19 กันยายน 2550 เป็นวันครบรอบ 1 ปีการยึดอำนาจคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)
19 กันยายน 2550 เป็นวันครบรอบ 1 ปีการยึดอำนาจคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่นำโดย พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช.
เหตุผลของการปฏิรูปการปกครอง ระบุไว้ 4 ประการ คือ
1.ความขัดแย้งในสังคม ที่มองกันว่าเกิดความแตกแยกอย่างหนักในสังคม 2.การทุจริตประพฤติมิชอบที่เกิดขึ้นมากที่สุด 3.การแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระ และ 4.การกระทำที่มีลักษณะหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีคำถามเกิดขึ้นมากมายว่า คมช.ทำอะไรไปบ้างกับเหตุผล 4 ประการในการปฏิรูปฯ...??
|
|
|
ดังนั้นหากจะมองทีละข้อแล้ว ในเรื่องของ ความขัดแย้งในสังคม จะเห็นว่าสังคมไทยในขณะนี้ยังคงมีความขัดแย้งทางความคิดกันอยู่ จนก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนตามพื้นที่ต่าง ๆ อยู่บ้าง
แต่ก็ถือว่ามีความลด น้อยลงกว่าก่อนวันที่ 19 ก.ย. 2549 เป็นอย่างมาก การที่จะลดความขัดแย้งลงได้นั้นจะต้องเกิดจากกระบวนการยุติธรรมที่ชี้แจงผลของความถูกผิดต่าง ๆ ดังนั้นสิ่งที่ คมช. ได้ทำนั้นคือการแก้ปัญหาความแตกแยก ได้แก่ ความแตกแยกทางข้อมูล ข่าวสาร คมช. ได้นำเสนอข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจ ชี้แจงกับประชาชนผ่านการออกสมุดปกขาว ฉบับภาษาไทย จำนวน 4 หมื่นเล่ม ที่แจกให้กับประชาชนที่สนใจโดยทั่วไป รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ และภาษาอังกฤษ จำนวน 1 หมื่นเล่ม แจกให้กับเอกอัครราชทูตต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำไปชี้แจงกับประชาชนที่อยู่ต่างประเทศได้เข้าใจ นอกจากนี้ยังมีการแถลงข่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น คตส. และรัฐบาล
ความแตกแยกในสังคมที่เกิดจากการจัดตั้ง การให้อามิสสินจ้าง
ทาง คมช. ได้แก้ปัญหาโดยการส่งกำลังพลของทั้ง 3 เหล่าทัพ ลงไปปฏิบัติหน้าที่เกาะติดพื้นที่ เกาะติดประชาชน เพื่อติดตามสกัดกั้นกระบวนการอันมิชอบของกลุ่มอำนาจเก่าที่มุ่งหวังทำลายความสามัคคีของคนในชุมชน รวมทั้งการตักเตือนไปยังผู้ที่กระทำความผิดด้วย ส่วนความแตกแยกในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นได้ว่า ขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มคลี่คลายขึ้นตามลำดับ เจ้าหน้าที่ภาครัฐได้รับความร่วมมือและได้รับข่าวสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าไม่นานจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในที่สุด |
|
|
ส่วนเหตุผล การทุจริตประ พฤติมิชอบ ที่เกิดขึ้นนั้น ทาง คมช. ได้ดำเนินการด้วยการจัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาตรวจสอบ
โดยการสร้างบรรทัดฐานให้นำบุคลากรในองค์กรตุลาการเป็นส่วนใหญ่มาทำหน้าที่ในองค์กรตรวจสอบ แก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลชุดปัจจุบัน และสมาชิกสภานิติ บัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขึ้นมาทำหน้าที่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ
สำหรับประเด็น การแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระ
จะเห็นได้ว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมาถูกครหาหนักว่าเข้าแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระอย่างมาก มีการให้สิ่งตอบแทนทั้งทางตรงและทางอ้อมจนทำให้หน่วยงานราชการและประชาชนขาดความเชื่อมั่นศรัทธา ดังนั้นทาง คมช. จึงได้มีความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ในการสร้างบรรทัดฐานที่จะคัดสรรบุคลากร โดยเน้นฝ่ายตุลาการที่สังคมเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตและยุติธรรมเป็นหลัก มาทำหน้าที่ในองค์กรอิสระต่าง ๆ รวมถึงนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการกระทำของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาเข้าสู่การพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมให้ได้ในที่สุด |
|
|
ประการสุดท้าย การกระทำที่มีลักษณะหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จริง ๆ แล้วเหตุผลข้อนี้ ในเบื้องแรกถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นหลัก
แต่ต่อมาทางพล.อ.สนธิ ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าไม่อยากจะให้ไปแตะต้องกับสถาบันเบื้องสูง จึงไม่ขอพูดถึง อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ทาง คมช. ก็ไม่ได้นิ่งเฉยหรือละเว้น จึงดำเนินการเพียงแค่นำข้อมูลบางส่วนรายงานออกสู่สาธารณชนโดยผ่านสมุดปกขาว อธิบายถึงกระบวนการหมิ่นเหม่ดังกล่าว ทั้งนี้จะเห็นว่ากระบวนการหมิ่นเหม่ต่อสถาบันก็ยังไม่หยุดนิ่ง ยังคงมีการกระทำต่าง ๆ ด้วยการทำผ่านเว็บไซต์ ทางคมช. จึงต้องประสานกับทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการปิดเว็บไซต์ และพยายามที่จะหาต้นตอของกระบวนการดังกล่าว พร้อมกับการชี้แจงตอบโต้ผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ
“ครบรอบ 1 ปีของ คมช. จะไม่มีการแถลงหรือเน้นว่าใครทำอะไร แต่จะเป็นลักษณะของการที่จะชี้ให้เห็นว่าทำไม คมช.ถึงเข้ามายึดอำนาจ เมื่อยึดแล้วการปฏิรูปการเมืองจะมีทิศทางการพัฒนาไปอย่างไร โดยจะชี้ให้เห็นถึงอนาคตไม่ใช่เห็นแต่ปัจจุบันเท่านั้น” พล.อ.สนธิ กล่าวกับ “เดลินิวส์”
แม้สมาชิกใน คมช. หลายคน จะยืนยันว่าการดำเนินการในภารกิจ 4 ประการกำลังจะประสบผลสำเร็จ 100% ก่อนที่ คมช. จะหมดวาระก็ตาม
แต่ในที่สุดแล้ว คงต้องให้ “ประชาชน” เป็นผู้ประเมินผลว่า “การรัฐประหาร” ที่ผ่านมา ประเทศชาติและประชาชนได้อะไรบ้าง และอีกไม่นาน คงทราบคำตอบ !! |
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
|