• เปิดปูม"คิม จอง-อิล" บุรุษเหล็กแห่งแดนโสมแดง |
โพสต์โดย โน้ต cmprice , วันที่ 19 ธ.ค. 54 เวลา 17:41:19 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เปิดปูม"คิม จอง-อิล" บุรุษเหล็กแห่งแดนโสมแดง
นายคิม จองอิล เกิดที่โซเวียต มีชื่อจริงตามสูติบัตรของโซเวียตว่า "ยูริ อิริเซโนวิช คิม"ที่หมู่บ้านเวียตสโกเย ใกล้กับเมืองคาบอรอฟ เนื่องจากบิดาของเขาเป็นผู้บัญชาการกองพันที่ 1 ของกองพลน้อยที่ 88 ของกองทัพโซเวียต ซึ่งเป็นการรวมตัวของชาวจีน และชาวเกาหลีที่ลี้ภัยอยู่ในโซเวียต ส่วนมารดาของเขาคือ นางคิม จอง-ซอก เป็นภรรยาคนแรกของนายคิม อิล-ซุง
ทั้งนี้ วันเกิดของเขาไม่ชัดเจน ว่าเป็นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2484 หรือ 16 กุมภาพันธ์ 2485 แต่ชีวประวัติอย่างเป็นทางการของเขา ระบุว่า เขาเกิดที่ค่ายทหารลับแห่งหนึ่งบนภูเขาแบ็กดู ซึ่งสูงที่สุดเกาหลีเหนือ ที่เป็นรอยต่อกับประเทศจีนและเป็นดินแดนเกาหลีภายใต้ การปกครองของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2485 และถูกสร้างเรื่องให้กลายเป็นปาฏิหาริย์ว่า วันที่เขาเกิด ได้เกิดดาวดวงใหญ่ส่องแสงบนท้องฟ้า ฤดูหนาวเปลี่ยนเป็นฤดูใบไม้ผลิ และมีรุ้งกินน้ำ 2 เส้น พาดผ่านภูเขา
นายคิม จอง-อิล ดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ทั้งยังประธานคณะกรรมาธิการทหารแห่งชาติ และเลขาธิการพรรคกรรมกรแห่งเกาหลี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2491 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพประชาชนเกาหลี ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก
เมื่อเดือนเมษายน ปี 2552 ได้มีการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เรียกขานเขาว่า ผู้นำสูงสุด (Supreme Leader)และยังมีคำเรียกอื่นๆ ที่หมายถึงเขาอีก ได้แก่ ผู้นำที่รัก บิดาของเรา ท่านนายพล และผู้บัญชาการทหารสูงสุด
นอกจากนี้ ในปี 2533 เขาได้ติดอันดับที่ 31 ของทำเนียบบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์
ส่วนชีวิตในวัยเด็กนั้น ตอนที่นายคิมอายุได้ประมาณ 3-4 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาหลีได้รับอิสรภาพจากญี่ปุ่น บิดาของเขากลับไปเปียงยาง ครอบครัวของเขาได้อาศัยในคฤหาสน์หรู ที่มีทั้งสวนและสระว่ายน้ำ แต่คิม เปียง อิล น้องชายของเขาจมน้ำเสียชีวิต และมีรายงานไม่ได้รับการยืนยันว่า นายคิมอาจเป็นต้นเหตุ ต่อมามารดาของเขาเสียชีวิตระหว่างการคลอด และมีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันอีกเช่นกันว่า เธออาจถูกยิงและถูกปล่อยให้ตกเลือดจนหมดลมหายใจ
ขณะที่ประวัติด้านการศึกษาอย่างเป็นทางการ ระบุว่า เขาเข้าเรียนชั้นประถมและมัธยมที่กรุงเปียงยาง แต่นักวิชาการหลายคนเชื่อว่า เขาน่าจะได้รับการศึกษาในจีน เพื่อเป็นหลักประกันด้านความปลอดภัยในช่วงสงครามเกาหลี ซึ่งในระหว่างที่ใช้ชีวิตนักเรียน เขาได้เริ่มเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเป็นสมาชิกสหภาพของเด็ก และสันนิบาตยุวชนประชาธิปไตย ทำให้ได้เรียนรู้ทฤษฎีการเมืองแบบมาร์กซิสต์ และการศึกษาด้านอื่นๆ
เขายังถูกระบุว่า ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ จากการศึกษาที่มหาวิทยาลัยมอลต้า ในช่วงทศวรรษที่ 1970 และมักจะเดินทางไปพักผ่อนที่มอลต้าบ่อยครั้ง รวมถึงเป็นแขกของนายกรัฐมนตรีดอม มินทอฟฟ์ ด้วย
บิดาของเขาแต่งงานใหม่ มีบุตรชายคนใหม่ชื่อ คิม เปียง อิล ซึ่งถูกตั้งชื่อตามบุตรชายที่จมน้ำ และเขาถูกส่งไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำโปแลนด์ ที่เชื่อกันว่า บิดาของเขาไม่ต้องการให้เกิดการแย่งอำนาจกันเองระหว่างบุตรชายทั้งสอง
สำหรับเส้นทางการขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำนั้น เมื่อปราศจากขวากหนามแล้ว นายคิมก็เปรียบเสมือนผู้ที่กุมอำนาจในมือ โดยเฉพาะการได้รับตำแหน่งระดับสูงในโพลิตบูโร กรรมาธิการทหารและในสำนักงานเลขาธิการพรรค ทำให้เขาฉายแววที่จะได้เป็นผู้สืบทอดอำนาจในสายตาของต่างชาตินับแต่นั้น
ในช่วงนี้เอง ได้คิมได้รื้อฟื้นคำว่า " ผู้นำที่รัก " ขึ้นมาใช้ และรัฐบาลเริ่มสร้างลัทธิบูชาตัวบุคคลให้กับเขา แบบเดียวกับการสร้างภาพลักษณ์ " ผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ " ให้กับบิดาของเขา สื่อมวลชนพากันยกย่องว่าเขาไม่ใช่ผู้นำที่น่ากลัว และเป็นผู้สืบทอดเจตนารมย์แห่งการปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ เขากลายเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจสูงสุดต่อจากบิดา
ปี 2534 เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเกาหลีเหนือ ปี 2535 สถานีวิทยุที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล เริ่มเรียกเขาว่า " บิดาที่รัก " หรือ บิดาของเราแทนคำว่า " ผู้นำที่รัก " เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 50 พร้อมการฉลองยิ่งใหญ่
นายฮวาง จาง ยอพ ชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์คนสำคัญ ระบุว่า ในยุคของนายคิม จอง-อิล ได้รวบอำนาจไว้ที่ศูนย์กลางยิ่งกว่าสมัยบิดาของเขา และรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ภายในพรรคกรรมกรทุกคน ต้องอยู่ภายใต้อำนาจและเชื่อฟังเขาแต่เพียงผู้เดียว เขาจะสั่งการหมดทุกเรื่องแม้แต่รายละเอียดปลีกย่อย เช่น ขนาดของบ้านพักของเจ้าหน้าที่ ไปจนถึงการให้ของขวัญแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
ทศวรรษที่ 1980 ระบบเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือเริ่มมีปัญหา เขานำนโยบายพึ่งพาตนเองของบิดามาใช้ ด้วยการตัดขาดการค้ากับภายนอกเกือบทั้งหมด แม้แต่หุ้นส่วนการค้าที่สำคัญอย่างจีนและโซเวียต และเริ่มมีส่วนพัวพันการก่อการร้าย เช่น เหตุวางระเบิดในพม่าเมื่อปี 2526 ที่ทำให้เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เสียชีวิต 17 คน การก่อวินาศกรรมสายการบินโคเรียน แอร์ เที่ยวบินที่ 858ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิต 115 คน
หลังบิดาถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ในปี 2537 ขณะมีวัย 82 ปี เขาก็ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำเต็มตัว โดยมีอำนาจเต็มมือ เพียงแต่ไม่ยอมรับตำแหน่งประธานาธิบดี โดยสมัชชาประชาชนสูงสุด ได้ยกเลิกตำแหน่งนี้ เพื่อให้เป็นของประธานาธิบดีคิม อิล ซุง แต่เพียงผู้เดียว
ในแง่ของการบริหารประเทศ เขาปกครองประเทศยากจนแห่งนี้ โดยที่ประชาชนไม่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ในช่วงทศวรรษที่ 1990 เกาหลีเหนือเผชิญเหตุน้ำท่วมรุนแรง แต่เขากลับยืนหยัดใช้นโยบาย " ทหารมาก่อน " เพื่อความเป็นปึกแผ่นของประเทศ
ด้านความสัมพันธ์ต่างประเทศ แม้จะเคยขานรับนโยบาย " ซันชายน์ " ของประธานาธิบดีคิม แด-จุง ของเกาหลีใต้ เมื่อปี 2541 แต่เกาหลีเหนือก็ไม่เคยแสดงความจริงใจที่จะทำให้เกิดสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี โดยเฉพาะการกระทำที่ยั่วยุ และการไม่ยอมละทิ้งโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ที่ทำให้การเจรจา 6 ฝ่ายชะงักงันมาจนถึงปัจจุบัน
ปี 2541 เป็นจุดเริ่มต้นข่าวลือต่าง ๆ นานา ๆ เกี่ยวกับสุขภาพของเขา ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า เขามีโรคประจำตัวหลายโรค รวมทั้งเบาหวาน มีข่าวว่า เขาเคยป่วยหนักถึงขั้นต้องนั่งรถเข็น ขณะที่หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เชื่อว่า เขาป่วยด้วยอาการเส้นโลหิตไปเลี้ยงสมองตีบ ทำให้เขาไม่สามารถปรากฎตัวต่อสาธารณชนได้ แม้กระทั่งวันสำคัญอย่าง วันครบรอบ 60 ปีการก่อตั้งประเทศ
หลังจากนั้น นายคิม ปรากฎตัวในสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์นัก ดูผ่ายผอมอย่างเห็นได้ชัด และมีรายงานมานานแล้วว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาป่วย มาจากการใช้ชีวิตอย่างไม่ระวัง ดื่มจัด
นายคิม จอง-อิล แต่งงานอย่างเป็นทางการหนึ่งครั้ง และมีชู้รักถึง 3 คน หลังภรรยาคนแรกเสียชีวิต ชู้รักคนที่ 3 ซึ่งเป็นเลขาส่วนตัว ได้ขึ้นมาเป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 อย่างไม่เป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม นายคิม ทำให้นานาชาติมั่นใจมากขึ้นว่า สุขภาพของเขาย่ำแย่อย่างที่สุด เมื่อมีการวางตัวนายคิม จอง-อึน บุตรชายคนที่ 3 ขึ้นมาเป็นทายาททางการเมือง และเขาได้พาบุตรชายไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับประเทศพันธมิตรสำคัญอย่าง จีนและรัสเซีย เรียบร้อยแล้ว
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 4127 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย โน้ต cmprice
IP: Hide ip
, วันที่ 19 ธ.ค. 54
เวลา 17:41:19
|