|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เปิดใจ "นพดล ปัทมะ" โฆษกยามยาก
เจ้าของวาทะเด็ด "ถ้าเราทำถูกต้องตามกฎหมาย ก็ไม่มีปัญหาเรื่องจริยธรรม"..."นพดล ปัทมะ" อดีตนักเรียนทุนอานันทมหิดล ปัจจุบันทำหน้าที่ ที่ปรึกษากฎหมายให้อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เปิดใจกับ "เกศิณี ใจกาวัง" หนึ่งในทีมข่าวหัวเห็ดของ DARKNEWS ในค่ำคืนวันที่ 21 มิ.ย.ที่โรงแรมเซ็นทรัล โซฟิเทล
ภายหลังการรัฐประหารผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่วัน ท่ามกลางบรรยากาศขุดรากถอนโคน "ระบอบทักษิณ".... "นพดล" กลับปรากฏตัวในบทบาทใหม่
เป็น "โฆษกยามยาก"...ที่ปรึกษากฎหมายของครอบครัวชินวัตร ทำหน้าที่แถลงข่าวเพื่อปกป้อง "นายจ้าง" ซึ่งกำลังถูกตรวจสอบจากสังคมในปัญหาคอร์รัปชั่นในยุคสมัยเรืองอำนาจ
"พ.ต.ท.ทักษิณ...ไม่ใช่ฆาตกรฆ่าคนตาย แล้วทำไมผมจะว่าความไม่ได้"....นี่คือหนึ่งในประโยควรรคทองของเขา
ครั้งหนึ่งเขาเจอกระแสต่อต้านอย่างหนัก จนถูกนำไปเปรียบเทียบกับสุนัขทรงเลี้ยง "คุณทองแดง" ในเรื่องของความสำนึก
"คนที่วิพากษ์วิจารณ์ผมเสียหาย เอาผมไปเปรียบเทียบกับสุนัขก็มี" เป็นอีกท่อนหนึ่ง ที่ "นพดล" พยายามบอกกล่าวว่า เขาจำเป็นต้องรักษาสิทธิและได้ยื่นฟ้องร้องคนที่กลาวหาไปแล้ว
ใครจะเชื่อว่า อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร ของพรรคประชาธิปัตย์อย่าง "นพดล" ซึ่งเคยทำหน้าที่เลขานุการของ ชวน หลีกภัย สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะกลายมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในช่วงท้ายของรัฐบาลทักษิณ
แน่นอนว่าประเด็นนี้ "นพดล" มีมุมมองการทำงาน แบบต่างกรรม ต่างวาระ
"ประชาธิปัตย์ก็มีแนวทางของประชาธิปัตย์ แต่บังเอิญผมศรัทธาในแนวทางการทำงานที่เน้นนโยบาย ทำงานให้เสร็จ ทำมากกว่าพูด และก็มีวิสัยทัศน์ใหม่ๆ"
DARKNEWS ย่อมไม่พลาดเรื่องราวอันเป็นส่วนตัว ว่ากันว่า ชีวิตยามราตรีของ "นพดล" ได้แปลงร่างกลายเป็นหนุ่มเนื้อหอม จนสาวๆ ถึงกับให้คำนิยามเขาว่า "คาสโนวา...เรียกพี่"
"ผมไม่รู้ว่าคาสโนว่าคืออะไร เพราะบังเอิญผมไม่ได้เจ้าชู้ และผมก็นิยมผัวเดียว เมียเดียว แต่การชอบมองผู้หญิงสวย และมีความรู้สึกที่ดีต่อเขาก็เป็นเรื่องธรรมดา" ก่อนทิ้งท้าย "นพดล" ฮัมเพลงโปรด My Way ของ Frank Sinatra
แต่มิใช่เอาใจ "นายจ้าง" ที่มีชื่อฝรั่งใหม่ "ชินาตร้า" เพื่อให้แฟนบอลในสนามเดอะ ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม ตะโกนเรียกชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" กันรื่นคอ
"นพดล" กำลังบอกกล่าวเป็นนัยถึง เส้นทางชีวิตที่ลิขิตชะตากรรมของตัวเอง
My Way ที่ "นพดล"เลือกเดินจะ The end is near หรือไม่
.......เส้นทางชีวิตนี้ "สังคม" มีคำตอบให้กับเขาแล้ว.....
อ่านสัมภาษณ์คำต่อคำ :
มีคนมองว่าคุณนพดล รับทุนของกองทุนอานันทมหิดล แล้วคิดอย่างไรถึงมาทำงานกับคุณทักษิณในช่วงขาลง มีคนมองว่า มารับใช้คุณทักษิณ?
ต้องท้าวความนิดหนึ่งคือผมเป็นผู้ช่วย รมว.ทรัพยากรฯ ในเดือนกันยายนปี 2549 และเมื่อมีการยึดอำนาจ ก็ต้องมีคนที่จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และการให้ข่าวกับสาธารณชนด้วย เพราะท่านอยู่ต่างประเทศ ท่านก็ไว้วางใจให้ผมมาทำหน้าที่ ผมทำสำนักงานกฎหมายอยู่แล้วโดยอาชีพ เป็นทนายความและเป็นนักการเมืองอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรที่ผมจะช่วย ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย มันก็เป็นวิชาชีพของผม และก็มีอะไรที่จะทำงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เหมือนกับลูกความรายอื่นๆ เราก็รับทำหน้าที่ได้
อยากจะเรียนอย่างนี้ครับ คนที่ไปฆ่าคนตายหรือไปข่มขืนคนอื่น มีคดีอุฉกรรจ์มาศาลถ้าไม่มีทนายความ ศาลต้องตั้งให้ เพราะฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านไม่ได้ไปฆ่าคนหรือไปข่มขืนใคร เพราะฉะนั้นผมคิดว่า ผมก็ทำหน้าที่ได้ในฐานะวิชาชีพ
แต่สำหรับเรื่องทุนอานันทมหิดล ผมอยากกราบเรียนอยางนี้ ทุนอานันทฯ เป็นของสูงผมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมมีวันนี้ก็เพราะการศึกษา และการศึกษาที่ผมได้คือ ได้เพราะได้รับพระราชทุนอานันทมหิดล ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องทุน ครับ เพราะว่าเป็นเรื่องสูง เรื่องเบื้องบนไม่อยากดึงมาเชื่อมโยงกับการเมือง
แต่สำหรับคนที่วิพากษ์วิจารณ์ผม ผมอยากจะกราบเรียนว่า ผมน้อมรับทุกคำวิจารณ์ๆ เคารพความเห็นของท่าน แต่อย่ามาด่าผม ในลักษณะเสียๆ หายๆ ผมรับไม่ได้ในส่วนนั้น แต่ถ้าวิจารณ์โดยมีเหตุมีผล ผมก็รับฟังครับ
มีการวิจารณ์ที่ค่อนข้างรุนแรง จนถึงขั้นว่า มีการไปเปรียบเทียบกับคุณทองแดงทำนองนี้ขึ้นตามหน้าหนังสือพิมพ์ หรือเวปไซด์ต่างๆ ?
มีขบวนการพยายาม ถ้ามองในแง่ดี ผมอาจจะทำหน้าที่ของผมแข็งขันไปหรือเปล่าไม่ทราบ บางคนก็พยายยามจะดิสเครดิตผม โดยเฉพาะฝ่ายตรงข้าม คำว่า "ฝ่ายตรงข้าม" คือ ผมเป็นคนไทยเหมือนกัน และผมก็ไม่ได้คิดว่ามีใครเป็นศัตรู แต่ก็มีคนพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของผม เช่น แม้กระทั่งเอกสารของ คมช.เอง ที่ว่าจ้าง คุณเชียรช่วง 12 ล้านบาท แผนอันหนึ่งของเขา
คือการทำลายความน่าเชื่อถือของแกนนำฝ่ายตรงข้าม เขาพูดแบบนี้นะครับ เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายนพดล ปัทมะ แหม !ความจริงก็มีความกระบวนการทำลายความน่าเชื่อถือ ตอนแรกทำให้ผมกลัวก่อน เรื่องส่งทหารไปตามผม เรื่องข่มขู่ผมที่บ้าน ส่งคนตามประเด็นที่ 2 ก็พยายามวิพากษ์วิจารณ์ผมเรื่องทุนอานันทมหิดล ประเด็นที่ 3 ก็พยายามที่จะใบอนุญาติทนายความผมจะเพิกถอน เพราะฉะนั้นการที่คนที่วิพากษ์ วิจารณ์อย่างสุภาพชน อย่างคนที่มีปัญญา อย่างคนที่มีเมตตาธรรม ผมน้อมรับ
แต่คนที่วิพากษ์วิจารณ์ผมเสียหาย เอาผมไปเปรียบเทียบกับสุนัขก็มี ซึ่งผมก็ต้องรักษาสิทธิ์ของผม คือ ยื่นฟ้องร้องที่ศาลไปแล้ว อย่างเช่น คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผมก็ต้องอาศัยบารมีศาล เพื่อที่จะไม่ให้มีใครมาดูหมิ่น หรือเยียดหยาม หรือหมิ่นประมาทคนอื่น โดยที่ตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ
วันนี้เรามองตัวเองว่า เปรียบเสมือนมือขวาคุณทักษิณได้หรือยัง หรือมองเป็นแบบไหน?
คือผมอยากจะเรียนว่า ผมก็ไม่ถือว่าตัวเองเป็นความสำคัญอะไรมาก ผมเป็นคนธรรมดาที่ตั้งใจทำงาน และเมื่อผมตัดสินใจทำอะไร ผมก็คิดดีแล้ว และผมต้องทำให้สำเร็จ คือ ปรัชญาในชีวิตของผม คือ ทำอะไรต้องทำให้ดี ทำให้สำเร็จ แล้วก็ต้องรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่ถูกยึดอำนาจอยู่ต่างประเทศตลอด เวลาจะพูดเวลาจะวิพากษ์วิจารณ์ ผมก็ทำหน้าที่แทน ผมก็ทำงานหนักพอสมควร แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดเป็นมือขวา หรือ มือซ้ายหรอก ครับ
เมื่อกี้เห็นบอกว่า เคยถูกข่มขู่ ตอนนี้เท่าที่เคยทำงานมากับ พ.ต.ท.ทักษิณในช่วงหลังการรัฐประหาร ถูกข่มขู่กี่ครั้ง แบบไหน อย่างไรบ้าง?
วิธีข่มขู่ เช่น โทรไปที่บ้านข่มขู่ถ้าไม่เลิกทำก็จะมีผลตามมาอย่างโน้นอย่างนี้ การส่งทหารตาม ที่ผมรู้เพราะ หนึ่ง ผมอยู่ที่คอนโดแล้วเขาไปหาคนชื่อนพดล ซึ่งคนละนามสกุล ก็เลยรู้พยายามขึ้นไปหาผม และก็มีมอเตอร์ไซด์ตาม อันนี้ก็เป็นสงครามจิตวิทยา สงครามประสาท ซึ่งอย่าทำกับผมเลย
เพราะว่า 1.ผมไม่กลัว หรือว่า กลัวจนหายกลัวแล้ว 2.เราคนไทยด้วยกันผมทำเปิดเผย ถ้ามีอะไรก็คุยกัน นี่คือภาพรวมใหญ่ๆ แล้วผมมั่นใจว่า โทรศัพท์ผมก็ถูกดักฟัง ซึ่งเครื่องดักฟังก็ทราบว่า เขาทำกันได้ ซึ่งผมก็เลยจึงต้องใช้โทรศัพท์ 6 หมายเลย คือ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะไม่ให้ถูกดักฟัง
ที่ผ่านมาในเรื่องการทำงาน กับการออกมาแถลงข่าว รู้สึกว่าพอมาประเด็นข่าวปุ๊บ คุณนพดลก็จะสามารถออกมาแถลงข่าวได้ทันเวลา ทันท่วงที ตรงนี้ระบบการทำงาน การสื่อสาร ประสานงานกับพ.ต.ท.ทักษิณ มีการสื่อสารกันอย่างไรบ้าง แบบไหนอย่างไร ?
สื่อสารกันก็ใช้โทรศัพท์เป็นส่วนใหญ่ โทรศัพท์ที่ป้องกันการดักฟังเป็นส่วนใหญ่แล้วก็ การทำงานด้วยกันระยะหนึ่งมองตาก็รู้ใจแล้ว คือ จะพูดอะไรคนที่มีความสามารถเป็นผู้แทนคนอื่นได้ จะต้องรู้ว่าสิ่งที่พูดเป็นบวกกับเขา ไม่ได้เป็นลบกับเขา และก็พอจะเข้าใจสิ่งที่ท่านพูด
แน่นอน ถ้าเป็นประเด็นสำคัญใหญ่ๆ มากๆ ที่มีส่วนได้เสียของท่านเอง ผมต้องขอแนวทางจากท่าน แต่ถ้าเป็นประเด็นปลีกย่อย เล็กๆ น้อยๆ ผมก็สามารถตัดสินใจแทนได้เลย ผมอาจจะโชคดีที่ผมอาจจะพอเข้าใจกฎหมาย และเคยทำงานการเมืองมาก่อน เพราะฉะนั้นผมพอจะรู้แง่มุมของกฎหมาย และรู้แง่มุมของการเมือง
หมายความว่ามีหลายๆ ครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มากำหนดประเด็นให้ เนื้อหา หรือว่า รายละเอียดของข่าวที่ผ่านมา ?
ก็มีปรึกษาหารือกันบ้างในประเด็นใหญ่ๆ ก็มีการหารือแน่นอน แล้ววิธีการของผมถ้าเป็นประเด็นที่ สมมุติว่า มีคนกล่าวหาในประเด็นข้อกฎหมาย เราก็รู้อยู่แล้วว่า การชี้แจงอย่างไร ก็ชี้แจงได้เลย เช่น เรื่องภาษี เรารู้อยู่แล้วว่า ครอบครัวไม่มีภาระภาษี ก็สามารถชี้แจงไปได้เลยว่า เรื่องนี้เราได้ทำโดยสุจริต ไม่มีภาระภาษี เคยหารือกรมสรรพากร เป็นต้น คือ เรื่องประเด็นเกี่ยวกับท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประเด็นเกี่ยวกับข้อกฎหมายซะเยอะ เพราะฉะนั้น ถ้าเราหลักกฎหมายแม่น แล้วรู้ประเด็นเราก็สามารถจะชี้แจงได้ คือจะถามกี่ครั้งเราก็ตอบ ตอบแบบคงเส้นคงวา
คุณนพดลเคยบอกว่า คติประจำใจคือว่า เมื่อไม่ผิดกฎหมาย ก็ไม่ผิดจริยธรรม แต่ตรงนี้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในหลายๆ คดี ในทุกคดีเลยก็ว่าได้ เป็นคดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองของประเทศไทย ตรงนี้มีมุมหนึ่งก็มองว่าคุณนพดล ทำไมถึงมาใช้ความเป็นทนายเหมือนกับว่า มาปกป้องในส่วนของลูกความที่ยังไม่ได้มีการตัดสิน ?
คือ การเป็นที่ปรึกษากฎหมาย หรือเป็นทนายความ หลักมันก็คือเพื่อที่จะเสนอข้อเท็จริง และต่อสู้ให้ลูกความเราพ้นผิดจริงหรือไม่ และผมก็มั่นใจด้วยว่า ข้อเท็จจริงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้าได้ชี้แจงทางการเมือง และทางกฎหมาย และถ้าได้ให้ประชาชนได้รับฟังความเห็นอีกด้านหนึ่ง ผมมั่นใจว่าประชาชนเข้าใจ เพราะว่าหลังจากการยึดอำนาจเราต้องยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกใส่ร้าย ถูกกระทำ และถูกพยายามลดความน่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นการที่มีเรื่องราวที่จะไปชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจได้ทราบ ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์
ส่วนที่บอกว่า ทำไมผมถึงมาปกป้อง ผมมั่นใจในครอบครัวเขา อย่างเรื่อง ภาษีหรืออย่างเรื่องที่ดินรัชดา คือ ถ้าพูดก็จะยาว คือ เขาไปประมูล คุณมาเชื้อเชิญให้เขาไปประมูล สอบถามแล้วก็บอกว่าทำได้ เขาก็ไปประมูล เพราะว่าถ้าผิดกองทุนฟื้นฟูก็จะบอกว่า "คุณหญิงอย่ามาประมูลนะ ประมูลไม่ได้ ใช่หรือไม่ครับ เรามั่นใจว่าไม่ผิดมาตรา 100 เราคิดว่า เราสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ ก็เป็นหน้าที่ของที่ปรึกษากฎหมายอยู่แล้วที่จะช่วยให้ลูกความของเราพ้นผิด
วันนี้ถ้าให้ประเมินเป็นเปอร์เซ็นต์ ระหว่างการชนะหรือแพ้คดีในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ประเมินอย่างไร?
ไม่มีนักกฎหมายคนไหนที่จะประเมินเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ แต่เราก็มั่นใจว่า เราจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องไม่มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมโดยผู้มีอำนาจ เรามั่นใจว่าถ้าตัดสินตามเนื้อผ้า ตัดสินตามพยานหลักฐาน ตัดในสภาพการเมืองที่กลับคืนสู่สภาวะปกติ เรามั่นใจว่า เราจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้อกล่าวหาทั้งปวงที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว
ทราบมาว่า คุณนพดล เคยเป็นเลขานุการส่วนตัวของคุณชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แล้วขณะนี้ก็มารับตำแหน่งทนายความส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ พอจะเปรียบเทียบ ระหว่างการทำงานของ 2 ท่าน?
ท่านชวน เป็นผู้มีพระคุณ เป็นคนดี เป็นคนน่ารัก และเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ ผมมีความกตัญญูต่อท่านเสมอ และก็ยังรักและเคารพท่านเหมือนเดิม แม้ว่าผมจะมาทำงานเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นคนที่ฉลาดมาก เป็นคนที่ อัชฌาศัยไมตรีดี เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ ร่าเริงมีอารมณ์ขัน ทำงานเร็ว และเป็นคนที่จิตใจดี
ถ้าทำงานด้วนกันกับท่านทั้ง 2 คน ก็มีวิธีการทำงานไม่เหมือนกัน มีบุคลิคแตกต่างกัน แต่ผมคิดว่าประสบการณ์ที่ผมได้ทำงานในฐานะที่เป็นเลขานุการผู้นำฝ่ายค้าน ไม่ได้เป็นเลขานุการส่วนตัว เป็นตำแหน่งที่เป็นทางการก็เป็นประสบการณ์ที่มีค่า และผมยังถือว่า บิดาทางการเมืองของผมท่านหนึ่งก็คือ ท่านชวน หลีกภัย
แต่สำหรับท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านมีวิสัยทัศน์มาก เป็นคนที่ทำงานเร็ว มีแนวความคิดใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา และเป็นคนที่ให้ความสนิทสนม อัชฌาศัยไมตรีกับคนอื่นที่ดี มันก็ได้วิธีการทำงานที่อีกแบบหนึ่ง มุมมองการทำงานทางการบริหาร มุมมองทางเศรษฐกิจ มุนมองในการพัฒนาของโลก ซึ่งตรงนี้ก็เป็นประโยชน์ ผมมีความรู้สึกที่ดีกับทั้ง 2 ท่าน ครับ
มีรายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ สมัยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ อาจจะไม่ค่อยมีบทบาท ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้คุณนพดล ตัดสินใจมาอยู่พรรคไทยรักไทย หรือเปล่า?
คือผมไม่อยากจะไปวิพากษ์วิจารณ์พรรคเดิม ผมศรัทธาในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และ ศรัทธาในการทำงานของพรรค ความจริงผมห่างจากพรรคประชาธิปัตย์มาหลายปีแล้ว 2-3 ปี คุณยงยุทธ ติระไพรัช เชิญผมมาปฏิรูปกฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วบังเอิญมันยุบสภา เขาก็เลยตั้งให้ผมเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยไม่มีการต่อรองอะไรทั้งสิ้น ตอนแรกมาผมรู้ทางกฎหมาย และจะมาปฏิรูปกฎหมายสิ่งแวดล้อม ประมวลเอากฎหมายทุกฉบับมาประมวลง่ายๆ อ่านง่ายๆ และเพื่อรักษาทรัพยากร ผมก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี
แต่พอเขาตั้งผมเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ก็เป็นอยู่ 89 วัน ก็ถูกยึดอำนาจ พอยึดอำนาจผมก็มาทำงานเป็นที่ปรึกษากฎหมาย เพราะฉะนั้น มันไม่ใช่อะไรที่ผมวางแผนไว้ มันเป็นเหมือนสถานการณ์มันพาไป แต่ถ้าถามว่า ผมเสียใจหรือไม่ ผมไม่เสียใจในสิ่งที่ผมตัดสินใจมาเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณแล้วจะทำให้ตลอดรอดฝั่ง และจะทำให้อย่างดีที่สุด
ส่วนบทบาทในพรรคประชาธิปัตย์ คือ พรรคประชาธิปัตย์ก็มีแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ แต่บังเอิญผมศรัทธาในแนวทางการทำงานที่เน้นนโยบาย ทำงานให้เสร็จ ทำมากกว่าพูด และก็มีวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ เปิดกว้างสำหรับทุกคน เท่านี้แหละที่ผมอยากจะพูดถึงพรรค เพราะไม่อยากให้เกิดความรู้สึกว่า พอไม่อยู่พรรคเดิมแล้วก็ไปวิพากษ์วิจารณ์ ผมคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นสถาบันที่ดี เป็นสถานบันทางการเมือง แล้วผมได้มาเป็น ส.ส.ครั้งแรก ก็เป็นได้เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็ยังกตัญญู ก็ขอให้ทางพรรคโชคดีครับ
มาถามเรื่องส่วนตัวกันหน่อย คุณนพดล คิดอย่างไรกับค่านิยม ที่คนมองกันว่า นักการเมืองเป็นแบบคาสโนว่า เจ้าชู้ประตูดิน หรือมีบ้านเล็กบ้านน้อย?
ผมเห็นว่าควรจะมีบ้านเดียว บ้านเล็กบ้านน้อย ถ้าหมายถึงตัวบ้านก็คงมีได้ เช่น บ้านชนบทหลังเล็ก บ้านในเมืองหลังใหญ่ แต่ผมไม่เห็นด้วยในการมีภรรยาหลายคน ผมเห็นว่า ผัวเดียว เมียเดียว ผมเห็นด้วยกับเจ๊เบียบมีภรรยาเดียวสามีเดียว ส่วนเรื่องเจ้าชู้หรือไม่ บังเอิญผมก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้นะครับ ผมไม่ใช่เกย์ ผมชอบผู้หญิงนะครับ แน่นอนก็ต้องชอบมองผู้หญิงสวย ก็เป็นธรรมดา เพราะผมเป็นคนโสด เพราะฉะนั้นก็ธรรมดามันก็เป็นความรู้สึกดีๆ ที่เรามีต่อกัน แต่นี่มันเป็นความรู้สึกส่วนบุคคล ห้ามเลียนแบบ ผมว่าการมีอัชฌาศัยดีกับผู้หญิง กับเค้าคุยกับเค้าเป็นสิ่งที่น่าทำ แต่อย่าไปมีมากกว่า 1 บ้าน
ขณะนี้มีเสียงเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ว่า คุณนพดล จะมีคุณสมบัติเหมาะกับการมาทำคดีใหญ่ๆ เหมือนกับว่ามีข่าวว่า เจ้าชู้ ออกแนวคาสโนวา ?
มันเกี่ยวกันตรงไหน คาสโนว่า กับคดีใหญ่ๆ
เหมือนกับเรื่องวุฒิภาวะมีพร้อมหรือเปล่ามีคุณสมบัติตรงนั้นหรือไม่ ?
คนที่จะมอบหมายให้ผมทำคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องไปถามท่าน ว่ามีพร้อมหรือไม่ ความจริงผมขอเถียงนะครับ ผมไม่ใช่คาสโนว่ามายัดเยียดให้ผมเอง ผมเป็นคนธรรมดาๆ เพราะฉะนั้น ผมถูกใส่ร้ายอีกแล้ววุฒิภาวะมีซิครับ ถ้าไม่มีท่านก็คงไม่ใช้งานผม
เห็นเคยให้สัมภาษณ์ว่า ชอบเพลง My Way ของ Frank Sinatra มีนัยยะอะไรระหว่างเพลงนี้กับการกำหนด ชะตาชีวิตของตัวเอง?
My Way มันเป็นเพลง และมันเป็นปรัชญาด้วย ว่าเราต้องกำหนดชะตาชีวิตของเราเอง ชีวิตเรา เราลิขิตเอง แล้วถ้าเราเสียใจล้มลุกคลุกคลานเราก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ For what is a man, what has he got? If not himself, then he has naught. เขาบอกว่า ถ้าเป็นผู้ชายถ้าไม่เป็นตัวของตัวเองจะมีอะไรล่ะ แล้วอันหนึ่งที่ผมชอบก็คือRegrets, Ive had a few; But then again, too few to mention เขาบอกว่าความเสียใจ ผมก็มีบ้าง แต่ขณะเดียวกัน มันมีน้อยเกินไปที่ผมจะไปพูดถึง พี่ชอบมากเลย มันเป็นเพลงที่เท่ห์ มีความหมายและก็ร้องเป็นอำมตะ
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
ข่าวจาก กระปุกดอทคอม
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
