• แรง! นิวัติ เปรียบ ยิ่งลักษณ์ อนุสาวรีย์ขายความอาย |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 15 พ.ย. 54 เวลา 20:58:04 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก niwatkongpien.com
นิวัติ กองเพียร เหลืออด ฉะ ยิ่งลักษณ์ ไร้ประสบการณ์บริหารประเทศ เปรียบเหมือน "อนุสาวรีย์ขายความอายต่อชาติตระกูล"
ดูเหมือนช่วงนี้รัฐบาลกำลังถูกสั่นคลอนอย่างหนักเลยทีเดียว หลังจากที่บริหารจัดการน้ำอย่างผิดพลาด ซึ่งก็ทำให้รัฐบาลต้องรับศึกหนักจากทุกทาง ไหนจะต้องแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและสินค้าขาดแคลน ไหนจะถูกโจมตี และวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงด้วยประเด็นต่าง ๆ จากทั้งพรรคฝ่ายค้านและประชาชนผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง
รวมไปถึง นิวัติ กองเพียร อดีตคอลัมนิสต์ชื่อดัง ฉายา "เกจินู้ด" ที่ ณ วันนี้ เขากลายเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัย ซึ่งเขาก็ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้สึกอัดอั้น และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลลงใน “จดหมายจากหัวหิน” ผ่านเว็บไซต์ niwatkongpien.com โดยมีข้อความดังนี้
๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
เพื่อนรัก
วันนี้ครบรอบหนึ่งเดือนตั้งแต่น้ำท่วมบ้าน หนึ่งอาทิตย์ที่จมอยู่กับน้ำจนสู้ไม่ไหวต้องอพยพออกจากบ้านมาเร่ร่อนหาที่ พักพิงหลายแห่ง กว่าจะมาหยุดอยู่ที่หัวหิน หนึ่งอาทิตย์ที่คอนโดถนนแจ้งวัฒนะ หนึ่งวันที่คอนโดประชาชื่นของลูกชาย
ไม่ได้ไปทำงานเพราะเส้นทางถูกตัดขาด และที่ทำงานวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ก็ถูกน้ำเข้าล้อมรอบทั้งมหาวิทยาลัยมหิดล ดร.สุกรี เจริญสุข เจ้านายก็อนุญาตให้ได้หลบภัยน้ำมาอยู่ที่หัวหิน ตัวอาจารย์เองก็เป็นแม่ทัพพาเพื่อนร่วมงานฝ่าวิกฤติอย่างเข้มแข็ง คิดว่าน่าจะปกป้องวิทยาลัยและช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานได้ เพราะได้ให้วิทยาลัยดุริยางคศิลป์เป็นศูนย์พักพิงด้วย
หนึ่งเดือนที่เร่ร่อนได้รู้ว่า ชีวิตนี้ต้องพึ่งตัวเองเป็นสำคัญ เพื่อนคือผู้คอยช่วยเหลือที่ดีที่สุด เพื่อนทุกคนที่เป็นเพื่อน ไม่มีใครเลยที่นิ่งดูดาย แม้ตัวเองจะประสบกับปัญหาไม่แพ้กัน แต่เพื่อนก็หยิบยื่นน้ำใจให้แก่กันอย่างสุดหัวใจ มีเพื่อนหลายคนที่มิได้รับตอบเพราะมันมากเกินกว่าจะรับได้ มันเกินกำลังของเราที่จะรับน้ำใจอันประเสริฐได้ จึงเพียงรับเอาจากเพื่อนที่พอรับได้ มิได้รังเกียจหรือไม่อยากรับ แต่รู้สึกมันมากเกินความพอดีพอเพียง
๒๐ กว่าวันที่หัวหินก็พอมีสติและได้ใช้ปัญญาอยู่บ้าง เพราะที่บ้านพักพิงมีหนังสือให้อ่าน หนังสือคือเพื่อนที่ดีที่สุดในเวลานี้ การอ่านหนังสือในขณะที่น้ำเข้าท่วมหนังสือที่บ้านตัวเองเสียหายมากมายเกินจะ ทำใจได้นั้น เป็นการทำใจให้รู้ว่ายังมีหนังสืออีกมากมายในโลกนี้ที่ยังรอดเหลือไว้ให้ อ่านได้ ที่สูญเสียแม้บางเล่มจะหาใหม่ไม่ได้ ก็ยังพอหาที่ทดแทนกันได้ แต่ถ้าไม่มีหนังสือเหลืออยู่เลยในโลกนี้ เราก็คงอยู่ไม่ได้
วันนี้ฝนตกปรอยปรอยตั้งแต่เช้าตรู่ อากาศหนาวเย็นบอกให้รู้ว่าหน้าหนาวมาแล้ว ลมจากทะเลพัดเข้าหาภูเขาเย็นชื่นใจ หนังสือที่วางอยู่ตรงหน้าเรียกให้หยิบขึ้นอ่านเสียก่อนที่ความคิดจะปั่นป่วน หวนระลึกถึงบ้าน
เมื่อวานลูกหลานมากันเต็มบ้าน รื่นเริงสนุกสนานจนถึงเวลาต้องลาจากกัน ความสงบวังเวงก็เกิดขึ้นกับสองตายาย กอดลูกหลานร่ำลากันด้วยอาวรณ์ แม้บางครอบครัวจะมิใช่สายเลือด แต่เขาก็รักเราดุจสายเลือดเดียวกัน ด้วยเวลาด้วยมิตรภาพอันแสนงดงามที่ลูกลูกผูกกันมา ส่งผลมาถึงพ่อแม่ปู่และย่าตายกับยาย
เสียงสรวลเสเฮฮาหายไปดั่งคลื่นที่สงบนิ่ง เพลงอะไรเล่าจะน่าฟังเท่าเพลงคลื่นหรือเพลงลมทีแผ่วผ่านเข้ามาให้ได้ยิน ธรรมชาติกำลังกล่อมเกลาจิตใจให้นิ่งสงบ
ผมนอนหลับสนิทมากเมื่อคืน เพราะก่อนนอนได้พูดในรายการวิทยุของผมเองที่ทำมายาวนานเกือบห้าปีแล้ว เป็นรายการวิทยุของคลื่นความคิด เอฟเอ็ม ๙๖.๕ ทุกวันเสาร์ เวลาสามทุ่มถึงห้าทุ่ม กับเพื่อนรักคนหนึ่ง ชื่อเล่นว่าหมอ แต่ไม่ได้เป็นหมอ เป็นการ์ตูนิสท์ที่เขียนอยู่ในบางกอกโพสท์กับกรุงเทพธุรกิจ หมอมีชื่อจริงว่า ทิววัฒน์ ภัทรกุลวณิชย์ ใครไม่เคยฟังลองเปิดฟังนะครับ
เมื่อคืนผมพูดถึงผู้บริหารประเทศที่มาจากกรรมการผู้จัดการบริษัททางธุรกิจ ที่ไม่มีประสบการณ์ในชีวิตนอกเหนือจากงานที่ทำอยู่เลย การ พูดต่อหน้าสาธารณะบอกให้ผมรู้ว่าเธอไม่อ่านหนังสือ ท่าทางการแสดงออกบอกให้รู้ว่าเธอไม่ดูหนัง เสียงของเธอไม่น่าฟังแสดงว่าเธอไม่ฟังเพลง คน คนหนึ่งคนใดจะเข้ามาบริหารประเทศด้วยตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่น่าจะเป็นคนไหนก็ได้ เริ่มต้นตั้งแต่การต้องรู้จักตัวเองว่า จะทำงานนี้ได้ไหม และงานต้องทำอะไร การบริหารประเทศไม่ใช่การฝึกงานหรือมาทำแทนใครได้
มันเป็นความผิดมหันต์นะครับที่มารับหน้าที่ที่ตัวเองไม่สามารถทำได้ มันจะเป็นอนุสาวรีย์ขายความอายต่อชาติตระกูลที่แทบจะไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว มันทำร้ายประชาชนทั้งประเทศ ให้เจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัส เธอไม่มีสิทธิที่จะพูดว่าประชาชนเลือกเธอมา และไม่น่าจะมีสิทธิเป็นนายกรัฐมนตรีได้ถ้าเธอรู้จักตัวเอง
ผมพูดอะไรออกไปอีกมากมายเหมือนคนเก็บกด เพราะมันเก็บกดจริงจริงครับ ผมไม่อยากเห็นเธอในจอทีวี ไม่อยากได้ยินเสียงเธอ ที่จริงผมเป็นคนที่ชอบผู้หญิงมากมาก โดยเฉพาะผู้หญิงเก่ง ฉลาด และจะยกย่องเชิดชูผู้หญิงเสมอเมื่อมีโอกาส เพื่อนคู่ชีวิตผมบอกผมว่า เธอรู้สึกเสียใจและอับอายที่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาทำให้ความเป็นผู้หญิงเสียหายได้ถึงเพียงนี้
เช้านี้ผมเขียนได้เท่านี้ แล้วจะเขียนมาอีกครับ
รักและคิดถึงผู้อ่านครับ
นิวัติ กองเพียร
http://hilight.kapook.com/view/64796
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1663 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 15 พ.ย. 54
เวลา 20:58:04
|