่าวันนี้ที่เธอโดดเด่นและมีบทบาท เพราะอาศัยรากฐานจากสามีเช่นกันทั้งหมดทั้งมวลที่ข้าพเจ้าไล่มานั้นเพียงเพื่อจะชี้ให้เห็นว่า ผู้นำที่โดดเด่นเหล่านี้จริงๆแล้วถ้ามองในมุมคุณเอินจะเห็นว่าไม่มีใครต่อสู้ขึ้นมาด้วยตัวเองเลยแม้แต่คนเดียวเพราะเกือบทั้งหมดถ้าไม่อาศัยพ่อก็ต้องอาศัยผัวไม่อาศัยผัวก็ต้องพึ่งพานามสกุล ซึ่งนั่นเป็นความจริงครับคุณเอิน เพราะมันเป็นรากเป็นฐาน อย่างคุณเอินและพี่สาว(หรือน้องสาว) ของคุณเนี่ย ถ้าไม่ได้นามสกุล "นาคสมภพ" จะได้เข้าสู่วงการบันเทิงหรือไม่... จะมีฐานะเป็นที่รู้จักของคนเป็นเบื้องต้นหรือไม่... คุณเอินลองถามและตอบตัวเอง แต่ผู้หญิงเหล่านั้นต่างจากคุณเอินครับ เพราะเมื่อเขามีรากฐานมาเขาได้โอกาสและพวกหล่อนคว้ามันไว้และทำโอกาสให้เป็นสิ่งดีงาม พวกเธอก็อยู่ในใจของผู้คน ซึ่งแตกต่างจากคุณเอินที่มีรากฐานได้โอกาส แต่เชื่อไหมครับว่าวันนี้ใครหลาย ๆ คนยังต้องระลึกชาติเลยว่า "คุณเป็นใคร" นั่นคือความต่างของ รากฐาน ที่คุณว่าไว้ ถ้าจะถามว่ายิ่งลักษณ์ได้ต่อสู้มาไหมในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ข้าพเจ้าต้องเรียนคุณเอินว่า คุณยิ่งลักษณ์ได้ต่อสู้มาตลอดด้วยตัวของเธอเองแม้จะมีคนสนับสนุนแต่เธอก็ฝ่าฟันมาได้เอง ถ้าคุณเอินย้อนไปคิดดูตอนช่วงรณรงค์เลือกตั้ง คุณจำได้ไหมครับว่า คุณสุเทพเทือกสุบรรณ และ คุณอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ อีกทั้งลูกหาบทั้งหลาย มั่นใจในคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์แค่ไหน อย่างไร... มั่นใจมากหรือไม่ให้ไปดูวาทกรรมว่า "จะขุดรูอยู่" ของ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็แล้วกัน จากวาทกรรมฆ่าตัวเองของประชาธิปัตย์ มันชี้ให้เห็นว่าตอนแรกคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยคงไม่เท่าไหร่ แต่ยิ่งลักษณ์ก็หมั่นลงพื้นที่หมั่นเข้าหาประชาชน ความอึดของเธอไม่ได้แพ้ผู้ชายอกสามศอกอย่างอภิสิทธิ์เลย ในขณะที่อภิสิทธิ์เอาสายสิญจน์ล้อมหัวหนุนชะตา ยิ่งลักษณ์ก็ยังลงพื้นที่โดยไม่มีเชือกใดมาพันกบาล ความแตกต่างตรงนี้คุณเอินพอมองเห็นอะไรบ้างไหมครับ ยิ่งลักษณ์จริงอยู่ที่มีนามสกุล "ชินวัตร" เป็นพื้นฐาน แต่ถ้าเธอไม่เอาไหนรักษาโอกาสไม่ได้อย่างคุณ เธอก็คงถูกลืมเลือนและคงไม่ชนะเลือกตั้ง แต่คุณยิ่งลักษณ์รู้จักบริหารโอกาสรู้จักเข้าไปในใจประชาชน เธอจึงได้เป็นผู้นำ การทำงานของยิ่งลักษณ์ในวันนี้... ข้าพเจ้าก็เห็นข้อผิดพลาดของเธอมากมายและหลายครั้งก็นึกเหมือนกันว่าถ้าข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร ข้าพเจ้านึกได้เพียงสามนาทีแล้วก็ต้องเลิกคิดเพราะมันเป็นความสยดสยองที่ผุดขึ้นมาแทนที่ความฝันอันเรืองรอง ข้าพเจ้าไม่ทราบจริงๆว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร นักวิชาการเรื่องน้ำของประเทศเราวันนี้มีเยอะครับแต่มันเยอะจนเกินไปจนไม่รู้จะเลือกเชื่อใครสักคน ใครที่ว่าเก่งว่าเจ๋งก็คาดการณ์ผิดหน้าตาแหกกันเป็นแถวๆ ถ้าข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีก็คงตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกเชื่อใครดี แต่เธอก็กล้าหาญพอที่จะตัดสินใจและแก้ไขปัญหาอย่างเต็มความสามารถ ในสายตาของข้าพเจ้าแล้วคิดว่าเธอทำงานได้ดีแม้ไม่สง่างาม ภาวะวิกฤตน้ำแบบนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่ว่าใครมาทำงานตรงนี้คงไม่เหลือความสง่างามให้เห็น แม้แต่ผู้ชายอย่าง ประยุทธ์ จันทร์โอชา , สุขุมพันธ์ บริพัตร สองคนนี้สภาพเหมือน...ตกน้ำซึ่งดูไปแล้วแย่ยิ่งกว่าสภาพปรัตยุบันของนายกรัฐมนตรีอย่างยิ่งลักษณ์เสียอีกการจะมองความสามารถการทำงานนั้นต้องเทียบกับความหนักหนาของงานเป็นสำคัญ น้ำท่วมประเทศไทยหนนี้น่าจะจารึกในประวัติศาสตร์ชาติไทยได้เลยว่าเป็นปัญหาน้ำท่วมที่มีมวลน้ำหนักหนามากที่สุดและเป็นปัญหาที่รับช่วงต่อจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในตอนที่ อภิสิทธิ์ รับมือกับน้ำท่วมที่ไม่หนักหนาเท่านี้ข้าพเจ้าพูดอย่างตรงไปตรงมาได้เลยว่า ทำงานได้ไม่สมชาย และแก้ปัญหาเพ้อเจ้อไม่สมกับเป็นเด็กอังกฤษ ถ้าเทียบกับยิ่งลักษณ์ตอนนี้ ข้าพเจ้าพูดด้วยความสัตย์ว่า ยิ่งลักษณ์ดูดีกว่ามากมายมหาศาล เธอไม่ท้อแม้จะมากแค่ไหน เธอตั้งใจ ไม่โทษใคร เธอต้องเดินฝ่าสงครามน้ำลายที่เพศชายโจมตีเธอ เธอก้มหน้าทำงานไม่ฟ้องประชาชนว่า "ผู้ชายไม่ได้ช่วยงานแถมเล่นสกปรกกับผู้หญิง" เธอมีสิทธิที่จะพูดแต่เธอไม่ได้พูดเรื่องใด แม้มีคนใส่ร้ายเธอมากมาย เธอก็ไม่เคยโจมตีกลับอะไรซึ่งผิดกับผู้ชายอกสามศอกที่หลุดอาการออกบ่อย ๆ ด้วยซ้ำไป ถ้านึกไม่ออกคุณเอินลองไปหาภาพอภิสิทธิ์ปรี่เข้าหานักข่าวหญิงได้นะครับ... การที่คุณจะมองว่า ยิ่งลักษณ์ สอบตกทุกเรื่องนั้นก็เป็นสิทธิของคุณล่ะครับ แต่ถ้าเรามองความจริงและเอายิ่งลักษณ์มาเทียบกับอภิสิทธิ์และผู้นำคนก่อน ๆ ของไทย (เว้นไว้แต่ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์) ยิ่งลักษณ์ทำงานได้ไม่แพ้กับผู้นำประเทศของเราที่ผ่านมา เธอรับมือได้ดีและทำงานให้ผู้ชายเห็นว่า ผู้หญิงทำงานได้ดีกว่าผู้ชาย แม้เธอจะพูดไม่เก่งเหมือนอภิสิทธิ์แต่เธอก็ทดแทนด้วยการทำ... และทำ... และยอมรับความจริงจนดูเหมือนยอมพ่ายแพ้ แต่เธอก็ไม่ได้ทำผิดกับประชาชน ไม่ได้ฆ่าประชาชนแล้วบอกว่าไม่ฆ่า ไม่ได้ทำไม่ได้แล้วบอกว่าทำได้...
สำหรับคุณ ยิ่งลักษณ์อาจสอบตก สำหรับข้าพเจ้าเธอ "พอผ่าน" เพราะข้าพเจ้ามีมาตรฐานผู้นำที่สูง แต่สำหรับคนไทยทั่วไปที่ชินกับผู้นำแบบไทย ๆ โดยเฉพาะเทียบกับอภิสิทธิ์... เธอผ่านฉลุย
วันนี้สิ่งที่คุณเอินทำอยู่นั้นทำให้ข้าพเจ้านึกเรื่องหลาย ๆ เรื่องออก... สิ่งที่คุณเอินทำนั้นทำให้ข้าพเจ้านึกถึง โยนออฟอาร์ค เธอก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อชาติและรับใช้พระเจ้าของเธอ แต่เธอก็ถูกผู้ชายรุมทำร้าย รุมใส่ความ แม้ติดคุกก็เจอผู้ชายข่มขืนในยามโดนเผาก็มีคนส่วนหนึ่งสาปแช่ง ในหมู่คนสาปแช่งโยนออฟอาร์คคงมีสักคนที่เป็นผู้หญิงและหมั่นไส้เธอแต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำเป็นอย่างไร คนที่สาปแช่งเธอนั้นไม่ได้มีความพอที่จะตัดสินมีแต่อารมณ์ขุ่นเคือง จึงสาปแช่งเพศเดียวกันที่กำลังทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้องของเธอ อีกเรื่อง เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง คุณเอินเคยได้ยินเรื่องการประหารด้วยการปาหินไหมครับ ถ้ามีผู้หญิงคนหนึ่งถูกผู้ชายตัดสินว่ามีความผิดไม่ว่าเธอจะทำจริงหรือไม่จริง เธอต้องถูกประหารชีวิตด้วยการขว้างหิน ซึ่งผู้หญิงในตะวันออกกลางที่ตายไปนั้นมีกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ที่เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ด้วยความเลวของชายจึงจับเธอมาประชาทัณฑ์ คุณเอินก็เป็นคนหนึ่งที่ขว้างหินใส่ผู้หญิงคนนั้น คุณเอินฆ่าคนและสาปแช่งคนโดยผู้ชายบอกว่า... สิ่งที่คุณด่าคุณยิ่งลักษณ์ ข้าพเจ้าอ่านสองรอบ ข้าพเจ้าไม่พบข้อมูลใดที่เกี่ยวพันทางการเมืองการปกครอง จะมีก็แต่อารมณ์ความรู้สึกและเรื่องราวที่เขาบอกมาเท่านั้น แสดงว่าคุณเอินไม่มีข้อมูลในมือในการด่าคุณยิ่งลักษณ์นอกจากอารมณ์และสิ่งที่เขาบอกให้ด่า แล้วคุณเอินจะต่างกับผู้หญิงที่สาปแช่งโยนออฟอาร์คหรือผู้หญิงที่ปาหินเพื่อประหารผู้หญิงด้วยกันโดยไม่รู้ความถูกผิดตรงไหนกันครับ...
แต่นั่นคือสิทธิของคุณเอินครับ แต่ข้าพเจ้าอยากฝากบอกไว้หน่อยว่า ถ้าคุณไม่ยอมรับว่า คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกและเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ยี่สิบแปดของคนไทยเพราะเขาคือหนึ่งในตระกูลชินวัตร ก็อยากเพิ่มตรรกะอีกอย่างให้คุณเอินได้ลองพิจารณา ว่า อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ นับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ยี่สิบเจ็ดหรือไม่... เพราะเขาคือคนที่ขึ้นสู่ตำแหน่งด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพมิใช่มาโดยครรลองของระบอบประชาธิปไตย ลองพิจารณา
ก่อนจะจบจดหมายนี้อยากพูดกับคุณเอินเรื่องวิทยาศาสตร์นิดหนึ่งครับ... ข้าพเจ้าก็จำไม่ได้ว่าอ่านเจอจากไหนแต่พอเจอกรณีจั๊ดจัดและกรณีคุณเอินแล้ว ทำให้นึกถึงบทความนี้ที่เคยอ่านเจอ นักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกผู้เชี่ยวชาญเรื่องสิ่งเร้นลับ เขาได้เขียนบทความว่า "คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมในภาพยนตร์ผี ๆ มักจะมีฉากไฟติด ๆ ดับ ๆ โทรศัพท์ปิด ๆ เปิด ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้ารวนเมื่อผีจะออกมา" เขาได้ให้เหตุผลต่อว่า "จากการศึกษาของผมเมื่อวิญญาณจะปรากฏตัวจะเกิดปรากฏการณ์อย่างนั้นจริง เพราะวิญญาณนั้นถ้าจะปรากฏตัวจะดูดพลังงานจากสิ่งต่างๆถ้าใช้ไฟฉายเขาก็จะดูดพลังงานจากแบตตอรี่ ดูดพลังงานทั้งหมด เพราะเขาจะปรากฏตัวให้เห็นไม่ได้ถ้าเขาไม่มีพลังงาน และเขาก็ไม่สามารถสร้างพลังงานได้ ต้องดูดเอาจากสิ่งรอบตัว"
คุณเอินกับจั๊ดจัดก็คล้ายๆ กันกับวิญญาณแหละครับ เพราะปกติแทบไม่มีใครเห็นไม่มีใครรู้จักอยู่แล้ว... คุณต้องดูดพลังงานจากคนอื่นด้วยการด่าคนอื่น เพราะยิ่งคุณด่าคนอื่นมากเท่าไหร่ตัวตนของคุณจะปรากฏออกมาต่อสาธารณชน...
แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าคนเราอยากมีตัวตนในสายตาคนอื่น เรามีวิธีอื่นนี่ครับ... จริงไหม... ไม่จำเป็นต้องทำร้ายใครเพื่อสร้างตัวตนของเราขึ้นมาเลย เคยได้ยินคำว่า "ความรู้ทำให้คนสง่างามไหมครับ" คุณจะมีตัวตนได้นะครับ ถ้าใช้วิชาความรู้ให้ถูกที่ถูกทาง หรือว่าคุณเอินกับจั๊ดจัดไม่ชินกับการสร้างตัวตนโดยวิธีปกติ ชอบทางลัดด้วยการทำร้ายคนและเป็นช่างปั้นเรื่อง เหรอครับ...
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 4104 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กลางๆ
IP: Hide ip
, วันที่ 30 ต.ค. 54
เวลา 09:18:55
|