ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
"สาวิณี ปะการะนัง" ขึ้นสน.ทองหล่อ เปิดเจรจากับ 4 ผู้เสียหายที่ถูกลูกชาย "หมูแฮม" ซิ่งเบนซ์ชนบาดเจ็บล้มตาย โดย 2 รายเรียกค่าเสียหายรวมกัน 13 ล้าน จนมีการต่อรองเหลือ 10 ล้านก็ยังไม่ลงตัว ส่วนรายเล็กเรียกระดับ 7 หมื่นบาท อดีตนางสาวไทยเผยจ่ายค่าสินไหม-รักษาพยาบาลให้คนเจ็บไปแล้ว 8 ราย เหลืออีก 4 รายที่ยังตกลงไม่ได้ พยายามจะหาข้อยุติให้ได้อย่างสมเหตุสมผลด้วย ระบุอาการ"หมูแฮม"ยังนอนร.พ.เหมือนเดิม ไม่สามารถลืมเหตุการณ์ได้ มีการชักเกร็งเป็นระยะ
จากกรณีหนุ่มไฮโซ นายกัณฑ์พิทักษ์ หรือหมูแฮม ปัจฉิมสวัสดิ์ อายุ 20 ปี ลูกชายคนโตของนางสาวิณี ปะการะนัง อดีตนางสาวไทยปี 2527 ภรรยานายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อเหตุขับรถเบนซ์ไล่ชนคนได้รับบาดเจ็บหลายราย และเสียชีวิต ที่บริเวณถนนสุขุมวิท หลังจากเฉี่ยวชนกับรถ ปอ.สาย 513 แล้วมีเรื่องตกลงกันไม่ได้ จนกระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว จนเป็นข่าวครึกโครมมาช่วงหนึ่งนั้น เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ส.ค. พ.ต.ท.ญาณวุฒิ เลี่ยมแก้ว พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ทองหล่อ เจ้าของคดี นัดคู่กรณีเพื่อเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย ระหว่างนางสาวิณี ปะการะนัง มารดาของนายกัณฑ์พิทักษ์ หรือหมูแฮม กับผู้เสียหาย 4 ราย ประกอบด้วย น.ส.สุชีรา อินทร์สุวรรณ อายุ 25 ปี บุตรสาวนางสายชล หลวงแสง อายุ 42 ปี พนักงานฝ่ายการเงินขสมก. ที่ถูกขับรถชนเสียชีวิต นายสถาพร อรุณศิริ อายุ 37 ปี พนักงานขับรถ ปอ.สาย 513 นางสมจิตร์ แกล้วกล้า อายุ 35 ปี กระเป๋ารถ ปอ.สาย 513 โดยมีนายสะวงศ์ ฉิมพลี อายุ 47 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายขสมก. ตัวแทนผู้เจรจาให้ทั้ง 3 คน และนายประกอบรัตน์ เดชากุล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนางสังวาลย์ ศรีหะวงษ์ 40 ปี ผจก.โรงแรมในประเทศลาว ที่ถูกรถชนได้รับบาดเจ็บสาหัส มาเจรจากันอีกครั้งต่อหน้าพนักงานสอบสวนที่ห้องสอบสวนเด็ก สตรี และเยาวชน ชั้น 3 สน.ทองหล่อ หลังจากเคยเจรจาค่าเสียหายแล้วยังตกลงกันไม่ได้ นางสาวิณีกล่าวว่า ตอนนี้นัดผู้เสียหายเพื่อมาเจรจาค่าเสียหายต่อหน้าพนักงานสอบสวน หลังจากชดใช้ค่าสินไหมและค่ารักษาพยาบาลไปเรียบร้อยแล้ว 8 ราย ในส่วนที่เหลือนั้นต้องเจรจากันอีกครั้ง โดยการชดใช้ค่าสินไหมนั้นจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะชีวิตคนเรานั้นมันประเมินค่าไม่ได้ แต่ก็ต้องดูว่าการเรียกค่าสินไหมมันสมเหตุสมผลหรือไม่ ซึ่งรายที่เหลือพยายามเจรจาให้ได้ แต่ไม่ทราบว่าจะยุติได้แค่ไหน ที่ผ่านมาขอความเห็นใจที่ตกลงกันได้เพราะความเมตตาจากทางคู่กรณีด้วย ผู้สื่อข่าวถามถึงอาการหมูแฮม นางสาวิณีกล่าวว่า อาการหมูแฮมยังไม่ค่อยดี ยังนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ร.พ. สภาพจิตใจยังย่ำแย่ไม่สามารถลืมเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และอาการชักเกร็งก็ยังมีบ้างแต่ไม่ถึงขนาดสั่นช็อกหมดสติ ขณะนี้แพทย์ยังดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องสำนวนนั้นหมูแฮมไม่ได้มีอาการทางประสาท น.ส.สุชีรากล่าวว่า ขสมก.ตั้งทนายความเพื่อที่เข้ามาเจรจาค่าเสียหาย และเกี่ยวกับทางด้านของคดี โดยแจ้งพนักงานสอบสวนไปเรียบร้อยแล้วเรียกค่าเสียหาย 7 ล้านบาท แต่ยังอยู่ระหว่างตกลงเจรจา ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวอย่างไรก็ไม่สามารถเทียบกับชีวิตมารดาที่เสียไปได้ โดย ขสมก.ยังได้ช่วยเหลือบรรจุตนให้เข้าทำงานตำแหน่งการเงินและการบัญชีแทนตำแหน่งเดียวกันกับแม่ ด้านนายประกอบรัตน์ เดชากุล ทนายความนางสังวาลย์ กล่าวด้วยว่า นางสังวาลย์ ลูกความเรียกค่าเสียหายจำนวน 6 ล้านบาท เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสขาซ้ายหัก 2 ท่อน แผ่นหลังถูกน้ำร้อนในหม้อน้ำรถลวก ต้องรักษาโดยการขูดเอาเนื้อที่ตายทิ้งแล้วเอาเนื้อมาปะติดใหม่ ในทางการแพทย์นั้นยังต้องรักษาอย่างต่อเนื่องและมีค่าใช้จ่าย อีกทั้งต้องคำนึงถึงค่าขาดรายได้ในขณะที่พักรักษาตัวด้วย ขณะนี้นางสังวาลย์ออกจากร.พ.วิภาราม ยังต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ไม่สามารถไปทำงานได้ รวมทั้งมีภาระต้องเลี้ยงดูบุตรทั้ง 2 คน ที่ผ่านมาตนได้ติดต่อเจรจากับทนายความของคู่กรณีมาโดยตลอด แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ หลังจากเจรจานาน 2 ชั่วโมง ปรากฏว่าคู่กรณีไม่สามารถตกลงกันได้ พนักงานสอบสวนจึงนัดเจรจาอีกครั้งวันที่ 14 ก.ย.เวลา 10.00 น. ทั้งนี้นายสถาพร คนขับรถเมล์บาดเจ็บศีรษะแตกโดนก้อนหินทุบ เรียกค่าเสียหาย 7 หมื่นบาท นางสมจิตร์ ซึ่งบาดเจ็บที่กระดูกคอเดาะเรียกค่าเสียหาย 7.3 หมื่นบาท แต่ไม่มีรายละเอียดค่าใช้จ่ายและการรักษายังไม่เสร็จสิ้นจึงตกลงกันไม่ได้ ส่วนนางสังวาลย์มีการต่อรองลดเหลือ 3 ล้านบาท แต่ก็ยังตกลงกันไม่ได้ นางสาวิณีกล่าวภายหลังเจรจาเสร็จสิ้นว่า การเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากต้องให้ทั้งหมดกลับไปเอารายละเอียดเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล เพราะว่ามีการเรียกค่าเสียหายจำนวนมาก ให้ผู้เสียหายเขียนรายละเอียดทั้งหมดว่าใช้ค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ตนพยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว แต่ต้องกลับไปปรึกษาผู้ใหญ่ รวมถึงฝ่ายบิดาของหมูแฮม การเจรจาวันนี้เข้าใจกันทุกฝ่ายและเป็นไปได้ด้วยดี แต่ต้องดูว่าจะลดค่าเสียหายส่วนไหนได้บ้างหรือไม่ ด้านพ.ต.ท.ญาณวุฒิกล่าวว่า การเจรจาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เป็นการเจรจายอดค่าใช้จ่ายต่างฝ่ายต่างเรียกกัน โดยยังไม่มีการลงรายละเอียดค่าใช้จ่าย การเจรจาเจ้าหน้าตำรวจเป็นกลางไม่เกี่ยวข้อง ถ้าเจรจากันได้ก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าเจรจาได้หรือไม่ได้พนักงานสอบสวนก็ส่งสำนวนฟ้องศาล ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ คาดว่าน่าจะไม่เกิน 1 สัปดาห์
ข่าวจาก กระปุกดอทคอม
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|