• โต้เดือด คำต่อคำ "ประสงค์-สุรยุทธ์" |
โพสต์โดย ตนข่าว เชียงใหม่ , วันที่ 09 ต.ค. 50 เวลา 17:21:04 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
"กรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวพาดพิงผม เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ว่า ผมเคยขออะไรกับ พล.อ.สุรยุทธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ทำให้ไม่ได้เพราะขัดกับความรู้สึกนั้น เป็นการพูดที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สร้างความเสียหายต่อการทำหน้าที่ สนช. ซึ่งยื่นญัตติต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้พิจารณาปัญหาด้านคุณธรรม จริยธรรมในการบริหารงานของรัฐบาล และจะอภิปรายกันวันที่ 10 ตุลาคม และขอชี้แจงว่า ตลอดชีวิตการทำงานของผมไม่เคยขออะไรกับใครเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แม้กระทั่งกับ พล.อ.สุรยุทธ์ และผมมีแต่ให้กับ พล.อ.สุรยุทธ์เสมอมาตั้งแต่ยังรับราชการทหาร และเคยทำงานร่วมกันมาระยะหนึ่งในงานด้านความมั่นคง
คำพูดของ พล.อ.สุรยุทธ์ที่พูดออกมาอย่างนี้ ไม่มีวุฒิภาวะดีเพียงพอ พูดสองแง่สองง่ามด้วยเจตนาที่ต้องการให้คนฟังเข้าใจว่า ผมเป็นคนใช้ไม่ได้ เป็นคนไม่ดี ขออะไรไม่ได้แล้วก็โกรธ และเจตนาจูงใจให้คนเข้าใจว่า การยื่นญัตติครั้งนี้ทำขึ้นเพราะผมโกรธ พล.อ.สุรยุทธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า ทำให้ไม่ได้เพราะขัดความรู้สึก เป็นคำพูดที่เมื่อรวมกันเข้าแล้วไม่ผิดอะไรกับการเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น
พฤติกรรมแบบนี้เหมือนที่เคยทำกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พูดเรื่องโบกี้รถไฟที่เขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา ซึ่งในขณะนั้นเรื่องบ้านพักของ พล.อ.สุรยุทธ์ กำลังเป็นข่าวว่า มีการบุกรุกเข้าไปอยู่ในป่าสงวนหรือไม่ และสังคมเคลือบแคลง แต่ไม่กี่วัน พล.อ.สุรยุทธ์ก็ออกมากล่าวว่า ระหว่างที่ท่านเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 มีการเลือกตั้งทั่วไป มีคนสนิทของหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งถือเงินไปให้เพื่อให้ความสะดวก ซึ่งไม่ว่าใครก็เข้าใจกันทั้งนั้นว่า หมายถึง พล.อ.ชวลิต
และยังเหมือนพฤติกรรมของอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งที่กำลังเร่ร่อนไม่มีแผ่นดินอยู่ เมื่อมีเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับตัวเอง ก็โยนความผิด ความสงสัยไปให้คนอื่น หาว่าเสียผลประโยชน์บ้าง หาว่าต้องการจะไปทำลายล้างบ้าง การกระทำอย่างนี้สังคมกำลังมองว่ารัฐบาลชุดนี้มีพฤติกรรมไม่ผิดอะไรกับพฤติกรรมของระบอบบริหารที่ผ่านมา
ฉะนั้น ผมขอให้ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบให้ชัดเจนว่า ผมขออะไร เพราะผมจะได้ตอบถูก เพราะช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา เราหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความมั่นคงมาหลายเรื่อง ขอให้พูดให้ชัดว่า เรื่องอะไร เพราะถ้าผมตอบไปเดี๋ยวจะบอกว่า ไม่ใช่เรื่องนั้น
ผมหวังดีและมีแต่ให้ ยามที่ พล.อ.สุรยุทธ์ตกอับอยู่ในกองทัพในระยะหนึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์รับทราบและรู้ดีว่า มีการดำเนินการอะไรบ้าง จนกระทั่งพ้นกรุของกองทัพขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.และมีที่ยืนมาจนกระทั่งทุกวันนี้
ส่วนการยื่นญัตติจริยธรรมก็ในฐานะเป็นประธาน กมธ.วิสามัญจริยธรรมฯ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะยื่น และญัตตินี้สมบูรณ์และบรรจุวาระแล้ว แต่ก็มีการสร้างกระแส เพื่อทำให้เข้าใจว่า ผู้ยื่นญัตติต้องการก่อปัญหา ความวุ่นวาย ทั้งนี้ หากดูหน้าที่ของ สนช.คือการตรวจสอบ ถ้าผมไม่ทำ แล้วมารอรับภาษีอากรของประชาชนในแต่ละเดือนก็ดูน่าอาย รัฐบาลก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มีผลงาน อยู่แค่เฝ้ากระทรวง หรือทำเนียบรัฐบาล แล้วรอรับเงินเดือน อยากถามว่า ทำแบบนี้ละอายใจหรือไม่
นอกจากนี้ ยังสร้างกระแสว่า พวกผมจะล้มการเลือกตั้ง จะไม่ให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งไม่สมควรกระทำ เพราะผมเคยดำรงตำแหน่งประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และเป็นประธาน กมธ.วิสามัญยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ การเลือกตั้งจะมีไม่ได้ ถ้ากฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับไม่เสร็จ แต่ตอนนั้นกฎหมายยังไม่เสร็จ พล.อ.สุรยุทธ์กลับประกาศออกมาว่า จะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน และก็ออกมาเปลี่ยนเป็นเดือนธันวาคม ถือเป็นการแทรกแซงการทำงาน เป็นการบังคับทางอ้อม และไม่มีมารยาทอย่างยิ่ง เพราะ กกต.คือคนจัดเลือกตั้งไม่ใช่ฝ่ายบริหาร และการเลือกตั้งก็จะต้องมีแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรต่างๆ เพราะเมื่อกฎหมายลูกเสร็จ ต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งใน 90 วัน รัฐธรรมนูญล็อคไว้แล้วไปฝ่าฝืนไม่ได้ การแทรกแซงจากฝ่ายบริหารแบบนี้เหมือนรัฐบาลชุดที่แล้ว จนรัฐบาลที่แล้วถูกยึดอำนาจ จึงอยากถามว่า รัฐบาลนี้จะมาแทรกแซง สนช.ทำไม
นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารยังทำผิดกฎหมาย ผิดข้อบังคับ กฎระเบียบ กติกาหลายเรื่อง เช่น การโยกย้าย พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน จากรองปลัดกระทรวงกลาโหม ไปเป็นประธานที่ปรึกษาของกระทรวงกลาโหม และตกใจที่ พล.อ.สุรยุทธ์บอกว่า ทำผิดวินัย โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ แต่ปรากฏว่า กรรมการยังไม่ได้สอบสวนก็โยกย้ายแล้ว ส่วนบทลงโทษทางทหาร มีขั้นความเข้มกำหนด ตำแหน่งที่ย้ายไปก็เป็นการสลับตำแหน่งไปที่ตำแหน่งเฉพาะตัวอัตราจอมพลที่เพิ่งตั้งขึ้นมาไม่นานมานี้
เมื่อ พล.อ.สรุยุทธ์กล่าวว่า เป็นโจรกลับใจ เมื่อก่อนนี้ผมคิดว่า ท่านเป็นคนดี แต่เมื่อมาว่า เป็นโจรกลับใจ ผมก็เพิ่งรู้ว่าท่านเป็นโจร เพราะคำว่าโจรต้องไปปล้นทรัพย์คนอื่น ผมไม่รู้ว่าท่านไปปล้นอะไรมาบ้าง ท่านเป็นโจรตอนไหนผมก็ไม่ทราบ แต่ท่านพูดออกมาให้สังคมเข้าใจเองว่า ท่านไม่ใช่คนดี เป็นคนไม่ดี ทั้งนี้ โจรกลับใจจะพูดอย่างเดียวแบบนี้ไม่ได้ ถ้าหากทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต้องทำให้ถูก ถ้าโจรไปลักขโมยทรัพย์สินของคนอื่นมา ปล้นทรัพย์ของเขามา บอกกลับใจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องคืนของที่ลักมา ปล้นมากลับไปด้วย ซึ่งผมจะไปพูดในที่ประชุม สนช.
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์นายกรัฐมนตรี
@ อยากให้นายกฯช่วยขยายรายละเอียดที่เคยพูดไว้ว่า น.ต. ประสงค์เคยขอให้ทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ คืออะไร
ผมคงขอไม่ตอบเหมือนอย่างเดิม คุณอรวรรณ (อรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล ผู้ดำเนินรายการ เปิดบ้านพิษณุโลก) ก็นั่งอยู่ตรงนั้น ก็พยายามซักผม ผมยืนยันว่าผมขอไม่ตอบ เพราะว่าตอบไปก็มีแต่สร้างปัญหาให้เกิดขึ้น สิ่งใดที่ยอมรับได้ ก็คงยอมรับไว้ ถ้าเผื่อพูดแล้วทำให้เกิดความแตกแยก ผมก็ไม่อยากพูด
@ ก่อนหน้านี้นายกฯเคยให้สัมภาษณ์ว่าสมัยที่เป็น ผบ.ทบ. เคยถูกสื่อบางคนขอร้องให้ปฏิวัติ ไม่ทราบเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่
ที่ไหนครับ ผมไม่ได้เคยพูดกับสื่อที่ไหน และผมคิดว่าผมได้พูดตอบคุณอรวรรณเท่านั้นเอง
@ น.ต.ประสงค์บอกในทางกลับกันว่า ไม่เคยมาขออะไรนายกฯ แต่เขาต่างหากที่เป็นคนให้ท่านนายกฯ ได้ตำแหน่ง ผบ.ทบ. จริงหรือไม่
ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันเพราะว่าไม่มีใครบอกผม ว่าผมได้ตำแหน่ง ผบ.ทบ. ได้อย่างไรนะครับ ที่ผมตอบคุณอรวรรณไป ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ผมก็คิดว่ามันน่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ผมได้ขัดใจ หรือว่าไม่ได้ทำตามเท่านั้นเอง ก็เป็นความคิดของผม ส่วนท่านอาจจะไม่ได้คิดอย่างนี้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมไม่ได้ถือว่าเรื่องนี้จะต้องทำให้ท่านเกิดความไม่ชอบใจ เกิดความโกรธแค้นอะไรขึ้นมา ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเพียงแต่ตอบในความคิดของผมเองว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างเท่านั้น
@มองอย่างไร ที่สังคมกำลังมองว่าเกิดความแตกแยกระหว่างรัฐบาลกับ สนช. จากกรณีนี้
ผมคิดว่าคงไม่ใช่รัฐบาลกับ สนช. เพราะว่ามันเป็นปัญหาบางส่วนมากกว่า ไม่ได้เป็นเรื่องของทั้งหมด ผมได้พูดคุยกับเพื่อนๆ สมาชิกหลายท่าน ก็บอกว่าเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้ผิดแปลกไปจากรัฐบาลอื่นๆ
@ ตอนนี้สังคมกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่าง สนช.กับรัฐบาลที่ประกาศเข้ามาสร้างความสมานฉันท์ในบ้านเมือง
(ย้อนถามนักข่าวผู้จัดการซึ่งเป็นผู้ตั้งคำถาม) ครับ ก็ต้องถามท่านผู้บริหารหนังสือพิมพ์ผู้จัดการด้วยว่าจะช่วยกันสร้างได้ไหม (เสียงฮือฮาลั่นห้องประชุม) ผมก็วิงวอนตรงนี้นะครับ เอเอสทีวีด้วย ก็อยากจะวิงวอนว่าช่วยกันได้หรือไม่เหลือเวลาอีกเพียง 3 เดือนเท่านั้น
@ จะมีการพูดคุยหรือปรับความเข้าใจกับ น.ต.ประสงค์หรือไม่ เพราะล่าสุดเตรียมเปิดอภิปรายนายกฯ ในประเด็นที่ดินที่เขายายเที่ยง
อย่างที่ผมเรียนแล้วว่า ผมพร้อมจะพูดคุย พร้อมจะตอบปัญหา พร้อมที่จะชี้แจงทุกอย่าง เพราะว่าผมไม่มีอะไร นอกจากความจริง ผมไม่พูดอะไรที่เป็นเท็จ (เน้นเสียงหนักแน่น)
@ มองว่าเป็นการแสดงเพราะไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งใช่หรือไม่
ผมคิดว่า... นี่มาจากการประเมินของผมเองนะ ผมคิดว่าไม่ใช่ เพราะเมื่อดูจากการประชุมร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว เวลามันถูกบังคับด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ค่อนข้างยากที่จะเลื่อนออกไปอีก เลื่อนไปได้อย่างมากก็แค่ 10 วันคือช่วงต้นเดือนมกราคม 2551 ถ้าเลยจากนั้นก็ผิดรัฐธรรมนูญ
@ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการตั้งโต๊ะเจรจากับ น.ต.ประสงค์ แทนที่จะตอบโต้กันผ่านสื่อ
ผมพร้อมที่จะพูดคุย แต่คงไม่ต้องตั้งโต๊ะ พบกันที่ไหนก็ได้ที่คุยกันง่ายด้วยความยินดี และผมคงไม่สามารถบอกได้ว่ารูปแบบในการเจรจาจะออกมาเป็นอย่างไร
@ ต้องให้ พล.อ.เปรมลงมาไกล่เกลี่ยหรือไม่ เพราะทั้งคู่ล้วนแต่เป็นลูกป๋า
ผมไม่อยากจะรบกวนท่าน และผมก็ไม่อยากให้ท่านมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่อาจจะถือว่าเป็นเรื่องทางการเมือง ในสถานะของท่านนั้น ไม่ควรลงมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะพูดคุยภายนอก หรือภายใน ก็ไม่ควร เพราะเรื่องจะออกมาว่าท่านเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ท่านรับอยู่ในขณะนี้ก็มากพอแล้ว
คำชี้แจง"สุรยุทธ์" กรณี"โจรกลับใจ"
@ นายกฯ เคยพูดว่าตนเองเป็นโจรกลับใจ บอกได้หรือไม่ว่าโจรในความหมายของนายกฯ คืออะไร
โดยอาชีพเนี่ยนะครับ ผมอยู่ในหน่วยทหารที่ทำหน้าที่เป็นกองโจร ก็บอกได้ตรงนี้ว่าหน่วยที่ทำหน้าที่อันนี้ต้องเป็นทั้งโจรและผู้ปราบโจร จึงบอกได้ว่าผมเป็นโจรที่กลับใจแล้ว คือเป็นโจรที่ปราบโจร
@ ขณะนี้หลายฝ่ายจับตาดูอยู่ว่าความขัดแย้งกับ น.ต.ประสงค์ มีเรื่องซ้อนเร้นหรือไม่อย่างไร
ผมเองไม่ได้มีอะไรซ่อนเร้น อย่างที่บอกไว้ ผมพูดไปเพราะต้องการตอบคำถามว่าที่ว่าน่าจะมีอะไรหรือไม่ ผมก็ตอบคำถามตรงนั้นไป ไม่ได้มีอะไรซ่อนเร้นจริงๆ และไม่ได้คิดว่าจะทำให้เกิดความเสียหายอะไรขนาดนั้น
@ มองว่าเป็นเพราะไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งใช่หรือไม่
ผมคิดว่า... นี่มาจากการประเมินของผมเองนะ ผมคิดว่าไม่ใช่ เพราะเมื่อดูจากการประชุมร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว เวลามันถูกบังคับด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ค่อนข้างยากที่จะเลื่อนออกไปอีก เลื่อนไปได้อย่างมากก็แค่ 10 วัน คือช่วงต้นเดือนมกราคม 2551 ถ้าเลยจากนั้นก็ผิดรัฐธรรมนูญ
ที่มาจาก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1610 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว เชียงใหม่
IP: Hide ip
, วันที่ 09 ต.ค. 50
เวลา 17:21:04
|