• ทำไมต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีท? ลูกอาจจะไม่ปลอดภัย แม้อยู่ในอ้อมอกพ่อแม่ |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 27 มิ.ย. 59 เวลา 17:15:53 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
หลังจากไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเรื่องราวอุบัติเหตุ ที่ทำให้ เด็กน้อยวัย 5 เดือน ต้องเจ็บหนัก (แต่ตอนนี้ ปลอดภัยดีแล้ว) แอดมิน จึงได้ นำบทความ ดีๆ เรื่อง คาร์ชีท เผื่อเป็นประโยชน์ ต่อ พ่อแม่มือใหม่ ทุกๆ ท่าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> กระบะลำพูน เสียหลักลงข้างทาง ถนนเชียงใหม่-เชียงราย เด็กวัย5เดือนอาการน่าห่วง(บบ4302 ลำพูน)
"ทำไมต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีท"
ก่อนอื่นเรามาพิจารณาถึง สภาวะในปัจจุบัน กล่าวคือ ครอบครัวเกือบทั้งหมดจะมียานพาหนะ คือ รถยนต์ เพื่อใช้เดินทางในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเดินทางไปทำงาน ช๊อปปิ้ง ท่องเที่ยว หรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่เสียด้วยซ้ำ ที่ชีวิตครอบครัวหมดไปกับการใช้ชีวิตอยู่ในรถบนท้องถนน คุณพ่อคุณแม่อาจให้เหตุผลว่า ขับรถอย่างปลอดภัยแล้วก็ตาม แต่อุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง กรณีที่มีลูกน้อยเดินทางไปด้วยนั้น ควรมีคาร์ซีทสำหรับลูกน้อย เพื่อปกป้องลูกน้อยตลอดการเดินทาง หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น คาร์ซีทจะเป็นอุปกรณ์ที่ปกป้องลูกน้อยได้ดีที่สุดถึงแม้ว่าคาร์ซีทจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่เมื่อนำมาเทียบกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้นั้นถือว่าคุ้มค่ามากจริงๆๆค่ะ
1. อุ้มลูกไว้กับตัวโดยไม่ใช้คาร์ซีทปลอดภัยหรือไม่..?
ปลอดภัยในระดับหนึ่งค่ะ ถึงแม้คุณแม่จะอุ้มลูกไว้อย่างใกล้ชิดก็ตาม แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลูกน้อยอาจบาดเจ็บมากจนถึงขึ้นเสียชีวิตได้ เนื่องจากลูกจะอยู่ตรงกลางระหว่างรถกับคุณแม่ เมื่อเกิดแรงกระแทก น้องมีโอกาสที่จะกระเด็นหลุดออกจากอ้อมกอดคุณแม่ได้ เพราะ ตัวคุณแม่มีเข็มขัดนิรภัย ค่อบรัดไม่ให้ร่างกายกระเด็นออกจากเบาะ ในขณะที่ลูกน้อยมีเพียงอ้อมกอดของคุณแม่ค่อยประคองไว้เพียงอย่างเดียว ดังนั้น คาร์ซีทจึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณพ่อ คุณแม่ควรจะเปลี่ยนใจมาใช้คาร์ซีทเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ลูกน้อยค่ะ
2. คาร์ซีทมีประโยชน์อย่างไร
คาร์ซีทมีประโยชน์ช่วยลดระดับความรุนแรงจากอุบัติเหตุ และลดการบาดเจ็บของร่างกายของลูกน้อยได้ เมื่อติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกวิธี คือ สายรัดของคาร์ซีทอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องไม่รัดคอลูกให้อึดอัด และไม่หลวมเกินไป จนเด็กสามารถหลุดออกมาจากคาร์ซีทไปกับกระแทกกับภายในของรถ หรือหลุดออกนอกตัวรถ การติดตั้งคาร์ซีท ต้องติดตั้งในจุดที่เหมาะสม และปลอดภัยที่สุด แต่ทราบหรือไม่ว่า เจ้าคาร์ซีทที่ว่า ควรติดตั้งตรงไหนจึงจะช่วยให้ลูกปลอดภัยที่สุด คือ การติดตั้งคาร์ซีท ที่จุดกึ่งกลาง ของเบาะหลัง หรือติดตั้งคาร์ซีทที่บริเวณใกล้เคียงตรงกลางรถให้มากที่สุด เพราะการติfตั้งคาร์ซีทจะช่วยลดการกระแทกที่เข้ามาด้านข้างรถได้ค่ะ
3. เลือกคาร์ซีทให้เหมาะกับวัย และน้ำหนักตัวของลูก
เด็กแรก เกิดจนถึงอายุประมาณ 12 เดือน หรือ 1 ปี และเด็กที่น้ำหนักตัวไม่เกิน 10 กก. ต้องใช้คาร์ซีทสำหรับทารก (infant seat) หรือ คาร์ซีทสำหรับทารกและเด็กเล็ก (convertible seat) และ ควรใช้คาร์ซีทแบบนั่งหันหน้าไปด้านหลังรถ และคาร์ซีทต้องสามารถปรับเอนไปกับที่นั่งป 45 องศา โดยประมาณ คาร์ซีทชนิดนี้จะปกป้องหัวของเด็ก ลำคอ และกระดูกสันหลังได้ดีที่สุด
เด็กที่มีอายุมากกว่า 12 เดือน หรือ 1 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี หรือน้ำหนัก 10-28 กิโลกรัม ควรใช้คาร์ซีทแบบที่นั่งหันไปทางหน้ารถ
เด็กที่มีน้ำหนักตัว 15 - 18 กก. ควรใช้คาร์ซีทแบบมีพนักพิงด้านหลัง
เด็กที่มีน้ำหนักตัว 22 - 25 ก.ก. หรือเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปสามารถนั่งตัวตรงได้ ควรใช้คาร์ซีทแบบไม่มีพนักพิงด้านหลัง
คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกซื้อคาร์ซีทที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูกน้อยนะคะ ^ ^
4. การฝึกลูกน้อยนั่งคาร์ซีท
คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกน้อยเริ่มนั่งตั้งแต่แรกเกิด เพื่อสร้างความเคยชินให้กับลูกน้อย กรณีที่ลูกโตแล้ว ควรสอนลูกน้อยให้นั่งคาร์ซีท โดยอาจจะพูดกับลูก ให้ลูกเข้าใจว่า จะต้องนั่งคาร์ซีทเพราะอะไร เช่น คาร์ซีทจะช่วยให้หนูปลอดภัย และคุณพ่อ คุณแม่ ก็รัก อยากให้ปลอดภัย ถึงต้องใช้คาร์ซีท ในช่วงแรก ลูกน้อยอาจงอแง ไม่ยอมนั่งคาร์ซีท ดังนั้นคุณแม่ควรนั่ง เป็นเพื่อนลูกอยู่ด้านหลังใกล้กับคาร์ซีท เพื่อพูดคุย เล่นด้วยกัน เล่านิทาน ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินจนเคยชิน จากนั้นเด็กก็จะสบายใจ และสนุกกับการนั่งคาร์ซีทค่ะ
5. เมื่อไหร่ที่ควรเลิกใช้คาร์ซีท
การที่จะเลิกใช้คาร์ซีทนั้น สามารถหยุดใช้เมื่อลูกอายุ 8 ขวบ ขึ้นไป หรือสูงเกิน 150 ซ.ม. หรือ สูงพอที่จะนั่งห้อยขา แล้วขายาวถึงพื้น และสามารถคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วอยู่ตรงส่วนกระดูกเชิงกรานพอดี ไม่รัดอยู่ตรงหน้าท้อง ส่วนบนของเข็ดขัดนิรภัยพาดมาตรงส่วนหน้าอก ไม่ผ่านมาตรงแขน หรือคอของลูก ก็เลิกใช้คาร์ซีทได้แล้ว
***อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาค่ะ เพื่อปกป้องลูกน้อยที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ คุณพ่อคุณแม่ควรหันมาให้ความสำคัญกับคาร์ซีทกันนะคะ***
เครดิตข้อมูล www.mom2kiddy.com
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 7975 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 27 มิ.ย. 59
เวลา 17:15:53
|