• 'สมคิด' แนะรัฐต้องฟื้นความเชื่อมั่น |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 16 ก.ค. 50 เวลา 10:22:41 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “การบริหารอนาคตด้วย MBA” ว่า ที่เศรษฐกิจช่วงนี้ค่อนข้างจะซึมนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะว่ารากฐานเศรษฐกิจเราไม่ดี ที่ห่วงกันว่าวิกฤติเศรษฐกิจจะเกิดขึ้น ตนไม่คิดอย่างนั้น เพราะว่ามีประสบการณ์เมื่อปี 40 มาแล้ว ถ้าเราช่วยกันดูแลตั้งแต่เนิ่นๆไม่มีทางที่วิกฤติเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นได้อีก อย่าลืมว่าปัญหาที่แท้จริงคือภาวการณ์ขาดความเชื่อมั่นในประเทศและต่างประเทศ ทำให้การบริโภค การลงทุนน้อยลง เราต้องพยายามฟื้นความเชื่อมั่นกลับมาให้ได้ รัฐบาลต้องตัดสินใจอะไรที่เป็นการลงทุนเร่งด่วนต้องทำเลย อย่ารอรัฐบาลหน้า เพราะระยะที่จะมีรัฐบาลใหม่อีกหลายเดือน ต้องตัดสินใจโครงการขนาดใหญ่อันไหนทำได้ต้องทำเลย ด้านต่างประเทศที่ร่วมกันได้ต้องทำ อะไรที่จะจูงใจเอกชนให้ลงทุนต้องทำเลย เราต้องสร้างความมั่นใจให้กลับคืนมาเพื่อให้เกิดการลงทุน เมื่อมีการลงทุนมากขึ้นแรงกดดันของค่าเงินก็น้อยลง ตลาดหุ้นก็ยังดีอยู่ที่ต่างชาติมาลงทุน เพราะว่าตลาดของเรา พีอี (สัดส่วนราคาต่อกำไรที่จะได้รับ) ต่ำ ศักยภาพพื้นฐานโดยรวมเราไม่ได้ด้อยกว่าใคร เพียงแต่ว่าการเล่นหุ้นขณะนี้มีเงินเข้าออกเร็ว คนที่เล่นหุ้นก็ต้องระวังหน่อย เป็นช่วงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องรวมใจกันทำงาน แบงก์ชาติควรหารือเอกชนแก้ปัญหา เมื่อถามว่าอะไรที่เป็นรูปธรรมในการสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน นายสมคิดกล่าวว่า ตนไม่กล้าไปแนะนำผู้ดูแลนโยบายเศรษฐกิจ คิดว่าท่านคงมีแนวคิดอยู่แล้ว ควรดึงประชาชน เอกชน สมาคมสภาอุตสาหกรรมทั้งหลายเข้ามาเปิดอกพูดคุยกับรัฐบาล เชื่อว่าจะผ่านไปได้ เราผ่านวิกฤติปี 40 มาแล้วคงไม่เสียค่าโง่เป็นครั้งที่ 2 เมื่อถามถึงการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ นายสมคิดตอบว่า เคยบอกแล้วว่าการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจนั้นสำคัญมาก เมื่อ 2-3 ปีก่อนก็พยายามผลักดันให้ภาคเอกชนมีการปรับโครงสร้างของตัวเอง เพราะโลกการค้าสมัยนี้มีการแข่งขันรุนแรงมาก รัฐบาลต้องจัดหางบประมาณมาเป็นตัวช่วยเหลือ เราจะพูดเรื่องค่าเงินอย่างเดียวไม่ได้ แต่ก็เข้าใจว่าเกิดผลกระทบต่อผู้ส่งออก แต่ก็ควรหาทางผ่อนคลายให้ เช่น สถาบันการเงินทั้งของรัฐและเอกชน ต้องหาทางช่วยแบ่งเบาภาระที่เค้ารับอยู่ได้มากน้อยอย่างไร แบงก์ชาติก็ควรหารือภาคส่งออกภาคเอกชนว่าจะช่วยได้หรือไม่อย่างไร สรุปไม่ต้องกังวลเกินเหตุ ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันเราจะผ่านไปได้ ชี้ ตปท.กำลังจับตาดูท่าทีการเมืองไทย เมื่อถามว่า ยังไม่ถึงจังหวะที่ผลักดันให้นักลงทุนไปลงทุนต่างประเทศใช่หรือไม่ นายสมคิดตอบว่า คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่เราจะส่งเสริมให้ไปลงทุนต่างประเทศ เราต้องพยายามให้ความรู้ แต่ขณะนี้ต้องพยายามดึงดูดให้คนไทยกันเองตัดสินใจลงทุนให้มากขึ้น จูงใจให้ต่างประเทศมาลงทุนให้มากขึ้น คนดีมีความสามารถต้องดึงเข้ามาร่วม นโยบายเศรษฐกิจดีๆ ต้องทำให้เป็นมาตรฐานให้ต่างชาติเชื่อให้ได้ว่าเมืองไทยไม่มี 2 มาตรฐาน แต่เป็นมาตรฐานสากล ขณะนี้ต่างชาติกำลังจับตามองเรื่องการเลือกตั้งเราก็ต้องทำให้โปร่งใส การเมืองไทยเราต้องพิสูจน์ ให้ต่างชาติเห็นว่าจะนิ่งได้ในอนาคต เมื่อถามต่อว่าถ้ามีการเลื่อนเลือกตั้งออกจะส่งผลต่อด้านความเชื่อมั่นหรือไม่ นายสมคิดตอบว่า การเลือกตั้งต้องพยายามให้เกิดขึ้นช่วงใด หากเวลาต่างกันนิดหน่อยไม่ใช่ปัญหา แต่ก็ควรให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต้องทำให้ดีโปร่งใส เพราะต่างชาติมองจุดนี้เป็นสำคัญ เมื่อทำได้ดีความเชื่อมั่นก็เกิด ที่มีเงินลงเข้ามาขณะนี้เพราะพีอีเราต่ำ แต่อีกส่วนหนึ่งก็มีความหวังว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น รัฐบาลหน้าต้องดูเรื่องบุคลากรเรื่องนโยบายให้ดี เป็นเรื่องสำคัญมาก มั่นใจหลังเลือกตั้งไทยพบแสงสว่างแน่ เมื่อถามว่าเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนเป็นเพราะเชื่อมั่นว่าจะมีเลือกตั้งหรือเป็นการเข้ามาเก็งกำไร นายสมคิด ตอบว่า อย่าลืมว่าพื้นฐานจริงๆของไทยไม่ได้ด้อยกว่าชาติใดในเอเชีย เพียงแต่ 2 ปีที่ผ่านมา มีเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นก็ทำให้เกิดสะดุดไป ก็เลยทำให้ค่าพีอีมันถูกเมื่อเทียบกับเสถียรภาพของเรา ต้องนึกภาพว่าค่าพีอีประมาณ 8 แล้วต่างชาติอยู่ที่ 10 กว่า พื้นฐานเมืองไทยไม่ได้แพ้ ต่างชาติย่อมสนใจอยู่แล้ว และอย่างน้อยประเทศจะมีการเลือกตั้งแล้ว แสงสว่างปลายอุโมงค์มันเกิดแล้ว เมื่อเห็นแสงส่องที่ปลายอุโมงค์ ดังนั้น ต่างชาติจึงเข้ามาลงทุน เพราะเมื่อมีเลือกตั้งเกิดขึ้นหุ้นก็พุ่งกระฉูดแน่นอน ก็ได้กำไรอยู่แล้ว ดังนั้น การเก็งกำไรของการเล่นหุ้นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถ้าพื้นฐานไม่ดีไม่มีใครมาเล่นหรอก เราต้องทำพื้นฐานตัวเองให้แน่นให้นิ่ง แล้วเรื่องเงินไหลเข้าสมัยนี้มันปิดกั้นกันยาก ค่าเงินแข็งก็ไม่ใช่เป็นโทษอย่างเดียว แต่ทำให้ต้นทุนในการนำเข้าถูกลง ส่วนผลกระทบด้านการส่งออก รัฐก็ต้องช่วยกันหาทางออก การันตี “ประดิษฐ์-เอนก” ตั้งใจดี นายสมคิดให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานกับกลุ่มรวมใจไทยว่า กลุ่มรวมใจไทยเป็นกลุ่มที่สนับสนุนอยู่ เพราะแต่ละคนก็เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และมีความตั้งใจที่จะทำงานให้กับสังคมและประเทศ ยินดีที่จะสนับสนุนในทุกๆด้านเท่าที่กฎหมายจะให้ทำได้ ขณะเดียวกัน กลุ่มการเมืองอื่นๆ ก็ยินที่จะให้ความสนับสนุน เพราะส่วนใหญ่ ก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ภาวะช่วงนี้ทุกฝ่ายต้องสามัคคีกันช่วยให้ประเทศผ่านวิกฤติไปให้ได้ เพราะปัญหาด้านการเมือง เศรษฐกิจ ไม่ใช่ใครจะมาทำได้คนเดียว ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่ายินดีช่วยทุกกลุ่มจริงแล้วยังอยู่กับกลุ่มธรรมาธิปไตยหรือกลุ่มรวมใจไทย นายสมคิดตอบว่า ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก แต่เป็นคนมีเพื่อนเยอะ ก็ยินดีให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว สำหรับกลุ่มร่วมใจไทยคิดว่าจะให้ความสนับสนุนกลุ่มนี้มากพอสมควรทีเดียว เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์เป็นเพื่อน นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ก็เพื่อนทั้งนั้น แล้วก็กลุ่มนักวิชาการก็เป็นกลุ่มที่เคยช่วยงานมาก่อน พวกเขามีความตั้งใจดี ก็ยินดีที่จะส่งเสริมอยากให้มีนักการเมืองใหม่ๆคนดีๆทุกสาขาอาชีพเข้ามาร่วม ทหารเล่นการเมืองเป็นสิทธิส่วนบุคคล เมื่อถามต่อว่า กลุ่มธรรมาธิปไตยยังมีอยู่หรือไม่ นายสมคิดตอบว่า ก็อยู่ในนั้นร่วมกัน ทุกฝ่ายก็ร่วมกันอยู่แล้ว มัชฌิมาก็เพื่อน เมื่อถามว่า สำหรับกลุ่มรวมใจไทยบทบาทจะเป็นที่ปรึกษาหรือไม่ นายสมคิดตอบว่า ตรงนั้นต้องมีการรวมพรรคก่อน ยินดีอยู่แล้วที่จะเป็นที่ปรึกษา เพราะรวมใจไทยก็มีความตั้งใจจริงก็ยินดี และมัชฌิมาก็เพื่อน ก็ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เมื่อถามว่าพูดได้ว่า 2 กลุ่มนี้มาจากขั้วเดียวกัน นายสมคิดตอบว่า คนไทยก็พวกเดียวกันทั้งนั้น ไปแบ่งแยกไม่ได้ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องรวมพลังกัน เราเดินเหนื่อยมา 2 ปีแล้ว อย่ามัวแต่ทะเลาะกันเลย เมื่อถามว่า ถ้าทหารจะเข้ามาเล่นการเมือง นายสมคิดตอบว่า คิดว่าทหารก็เป็นคนคนหนึ่ง ย่อมมีสิทธิอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าใครจะลงหรือไม่ อย่างไร เมื่อไร ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะพิจารณา ทุกคนเป็นคนไทยถ้าตั้งใจทำประโยชน์ คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น เมื่อถามถึง พล.อ.สนธิจะลงเล่นการเมือง นายสมคิดกล่าวว่า คงไม่ก้าวล่วงไปวิจารณ์ในตัวบุคคล พูดในหลักการทั่วไป ส่วนการทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คิดว่าเรื่องเป็นสิทธิของแต่ละคน เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะต้องพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับ คิดว่าทุกคนต้องไปร่วมลงคะแนน เป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องไป ขอให้ใช้ วิจารณญาณให้ดีที่สุด คิดว่าต่อไปการเมืองน่าจะดีขึ้น ถ้าเรามีการเลือกตั้งแล้ว ทุกฝ่ายยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ร่วมกันหารือ ประเทศก็จะผ่านช่วงนี้ไปได้ ข่าวจากไทยรัฐ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1235 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 16 ก.ค. 50
เวลา 10:22:41
|