• ใต้ดุ! ฆ่าวันเดียว11เหตุ-21ศพ โจรนราป่วนตระเวนเผาธงชาต |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 03 มิ.ย. 50 เวลา 14:56:01 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ทบ.รับไฟใต้รุนแรง
วันเดียวก่อเหตุ 11 ราย มีชาวบ้าน ทหารพราน ในพื้นที่ 4 จว.ใต้ตาย 21 ศพ
รายแรกบึ้มฆ่า-ทหารตายรวม 11 ศพ สาหัสอีก 1 แฉนาทีบึ้มแล้วเข้ามา
กราดยิงถล่มซ้ำ แถมยังเลือดเย็นลงมาปาดคอเหยื่ออีก
ระบุโจรใช้ระเบิดหนัก
10 กิโลกรัมบรรจุในถังดับ เพลิง แล้วนำไปฝังดินไว้
เมื่อรถทหารพรานผ่านมาจึงกดระเบิดสยอง แถมยึดอาวุธปืนอาก้า-เอ็ม16
ไปเกลี้ยง ส่วนที่อ.สะบ้าย้อยชาวบ้านสังเวยเหยื่อโจร 7 ศพ กราดยิงมั่ว
ขณะนั่งคุยกันที่หน้าบ้าน ยะลาตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ผวาสถานการณ์รุนแรง
เมื่อวันที่ 1
มิ.ย. ความคืบหน้ากรณีคนร้ายลอบระเบิดรถยนต์กระบะ ยี่ห้อเชฟโรเลต สีดำ
ของทหารพรานที่ 41 ขณะกำลังเข้าไปช่วยเหลือทหาร ฉก.12
ที่ถูกซุ่มยิงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่บ้านตาเนาะปูเต๊ะ หมู่ที่ 4
ต.ตาเนาะปูเต๊ะ ขณะรถวิ่งมาถึงบ้านทำนบ หมู่ที่ 5 บนถนนสาย 410 ยะลา-เบตง
ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา
เกิดระเบิดขึ้นจนเป็นเหตุให้ทหารพรานสังกัดกรมทหารพรานที่ 41 ต.วังพญา อ.
รามัน จ.ยะลา เสียชีวิต เบื้องต้นรายงาน 10 ศพ และบาดเจ็บสาหัส 2
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยอดทหารเสียชีวิต
ล่าสุดเพิ่มเป็น 11 ศพ บาดเจ็บสาหัส 1 นาย ประกอบด้วย ร.ท.ชาญณรงค์
รุ้งแก้ว ผบ.ร้อย อส.ทพ.กำพล ประทีป อส.ทพ.จิรา คงไชย อส.ทพ.ประพัน ศรีสุข
อส.ทพ.ผจญ กาญจนบุตร อส.ทพ.ดุลตอเละ กาซิ อส.ทพ.สมจินต์ พรหมจันทร์
อส.ทพ.อารีเพ็ญ มาเฮง และอส.ทพ.จักรพงศ์ โภชนา
และเสียชีวิตระหว่างนำส่งร.พ. 2 ราย คือ จ.ส.อ.เดี่ยว สีจันทร์ และส.อ.
ปราโมทย์ รอดมา และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย คือ อส. ทพ.พรจรัญ จันทร์ศักดิ์ศรี
ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ร.พ. ศูนย์ยะลา
จากการสอบสวนทราบว่า
กำลังทหารพรานที่เสียชีวิตทั้งหมด กลับมาจากไปสลายม็อบที่อ.บันนังสตา
เมื่อจะเดินทางกลับ
ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายลอบซุ่มยิงทหารพรานสังกัดเดียวกันที่ต.บาเจาะ
อ.บันนังสตา จึงเข้าไปช่วยเหลือ
หลังจากนั้นจะเดินทางกลับที่ตั้งต.วังพญา
อ.รามัน ระหว่างเดินทางรับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายซุ่มยิงทหาร ฉก.12
ที่บ้านตาเนาะปูเต๊ะอีก จึงรีบนำกำลังจะเข้าไปช่วยเหลือ
เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้แอบฝังระเบิดไว้ใต้ถนนและกดระเบิดขึ้น
จนเกิดเหตุสยองดังกล่าว
ต่อมาเวลา 08.30 น.
พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ชุดกวาดเรือใบ
และชุดวิทยาการเขต 45 ยะลา
เดินทางไปที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบหาหลักฐานอย่างละเอียด
จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้นำระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุในถังดับเพลิงน้ำหนักประมาณ
10 ก.ก. ฝังไว้ใต้ผิวถนน ลากสายจากข้างทาง
ขณะที่รถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดที่ 4150 วิ่งผ่าน
จึงจุดชนวนระเบิดทำให้รถพลิกคว่ำ
จากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนสงครามจ่อยิงเจ้าหน้าที่ทหารพรานซ้ำ
และยังได้ปาดคอเจ้าหน้าที่ทหารพรานบางคนจนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
พร้อมยึดอาวุธปืนสงครามของเจ้าหน้าที่ทหารพรานก่อนที่จะหลบหนีไปด้วย
ในที่เกิดเหตุยังพบหลุมระเบิดขนาดกว้าง
1.8 เมตร ลึก 80 เซนติเมตร และเศษถังดับเพลิงแตกกระจายเกลื่อนถนน
ห่างจากหลุมเพียงเล็กน้อยพบรถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อเชฟโรเลต สีดำ
หมายเลขทะเบียน บบ 7711 สงขลา ซึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่ทหารพราน
ถูกแรงระเบิดทำให้เสียหายพังยับเยิน พบปลอกกระสุนปืนอาก้า เอ็ม-16 และขนาด
9 ม.ม. ตกอยู่เป็นจำนวนมากจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ยังพบว่า
กลุ่มคนร้ายยังได้ยึดอาวุธปืนสงครามของเจ้าหน้าที่ทหารพราน จำนวน 8 กระบอก
ประกอบด้วยปืนอาก้า จำนวน 4 กระบอก ปืนเอ็ม-16 จำนวน 1 กระบอก
และอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม. จำนวน 3 กระบอก
.ส่วนกรณีที่ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ
สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 25 (ร.25พัน.1) จังหวัดทหารบก
(จทบ.) ชุมพร ในพื้นที่บ้านต้าบูเก๊ะ บ้านย่อย บ้านจูแบ หมู่ที่ 1
ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา
เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
และหนึ่งในจำนวนเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวคือ
จ.ส.อ.บุญยัง แก้วเกตุ อายุ 47 ปี ผบ.หมู่ปืนเล็ก สังกัด
ร.25พัน.1จทบ.ชุมพร
ที่ถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าท้องจนได้รับบาดเจ็บสาหัสในที่เกิดเหตุ
และไปเสียชีวิตที่ร.พ.บันนังสตา ในเวลาต่อมานั้น
เมื่อเวลา 12.00
น.วันเดียวกัน เฮลิคอปเตอร์จากกองทัพภาคที่ 4 ได้นำศพจ.ส.อ.บุญยัง
แก้วเกตุ เดินทางถึงสนามกีฬาค่ายเขตรอุดมศักดิ์ จทบ.ชุมพร โดยมีนายสุวัฒน์
ตันประวัติ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พล.ต.สุภัช วิชิตการ ผู้บังคับการ
จทบ.ชุมพร รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดชุมพร และญาติๆ
ร่วมรอรับศพของ จ.ส.อ.บุญยัง แก้วเกตุ ท่ามกลางบรร
ยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
โดยจทบ.ชุมพรได้จัดเตรียมกองดุริยางค์และพิธีการต้อนรับศพจ.ส.อ.
บุญยัง อย่างสมเกียรติ ต่อจากนั้นได้เคลื่อนศพไปตั้ง ณ
ศาลาภายในค่ายเขตรอุดมศักดิ์ เพื่อประกอบพิธีรดน้ำศพในเวลา 13.00 น.
ก่อนเคลื่อนศพไปตั้งบำเพ็ญกุศล ณ บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 8 ต.รับร่อ
อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เพื่อกำหนดประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพต่อไป
สำหรับจ.ส.อ.บุญยัง
แก้วเกตุ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจ.ยะลา ปัจจุบันสมรสแล้ว
มีบุตรรวม 2 คน และถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ที่อ.บันนัง สตา จ.ยะลา
ได้ประมาณ 1 ปีแล้ว
เวลา 21.30 น.
วันที่ 31 พ.ค. พ.ต.อ.ธัมมศักดิ์ วาสะศิริ ผกก.สภ.อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
รับแจ้งว่าเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงชาวบ้าน
เหตุเกิดที่หน้าบ้านเลขที่ 91/4 หมู่ 1 ต.จะแหน อ. สะบ้าย้อย จ.สงขลา
มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
จึงนำกำลังชุดสืบสวนสภ.อ.สะบ้าย้อยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุ
ซึ่งเป็นบ้านของนายเจะดาโอ๊ะ เมาะอะ อายุ 57 ปี บริเวณแคร่หน้าบ้าน
พบผู้เสียชีวิต จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายดาดือนัน และมันเส็น อายุ 29 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 27/2 หมู่ 1 ต.จะแหน อ. สะบ้าย้อย จ.สงขลา นายอับดุลลา
มะสาสา อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 4 ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย
จ.สงขลา
นายอันนูวา คาเด อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/4 หมู่ 1
ต.จะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา นายมะซูฮัยดี มะกะจิ อายุ 23 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 1 ต.จะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และนายอดุลย์
ตาเย๊ะ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 1 ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย
จ.สงขลา โดยทั้งหมดถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงคราม เข้าบริเวณศีรษะและลำตัว
นอกจากนี้
มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย คือ นายมะซูดิง มะปิ อายุ 16 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 1 ต.จะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และนายการิม เมาะอะ
อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/16 หมู่ 1 ต.จะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
ทั้งสองถูกยิงเข้าที่บริเวณลำตัวหลายนัด อาการสาหัส
ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่ ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกอาวุธปืนเอ็ม-16
จำนวน 30 นัด เศษหัวกระสุนปืนเอ็ม-29 และปลอกกระสุนปืนลูกซองจำนวนหนึ่ง
เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า
ก่อนเกิดเหตุขณะที่กลุ่มชาวบ้านกำลังนั่งคุยกันอยู่ มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน
นั่งมาในรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ แบบ 4 ประตู สีฟ้า
ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับเข้ามาในหมู่บ้าน และเมื่อเห็นกลุ่มชาวบ้าน
จึงใช้อาวุธปืนกราดยิงจนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายเป็นพวกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่
และอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกี่ยวโยงกับเหตุระเบิดกลางตลาดสดสะบ้าย้อยหรือไม่
ส่วนสัญญาณโทรศัพท์มือถือในพื้นที่จังหวัดชาย
แดนภาคใต้ขณะนี้ถูกตัดสัญญาณเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยขณะนี้ในพื้นที่ไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือตามปกติได้
สำหรับข้อเรียกร้องของกลุ่มที่เข้าชุมนุมหน้ามัสยิดกลาง
จ.ปัตตานี ทั้งหมดนั้นมี 10 ข้อ คือ
1.ให้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทหารออกจากพื้นที่ให้หมด 2.ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว
3.ประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ในพื้นที่ทั้งหมด
4.รัฐบาลต้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำความผิดร้ายแรง
5.รัฐต้องชี้แจงข้อมูลอย่างเที่ยงธรรม 6.รัฐต้องไม่ครอบงำสื่อ
7.สื่อทุกชนิดต้องรายงานความเป็นจริง
8.รัฐต้องปล่อยผู้บริสุทธิ์ที่ถูกควบคุมตัว
9.รัฐต้องไม่จับผู้บริสุทธิ์อีก 10.รัฐต้องเปิดโอกาสให้
ปชช.แสดงความคิดเห็น
วันเดียวกันนี้
พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า มีทหารและประชาชนเสียชีวิตรวม
21 ราย จากเหตุก่อความไม่สงบในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ ตลอดวันที่ 31
พ.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุไม่สงบรวม 11 เหตุการณ์ ใน 4 จังหวัดภาคใต้
ซึ่งทำให้มีทหารพราน และประชาชนชาวไทยพุทธและมุสลิม เสียชีวิต รวม 21 ราย
พ.อ.อัครกล่าวต่อไปว่า
ในจำนวนนี้มีสองเหตุการณ์ใหญ่ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก คือ
ที่อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.
คนร้ายได้ลอบวางระเบิดและซุ่มโจมตีทหาร และทหารพรานเสียชีวิตรวม 11 นาย
ขณะนั่งรถปิกอัพเดินทางกลับจากการสลายการชุมนุม
คนร้ายได้ใช้ระเบิดเป็นถังดับเพลิงน้ำหนัก
20 กิโลกรัม วางไว้บริเวณถนนสาย 410 และกราดยิงซ้ำด้วยปืนเอ็ม-16
จนเป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิตคาที่ 8 ราย และเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล 1
ราย, เสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 2 ราย และบาดเจ็บสาหัส อยู่ห้องไอซียูอีก 1
นาย
ขณะที่เวลาประมาณ 1
ชั่วโมงต่อมา ที่อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา คนร้ายไม่ต่ำกว่า 4 คน
ได้ขับรถกระบะมาจอดที่หน้ามัสยิดแห่งหนึ่งในเขตอำเภอดังกล่าว
และกราดยิงเข้าไปขณะที่ประชาชนกำลังละหมาด
จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 5 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 2
ราย หลังจากนั้นคนร้ายได้ปล่อยข่าวว่าเป็นฝีมือของทางการ
ขณะที่ผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นชายวัยรุ่น อายุระหว่าง 17-25 ปี
ส่วนที่จ.นราธิวาสช่วงกลางวัน คนร้ายได้ซุ่มโจมตีทหารชุดลาดตระเวน และคุ้มครองประชาชนใน 2 เหตุการณ์ เป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิต 3 ราย
เวลา 13.30 น.
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคมช. และพล.อ. บุญรอด
สมทัศน์ รมว.กลาโหม เข้าพบเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง
ถึงสถานการณ์ภาคใต้ที่เกิดความรุนแรง ว่า
ได้รับรายงานและได้คุยกับประธานคมช.แล้ว
ซึ่งท่านรับที่จะลงไปดูแลในรายละเอียดว่าจะแก้ไขอย่างไรบ้าง
เมื่อถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้เกิดจากอะไร
กลุ่มก่อความไม่สงบยังมีพลังอยู่ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
ในพื้นที่ที่เขามีอิทธิพลเขาก็ยังสามารถที่จะดำเนินการได้
จะเห็นได้ว่ากรณีที่มีการจับผู้ต้องสงสัยได้ที่อำเภอหาดใหญ่ก็เป็นความคืบหน้า
อย่างไรก็ตามตนคิดว่าในการทำงานต้องอาศัยความอดทน และค่อยๆ ทำ
เพราะเราจะต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย และหลักนิติธรรม
เราจะไม่ทำอะไรที่ทำให้เกิดปัญหาและจะเป็นเรื่องที่เกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นมาอีก
ผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวขณะนี้มีกลุ่มใดหนุนหลังหรือไม่
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทางประธานคมช.ได้ติดตามอยู่แล้ว
ซึ่งในส่วนนี้ได้ประสานกับทางผู้นำศาสนาก็ได้บอกให้ตนทราบว่าได้มีการประสานกันแล้วที่จะดำเนินการเจรจากันต่อไปอย่างไร
เมื่อถามว่าจะมีวิธีลดความสูญเสียอย่างไรบ้าง
พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า
การลดความสูญเสียคือความมุ่งหมายที่รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงตั้งไว้ว่าเราจะพยายามลดความรุนแรงในภาคใต้ลง
คงมีเวลาที่จะต้องทำงานต่อไปข้างหน้าอีกนิดหน่อย
เวลา 15.00
น.วันเดียวกันนี้ ที่ฌาปนสถาน เทศบาลนครยะลา พล.ต.ท.ธีรวุฒิ บุตรศรีภูมิ
รมช. มหาดไทย ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ เจ้าหน้าที่ทหารพราน 11
นาย ที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิด เหตุเกิดที่อ.บันนังสตา จ.ยะลา
เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยมีนายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา พล.ต.กสิกร
คีรีศรี รองแม่ทัพภาค 4 และบรรดาญาติมิตร
เพื่อนข้าราชการของผู้เสียชีวิตเข้าร่วมงานจำนวนมาก ในการนี้ นายธีระ
มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา
ได้มอบเงินช่วยเหลือตามโครงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุ
การณ์ความไม่สงบให้แก่ทายาทของผู้เสียชีวิตรายละ 5 แสนบาท
พล.ต.ท.ธีรวุฒิกล่าวว่า
สำหรับการช่วยเหลือครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตทั้งหมดนั้น
ก็จะดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่
โดยเฉพาะฝ่ายทหารก็จะดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่เช่นกัน
สำหรับสถานการณ์ที่จ.ปัตตานี
กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนจำนวนหลายพันคนยังคงปักหลักชุมนุมอย่างสงบภายในมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี
เป็นวันที่สอง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทหารคอยดูแลความสงบเรียบร้อยในบริเวณรอบนอก
ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการปิดถนนยะรังด้านหน้ามัสยิดกลางและถนนกะลาพอหน้าสำนักงานคณะกรรมการอิสลามปัตตานี
ทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ร้านค้าได้รับความเดือดร้อนจำนวนกว่า
50 ร้าน ในส่วนของกิจกรรมผู้ชุมนุมมีการจัดเวทีเสวนาของนักศึกษา หัว
ข้อบทบาทนักศึกษาในการรับใช้สังคม และการปรา ศรัยชี้แจงของตัวแทนประชาชน
ตัวแทนนักศึกษา ต่อกรณีเหตุการณ์ต่างๆ
ที่สำคัญที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับประชาชน
โดยมีประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ออกมาเล่าให้ผู้ชุมนุมฟังถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า
โจรใต้แสดงศักยภาพ ก่อเหตุในพื้นที่จ.นราธิวาส 25 จุด แขวนป้ายโจมตีรัฐ
พ่นสีกู้รัฐปัตตานี พร้อมกับเผาธงชาติไทย
ในหลายอำเภอฉีกธงชาติไทยเป็นชิ้นเล็กๆ
โปรยตะปูเรือใบตามถนนเป็นบริเวณกว้างและแขวนป้ายข้อความโจมตีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ เหตุเกิดตั้งแต่เวลา 06.00-09.00 น. วันที่ 1 มิ.ย.
เจ้าหน้าที่เชื่อว่ากรณีเหตุการณ์ที่คนร้ายออกมาเคลื่อนไหวก่อเหตุในครั้งนี้
เป็นการสร้างสถานการณ์ป่วนใต้เพื่อแสดงศักยภาพ
วันคล้ายวันสถาปนารัฐปัตตานีในวันที่ 15 มิ.ย.50 นี้
ที่มาจาก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1750 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 03 มิ.ย. 50
เวลา 14:56:01
|