กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
คืนวันที่ 12 พ.ย. จู่ๆ มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 6 คน ยกพลบุกเข้าไปปล้นบ้านของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุง ซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 ย่านวังทองหลาง กรุงเทพฯ ลงมือในคืนที่ผู้คนอลหม่านอยู่กับน้ำท่วมเมืองหลวง ส่วนเจ้าของบ้านยกครอบครัวไปงานแต่งงานลูกสาว
หลังจับคนรับใช้ 3 คน มัดมือมัดเท้าแล้ว ก็ตรงดิ่งไปที่ห้องนอนเจ้าของบ้านบนชั้น 2 ใช้ชะแลงที่เตรียมมางัดเข้าไปข้างใน ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ทั้งแบกทั้งลากถุงบรรจุสิ่งของบางอย่าง ที่ทราบกันภายหลังว่าเป็นเงินสดจำนวนหลายถุงออกมาจากตู้เสื้อผ้า แถมหนึ่งในคนร้ายยังทิ้งปมปริศนาด้วยคำพูดกับคนรับใช้ว่า
"ไม่ได้มาทำร้ายอะไร ที่มาเพราะเจ้านายให้มาเอาของที่เจ้านายเธอเอาไป" !?
ท่ามกลางความสงสัยของเจ้าหน้าที่ เพราะคนร้ายไม่แตะต้องทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ ในบ้าน อีกทั้งยังใช้ ว.ประสานงานกันแบบมืออาชีพ
หลัง เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว จนได้ 2 เบาะแสสำคัญ คือ คำให้การของเซียนม้าแข่งในสนามม้านางเลิ้ง ว่าเคยได้ยินหมู่นักเลงที่เดินตามอดีตนายทหารใหญ่ผู้กว้างขวางในสนามม้า พูดถึงการเตรียมปล้นเอาเงินมาคืนเจ้านาย
และอีกเบาะแส คือ มีบุคคลต้องสงสัยซึ่งมีพฤติกรรมใช้เงินร่ำรวยผิดปกติ จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ พบนายสิงห์ทอง หรือไก่ ใจชื่นชม อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135/46 ตรอกอาคาร 7 แขวง/เขตคลองเตย กทม. จึงได้เชิญตัวมาสอบปากคำ และก็พบพิรุธหลายอย่าง ไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ สุดท้ายจึงรับสารภาพว่าร่วมมือกับพวกรวม 6 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ครั้งนี้
นายสิงห์ทอง พาตำรวจไปค้นห้องพักย่านคลองตัน พบเงินสด 500,000 บาท สร้อยคอทองคำ หนัก 5 บาท 2 เส้น และยังให้เบาะแสเพิ่มเติม จนเจ้าหน้าที่จับกุมนายเสาร์แก้ว หรือแก้ว นามวงค์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 238 หมู่ 7 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ. เชียงราย ได้ที่บ้านพัก จ.เชียงราย พร้อมของกลางเงินสด 1,050,000 บาท และนำตัวไปขยายผลได้เงินเพิ่มอีก 1,272,000 บาท รวมเป็นเงิน 2,322,000 บาท และเครื่องช็อตไฟฟ้า เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ ไขควง คีม ประแจ
ผู้ ต้องหาทั้ง 2 คน ซัดทอดเพื่อนร่วมแก๊งอีก 4 คน คือ นายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 260 หมู่ 2 ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา หัวหน้าแก๊ง, นายพงษ์ศักดิ์ นามวงค์ อายุ 35 ปี ลูกชายของนายเสาร์แก้ว, นายสมบูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 5 ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย และนายคำนวณ เมฆน้อย อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 449 หมู่ 9 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์
นายสิงห์ทองให้การ ว่า วางแผนมานานหลายเดือน นายคำนวณเช่าอพาร์ทเมนต์รายวันชั้นสูงสุดที่ใกล้เคียงบ้านที่เกิดเหตุ ติดตามความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน จนกระทั่งนายวีระศักดิ์ นำเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ เครื่องช็อตไฟฟ้า ชะแลง วิทยุสื่อสาร หมวกไหมพรม หน้ากาก ถุงมือ และคีมตัดลวด มาให้ จึงถึงเวลาลงมือ โดยที่นายคำนวณรับหน้าที่ดูต้นทาง
คำให้การของคนร้ายได้สร้างความแตก ตื่นให้กับคนในสังคม เพราะคนร้ายระบุว่า ได้รื้อค้นทรัพย์สินพบกระเป๋าใส่เงินจำนวนมาก ได้เงินมาทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท!! เพราะสามารถขนออกมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และยังมีเงินเหลือในห้องอีกประมาณ 700-1,000 ล้านบาท!!!
"ที่ แบ่งกันเบื้องต้น เป็นเงินสดที่อยู่ในกระเป๋าเล็กประมาณ 15 ล้านบาท นายวีระศักดิ์บอกให้แบ่งกันใช้ไปก่อน ส่วนเงินสดที่เหลือ นายวีระศักดิ์เป็นคนเก็บไว้ แล้วจะนำมาแบ่งกันภายหลัง" เป็นคำให้การของนายสิงห์ทอง และอ้างอีกว่า มีข้อตกลงกันว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด 50% แบ่งให้ลูกพี่ของนายวีระศักดิ์ ที่เป็นคนบงการ 30% เป็นของนายวีระศักดิ์ อีก 20% ที่เหลือให้ทีมลงมือนำไปแบ่งกัน
หลังคำให้การนี้ กลายเป็นข่าวใหญ่ทางสื่อ นายสุพจน์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ปิดปากเงียบนับตั้งแต่วันเกิดเหตุ ได้ออกมาปฏิเสธยอดเงินดังกล่าว และชี้แจงว่าเงินที่คนร้ายได้ไปเป็นเงินสินสอด เงินเตรียมจัดงานแต่งลูกสาวราว 5 ล้านบาท และเงินซองช่วยงานที่ยังไม่ได้นับอีก
ทว่าคำชี้แจงของปลัดกระทรวง คมนาคมดูจะไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าใดนัก เพราะหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทยอยได้ตัวคนร้ายมาเพิ่มอีก ทั้งจากการตามจับกุม หรือติดต่อเข้ามอบตัวเอง ล่าสุด (20 พ.ย.) อีก 4 คน ได้แก่ นายวันญกฤต หรือจ่อย บุตรกันหา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ต.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด อาชีพชิปปิ้ง นำเข้าไม้จากประเทศลาว ถูกจับได้ที่ จ.นครพนม พร้อมเงินสดของกลาง 9,965,000 บาท, นายบุญสืบ โจมจันทร์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ถูกจับที่ จ.พิษณุโลก, นายสมบูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี ซึ่งตัดสินใจเข้ามอบตัวกับกำนัน ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งได้เงินส่วนแบ่ง 1.9 ล้านบาท พร้อมของกลางเป็นเงินสด 996,000 บาท ส่วนที่เหลืออ้างว่าฝากเพื่อนไว้ และนายวุฒิชัย พันธ์วารี อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/148 ม.6 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ทำหน้าที่พาแก๊งปล้นหลบหนีได้รับค่าจ้าง 1 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ค้นพบเงินสด 840,000 บาท
นอกจากนี้ได้มีนายเลอศักดิ์ วิริยะกระษาปณ์ อายุ 51 ปี อยู่ที่ 21/1 ม.6 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นำเงินสดที่นายวีระศักดิ์ หรือโก้ เคยนำมาฝากไว้ ส่งคืนให้กับตำรวจอีก 1,500,000 บาท
เมื่อ รวมกับนายสิงห์ทอง และนายเสาร์แก้ว ที่ถูกจับก่อนหน้านี้ ทำให้ตอนนี้ได้ผู้ต้องหาแล้ว 6 คน ตามเงินคืนมาได้ 16,523,000 บาท ซึ่งก็เกินกว่าจำนวนที่นายสุพจน์ บอกมาแล้ว !?!
ที่สำคัญอยู่ที่คำ ให้การของนายสมบูรณ์ ว่าถูกชักชวนให้ปล้นบ้านเศรษฐีในกรุงเทพฯ เจ้าของบ้านไม่กล้าแจ้งความ เพราะเงินที่จะไปปล้นนั้นเป็นเงินไม่สะอาด คดโกงเขามา วันที่ลงมือนั้น สวมไอ้โม่งกันทุกคน ไม่รู้ว่าเงินในห้องนอนนั้นจะมีถึง 1,000 ล้านบาทหรือไม่ แต่เห็นกระเป่าใบใหญ่ๆ ตั้งอยู่หลายใบ !??
สำหรับผู้ต้องหาที่ยังหลบ หนีอยู่เวลานี้ได้แก่ 1. นายวีระศักดิ์ หรือโก้ 2. นายพงษ์ศักดิ์ หรือเจี๊ยบ นามวงศ์ 3. นายคำนวณ หรือนวน เมฆน้อย และ 4. นายประพันธ์ เรืองเครือ
คดี นี้ทำท่าจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนขึ้นมาอีก เมื่อมีตัวละครใหม่โผล่มาอีก คือ "นายเอก" ลูกชายเลขาฯหน้าห้องข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง ซึ่งถูกโยกย้ายไปแล้ว และรู้ข้อมูลเกี่ยวกับนายสุพจน์เป็นอย่างดี ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาให้การว่าเคยเห็นหน้านายเอกเข้าร่วมวางแผนก่อนลงมือปล้น 2 ครั้ง
กุญแจที่จะไขปริศนาคดีนี้ อยู่ที่ "ไอ้โก้" และ "นายเอก" ซึ่ง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.ผู้คุมคดีนี้กำลังประสานกับทางการลาว เพื่อล่าตัวนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เพื่อไขความลับของคดีทั้งจำนวนเงินที่ปล้นไป 200 ล้าน และใครคือเจ้านายที่นายวีระศักดิ์ นำเงินไปคืนให้
คงจะคลี่คลายในไม่ช้า
http://www.thairath.co.th/content/region/217930
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|