• อายัดเงิน 'โอ๊ค' อีก 1.9 พันล้าน |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 10 ก.ค. 50 เวลา 10:27:01 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ พร้อมคณะทำงานคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อแจ้งที่อยู่จริงในต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ที่เป็นจำเลยที่ 1-2 ในคดีดังกล่าว สำหรับคำร้องที่ส่งให้ศาลนั้นมีหนังสือราชการของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ระบุที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณว่าพักอยู่ที่บ้านเลขที่ 55 ถนนพาร์คเลน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และไพร์มวิลเลจ รีสอร์ตแอนด์คันทรีคลับ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ส่วนคุณหญิงพจมานพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราฟเฟลส์ เลขที่ 585 ถนนนอร์ธบริดจ์ ประเทศสิงคโปร์ เข้ารักษาตัวตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.-6 ก.ค.50 นอกจากนี้ ทางอัยการยังได้เตรียมให้นายวัชรา พรหมเจริญ ผู้อำนวยการเขตบางพลัด และนายยุทธศักดิ์ ร่มฉัตรทอง ผู้อำนวยการเขตดุสิต ขึ้นไต่สวน เพื่อยืนยันว่าที่อยู่ในประเทศของจำเลยทั้งสอง ยังไม่มีการแจ้งย้ายชื่อออกจากทะเบียนราษฎร ต้องร่วมพิจารณาครบองค์คณะ 9 คน นายทองหล่อ โฉมงาม รองประธานศาลฎีกา ในฐานะเจ้าของสำนวนคดี ได้พิจารณาคำร้องร่วมกับนายประพันธ์ ทรัพย์แสง ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และนายพิชิต คำแฝง องค์คณะ ก่อนมีคำสั่งไม่ต้องไต่สวนผู้อำนวยการเขตทั้ง 2 คนเพิ่มเติม โดยรับคำร้องแจ้งที่อยู่เพิ่มเติมไว้พิจารณาและนัดให้อัยการฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องคดีหรือไม่ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. นายรักเกียรติ วัฒนะพงษ์ เลขานุการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งที่อยู่เพิ่มเติมแล้ว ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน จะร่วมกันพิจารณาคำฟ้อง เพื่อมีคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องคดีหรือไม่ต่อไป ส่วนที่การพิจารณาคำร้องอัยการยื่นที่อยู่เพิ่มเติมในวันนี้ มีองค์คณะเพียง 3 คนร่วมวินิจฉัย ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติที่พิจารณาไม่ครบองค์คณะ เพราะถือว่าเป็นการวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งใดๆในสำนวนเท่านั้น แต่ไม่ใช่การวินิจฉัยเพื่อชี้ขาดผลแห่งคดี จะต้องร่วมพิจารณาโดยครบองค์คณะทั้ง 9 คนตามกฎหมาย ทนายทักษิณเล่นแง่เรื่องที่อยู่ปัจจุบัน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า คงต้องรอฟังคำสั่งศาลว่าจะประทับรับฟ้องคดีนี้หรือไม่ รวมทั้งต้องตรวจสอบดูว่าที่อยู่ตามที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษยื่นต่อศาลนั้น ถูกต้องและตรงตามที่อยู่ พ.ต.ท.ทักษิณพักอาศัยอยู่จริงหรือไม่ หากไม่ตรงกับความเป็นจริง ทางทีมทนายก็คงจะยื่นคัดค้าน ส่วนกรณีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณพำนักอยู่ที่บ้านเลขที่ 55 ถนนพาร์คเลน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และไพร์มวิลเลจ รีสอร์ตแอนด์คันทรีคลับ สนามกอล์ฟที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนนั้น ตามปกติแล้ว อดีตนายกฯพำนักอยู่หลายสถานที่ อาจอยู่นอกเมืองบ้าง แต่เราก็ไม่รู้ว่าทางศาลจะดูที่อยู่จากที่ไหนยื่นฟ้องอย่างเป็นทางการ เช่น หากท่านอยู่ที่ตึกแห่งหนึ่งแล้วตึกมี 100 ยูนิต ก็ต้องระบุที่อยู่ ห้องและชั้นให้ตรงด้วย หากไม่ตรง ทางทีมทนายที่ดูแลคดีดังกล่าวก็จะยื่นคัดค้าน และเมื่อไม่มีจำเลยมาขึ้นเบิกความ ศาลอาจจะต้องจำหน่ายคดีออกไปก่อน สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า จะขอกลับประเทศหลังการเลือกตั้ง ส่วนเรื่องของคดีความนั้น หากคดีใดมอบหมายให้ทนายความ เป็นผู้ที่ชี้แจงได้ ก็จะมอบอำนาจให้ชี้แจงแทน โดยขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ยังไม่มีกำหนดการเดินทางไปประเทศใด “นาม” อึ้งประธานอนุฯดับเพลิงหักมติ ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า วันเดียวกัน นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.สิทธิโชค รอดครุฑา อดีตอนุกรรมการตรวจสอบการทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาท ทำหนังสือให้สอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มเติมอีก 7 ราย พร้อมแจ้งข้อกล่าวหานายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ว่า จะนำเรื่องดังกล่าวให้นายประเสริฐ บุญศรี ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนรับทราบ ทั้งนี้ยังไม่ได้รับการประสานผลการสรุปสำนวนไต่สวนในกรณีดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ ร.ต.สิทธิโชคไม่ได้เป็นอนุกรรมการฯต่อนั้น เพราะมีปัญหาด้านสุขภาพ และความเห็นด้านกฎหมายย่อมมีความเห็นที่ต่างกันได้ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องเอาเสียงข้างมากเป็นหลัก เมื่อถามว่าที่ประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนลงมติ 5 ต่อ 2 แต่ประธานไต่สวนเห็นด้วยกับเสียงข้างน้อยว่าคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัด กทม.ไม่ผิด นายนามตอบด้วยสีหน้าตกใจว่า “ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้เลย” เมื่อถามย้ำว่านายอภิรักษ์เป็นผู้เปิดแอลซีจะถือว่ามีความผิดหรือไม่ นายนามตอบว่า การพิจารณาความผิดต้องดูจากความสมบูรณ์ของหนังสือสัญญาการซื้อขาย ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะการเปิดสัญญาแอลซีเท่านั้น เรื่องนี้ต้องดูเหตุผลว่าสมควรสอบเพิ่มเติมหรือไม่ ถ้าไม่มีเหตุสมควรเราก็ไม่สอบเพิ่มเติม “อภิรักษ์” พร้อมแจงทุจริตรถดับเพลิง นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ คตส.จะพิจารณา ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของคณะกรรมการ แต่ในส่วนของตนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ หากมีการเชิญไปให้ปากคำเพิ่มเติม เพราะที่ผ่านมาได้ชี้แจงและมอบเอกสารไปอย่างครบถ้วนแล้ว เป็นการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะประเด็นการเปิดแอลซี ที่ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว ส่วนที่มีหลายฝ่ายมองว่าจะได้รับการปกป้องเพราะเป็นฝ่ายเดียวกับ คมช.และ คตส.นั้น โดยส่วนตัวไม่ขอออกความคิดเห็นในเรื่องนี้ แต่คนก็สามารถวิจารณ์ได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์วิ่งเต้นช่วยเหลือนายอภิรักษ์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้ความช่วยเหลือนายอภิรักษ์ในเรื่องข้อกฎหมายเท่านั้น โดยได้จัดทีมไว้ให้ตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ในส่วนของ คตส.ก็มีหน้าที่วินิจฉัยและให้เหตุผลในการวินิจฉัยต่อไป อายัดเงิน “โอ๊ค” อีก 1.9 พันล้าน ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. คตส.ชุดใหญ่ได้ร่วมประชุมพิจารณาติดตามความคืบหน้าโครงการทุจริตต่างๆที่รับไว้ตรวจสอบ ต่อมาเวลา 16.30 น. นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. แถลงหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาสั่งอายัด ตามคำขอของคณะอนุกรรมการตรวจสอบติดตามทรัพย์สินของบุคคล ที่ คตส.มีคำสั่งอายัด ที่มีคุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา เป็นประธาน ที่เสนอให้อายัดเงินในบัญชีเงินฝากในธนาคารและสถาบันการเงินที่ครอบครัว บุตร บริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้แก่กองทุนเทมาเสก (เพิ่มเติมครั้งที่ 5) ตามคำสั่งที่ คตส.026/2550 โดยคณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้ตรวจสอบพบว่ามีการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินไปยังบัญชีต่างๆ นอกเหนือจากบัญชีที่มีคำสั่งอายัดไว้แล้ว ทำให้คำสั่งอายัดเดิมไม่ครอบคลุมถึง จึงต้องออกคำสั่งอายัดเงินของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในบัญชีเงินฝากจำนวน 4 รายการ รวมวงเงิน 1,900 ล้านบาท ซึ่งมีการยักย้ายระหว่างวันที่ 15-27 มิ.ย. 50 พบพิรุธยักย้ายเข้า “บ.ประไหมสุหรี” นายสักกล่าวว่า บัญชีทั้ง 4 รายการประกอบด้วย 1. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำนักรัชโยธิน บัญชีเลขที่ 111-2-83509-6 ชื่อบัญชีบริษัทประไหมสุหรี พรอพเพอร์ตี้ จำกัด จำนวน 800 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจากยอดเงินดังกล่าว 2. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาสะพานควาย บัญชีเลขที่ 013-1-25220-0 ชื่อบัญชีบริษัทเวิร์ธ ซัพพลายส์ จำกัด จำนวน 400 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจากยอดเงินดังกล่าว 3. ธนาคารกรุง-ศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) สาขาสะพานควาย แคชเชียร์เช็คเลขที่ 1240626-8 จำนวน 3 ฉบับ ฉบับละ 200 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 600 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจากยอดเงินดังกล่าว 4. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนรัชดาภิเษก บัญชีเลขที่ 060-2-68239-7 ชื่อบัญชีบริษัทสมพร แอนด์แอสโซสิเอทส์ จำกัด จำนวน 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยจากยอดเงินดังกล่าว นายสักกล่าวว่า ในส่วนของบัญชีเงินของบริษัทประไหมสุหรีนั้น หากพบว่าเงินที่อยู่ต่างประเทศและเกี่ยวข้องกับเงิน 7.3 หมื่นล้านบาท หรือเป็นเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือคุณหญิงพจมาน ชินวัตร คตส.ก็จะต้องติดตามมาให้ได้ สั่งหาช่องฟัน “อภิรักษ์-ณฐนนท” นายสักกล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบตามที่อนุกรรมการไต่สวน กรณีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง กทม. เสนอให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ 5 ผู้ถูกกล่าวหา โดยให้เพิ่มความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 และ 13 ว่าด้วยการเสนอราคาล่วงหน้าผู้ซื้อ ผู้ขายมีการกำหนดราคาสินค้าผลิตภัณฑ์ทุกรายการจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงได้ จึงไม่สามารถเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันในเรื่องของราคาตามท้องตลาด และในสัญญายังระบุว่า หลังลงนามก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ได้ แม้ในชั้นของการตรวจรับจะพบความบกพร่องของสินค้า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ตั้งข้อสังเกตให้อนุกรรมการไต่สวนกลับไปพิจารณาอีก 2 ประเด็นคือ 1. ปลัด กทม.ควรจะถูกตั้งข้อกล่าวหาด้วยหรือไม่ 2. ขอให้พิจารณาเรื่อง การปฏิบัติตามสัญญาต่างตอบแทนและการเปิดแอลซีว่า ควรมีผู้ใดถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มด้วยหรือไม่ เป็นการฝากประเด็นให้อนุฯกลับไปพิจารณาเพิ่มเติม ไม่ถึงกับต้องให้ทบทวนมติของอนุฯไต่สวน นายสักกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบในโครงการกรณีที่ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก (เอ็ก-ซิมแบงก์) ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่าว่า ยังไม่สามารถสรุปผลได้ เนื่องจากนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการคตส. ซึ่งเป็นประธานคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว ติดให้ปากคำต่อศาลอาญา จึงไม่สามารถร่วมประชุมได้ แต่ทั้งนี้ มีรายงานของคณะอนุฯได้สรุปไว้แล้ว แต่ต้องปรับปรุงในบางส่วนจึงต้องเสนอเข้า คตส.เพื่อพิจารณาในสัปดาห์หน้า แฉโยกเงินอัดฉีดทีมทนายสู้คดี 100 ล้าน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอายัดบัญชีเงินฝากของนายพานทองแท้ จำนวน 1.9 พันล้านบาท จากวงเงินที่เหลือ จำนวน 2 พันล้านบาท ในรอบที่ 5 นี้ พบว่ายังมีเงินเหลืออีก 100 ล้านบาท ที่ยังอยู่ระหว่างการติดตามอายัด เนื่องจากมีการเบิกจ่ายเงินหลายงวดจำนวนไม่มาก ทำให้ยากต่อการติดตาม แต่เชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถติดตามได้ ทั้งนี้ ในส่วนของเงินที่ คตส.อายัดในครั้งนี้ เป็นบัญชี บจ.สมพรแอนด์แอสโซซิเอทส์ พบว่าก่อนที่คตส.จะอายัด ได้มีการเบิกจ่ายเงินออกไปเกือบหมด เหลือค้างในลงบัญชีเพียง 10 ล้านบาท โดยมีการแตกออกไปใน 4 บัญชี คือ 1. บัญชีในธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชดาภิเษก ของนางปราณี พงษ์สุวรรณ ภรรยาของนายสมพร พงษ์สุวรรณ ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ให้รับผิดชอบกรณีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป จำนวน 20 ล้านบาท 2. บัญชีร่วมของทั้งคู่ ในธนาคารไทยพาณิชย์ 20 ล้านบาท 3.บัญชีส่วนตัวของนายสมพร ในธนาคารกรุงเทพ สาขาราชวัตร 20 ล้านบาท และ 4. บัญชีของนายสมพร ในธนาคารกสิกรไทย สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา 30 ล้านบาท ข่าวจาก ไทยรัฐ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1510 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 10 ก.ค. 50
เวลา 10:27:01
|