• องค์กรกลางสรุป ทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับการออกเสียงประชามติชัดเจน |
โพสต์โดย ตนข่าว เชียงใหม่ , วันที่ 27 ส.ค. 50 เวลา 06:23:49 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
25 ส.ค. บ้านมนังคศิลา
พล.อ. สายหยุด เกิดผล รองประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย
และนายวรินทร์ เทียมจรัส เลขานุการมูลนิธิองค์กรกลางฯ
ร่วมแถลงผลการประชุมสรุปผลการสังเกตการณ์การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2550
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมาของมูลนิธิองค์กรกลางฯ โดยพล.อ.สายหยุด
กล่าวว่า เครือข่ายของมูลนิธิองค์กรกลางฯได้ส่งอาสาสมัครสังเกตการณ์จำนวน
4,000 คน ลงพื้นที่สังเกตการณ์ตามหน่วยออกเสียงประชามติในพื้นที่ 41
จังหวัดทั่วประเทศ
ทั้งนี้จากการรายงานผลมีความชัดเจนว่าทหารได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการออกเสียงลงประชามติ
ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อสถาบันทหาร
และผู้นำทางทหารที่เคยให้คำมั่นสัญญากับประชาชนว่าจะไม่สืบทอดอำนาจ
ตนในฐานะนายทหารเก่าจึงอยากขอเรียกร้องให้กองทัพเร่งตรวจสอบกรณีดังกล่าวด้วย
ด้านนายวรินทร์ กล่าวว่า
ที่ประชุมได้ประเมินและสรุปผลการจัดการออกเสียงประชามติที่ผ่านมาว่า
การดีเบทขององค์กรกลางฯ ช่วยในเรื่องการตัดสินใจของประชาชนได้มาก โดยจัด 3
ครั้ง ใช้งบประมาณเพียง 5 หมื่นบาทเท่านั้น
แต่สามารถสร้างความเข้าใจให้ประชาชนได้เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้อ่านหรืออ่านร่างรัฐธรรมนูญแล้วไม่เข้าใจ
ทั้งนี้พบว่าสาเหตุที่ทำให้ประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญ เช่น
รับไปก่อนและแก้ในภายหลัง รับไปแล้วบ้านเมืองจะดีขึ้น นำไปสู่การเลือกตั้ง
รวมทั้งการจูงใจจากภาครัฐ เป็นต้น ส่วนสาเหตุที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น
มองว่ามีที่มาจากรัฐประหาร เนื้อหาเป็นเผด็จการณ์
ไม่พอใจการชี้นำของภาครัฐ ฐานเสียงทางการเมืองให้ข้อมูลทั้งจริงและเท็จ
ไม่เชื่อว่าการขนคนไปลงคะแนนจะทำโดยสุจริตและโปร่งใส
และยังพบด้วยว่าคนอีสานไม่ได้โง่ทางการเมือง ไม่ได้เอาเงินไปจ้างได้ทั้งหมด
นายวรินทร์ กล่าวต่อว่า
ที่ประชุมยังได้ข้อสรุปว่าอำนาจรัฐเป็นฝ่ายแพ้ทางการเมืองในการจัดออกเสียงประชามติครั้งนี้
เพราะมีการจัดการเต็มระบบโดยใช้บุคคลากร หลัก 3 หน่วยงาน เช่น ทหาร
มหาดไทย และสาธารณสุขเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญ ประชาชนที่เห็นด้วย 14
ล้านเสียงนั้นมาจากฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วน 10
ล้านเสียงที่ไม่รับร่างก็เกิดจากการจูงใจโดยกลุ่มการเมือง ทั้ง 2
ส่วนไม่ได้เกิดจากความเข้าใจเนื้อหารัฐธรรมนูญที่แท้จริง
นอกจากนั้นผลของประชามติยังแบ่งประชาชนออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน
และไม่ได้ส่งอานิสงส์ต่อการพัฒนาการเมืองไทยแต่อย่างใด
นอกจากนี้ในส่วนของ กกต. ก็ยังคงมีปัญหาเดิมๆ
คือในเรื่องความพร้อมของหน่วยออกเสียง ที่อุปกรณ์ต่างๆ ไม่เรียบร้อย
ซึ่งเกรงว่าจะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ด้วย
ทั้งนี้ทางองค์กรกลางฯ เพิ่งได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา
ในหลายพื้นที่ที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญได้เริ่มแจกจ่ายเงินหัวละ 200
บาทให้กับประชาชน
ซึ่งแตกต่างกับการเลือกตั้งที่ผ่านมาที่มีการแจกเงินให้ประชาชนก่อนวันออกเสียง
และอยากให้จับตาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในพื้นที่ที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในเดือน
ก.ย. นี้ด้วย
นายวรินทร์ กล่าวต่อว่า มูลนิธิองค์กรกลางฯ มีข้อเสนอแนะว่า ขอให้ กกต.
ขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวกับการลงประชามติ
ให้มีการเขียนคำจำกัดความ คำว่าการเมืองของพรรคการเมือง
การเมืองของภาคพลเมือง และความเชื่อมโยงกับการมีส่วนร่วมของประชาชนใน
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างอยู่
ขอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนที่มีการรับปากว่าจะแก้ไขด้วย
รวมทั้งแก้ไขที่มาของ 47 ส.ว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
ทั้งนี้มูลนิธิองค์กรกลางฯ ขอให้กำหนดไว้ในกฎหมาย กกต.
เกี่ยวกับการสนับสนุนการทำงานขององค์กรเอกชนโดยมีงบประมาณสนับสนุนแน่นอน
ไม่ใช่ต้องรับจ้างทำงานจาก กกต. และเรียกร้องให้ กกต.
ประกาศให้ชัดเจนว่าจะให้องค์กรเอกชนทำอะไรก่อนถึงวันเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ
นี้ และจะสนับสนุนอย่างไร โดยไม่ใช้วิธีจัดจ้างทำงาน
..........................................................................
ที่มา: http://www.dailynews.co.th
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1120 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว เชียงใหม่
IP: Hide ip
, วันที่ 27 ส.ค. 50
เวลา 06:23:49
|