ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ข่าว การเมือง เดือด ชูวิทย์ ก่อหวอด บ่นอึดอัดอยู่ พรรคชาติไทย แขวะ บรรหาร ทำงานหนักคนเดียว แถม ชูวิทย์ ยังทวงบุญคุณ เติ้ง ขอขึ้น ส.ส. สัดส่วนอันดับ 1 ทั้งนี้ ชูวิทย์ ขู่พร้อมจะลาออกจาก พรรค ชาติไทย และ ชูวิทย์ ข้องใจ นายบรรหาร เว้นเบอร์ 1 ให้ใคร แถมไม่กำหนดชัดให้ใครเป็นแม่ทัพ เลือกตั้ง นัดเปิดใจ 26 ตุลาคมนี้
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เปิดเผยว่า เตรียมจะจัดแถลงข่าวถึงความอึดอัดใจในระบบการทำงานภายในพรรคชาติไทย ที่เกิดจากบริหารจัดการภายในพรรค และการวางบทบาทของนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค รวมถึงการจัดอันดับรายชื่อ ส.ส.แบบสัดส่วนให้นายชูวิทย์ในอันดับที่ 2 ซึ่งเว้นว่างอันดับที่ 1 ไว้ให้บุคคลปริศนา และไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อให้ทราบว่าเป็นใคร โดยการแถลงข่าวดังกล่าวจะมีขึ้นวันที่ 26 ตุลาคมนี้ ที่สวนชูวิทย์ ซอยสุขุมวิท 10 บ้านไทย เวลา 11.00 น.
นายชูวิทย์เปิดเผยว่า หากประเมินจากความนิยมพรรคชาติไทยในเขต กทม.แล้ว มีแนวโน้มสูงที่ตนจะหมดโอกาสได้เป็น ส.ส. อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2548 ที่ผ่านมา ตอนลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็ทำคะแนนในกรุงเทพฯ ให้พรรคชาติไทยถึง 2 แสนคะแนน คราวนี้จะให้ตนมาลงอันดับ 2 หากคำนวณแล้ว จะได้เป็น ส.ส.ก็ต้องทำคะแนนถึง 6-8 แสนคะแนน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่พรรคชาติไทยจะได้คะแนนใน กทม.มากขนาดนั้น ประเด็นนี้เท่ากับตนต้องกระเด็นแน่ๆ แล้วตำแหน่งสัดส่วนอันดับ 1 ซึ่งเว้นว่างไว้ อยากรู้ว่าต้องการให้ใคร ใช่คนที่จัดแถลงข่าวใหญ่โตไปหรือไม่
นายชูวิทย์กล่าวต่อว่า อยู่กับพรรคชาติไทยมาตั้งแต่ปี 2548 จนถึงวันนี้เห็นการทำงานหนักของนายบรรหาร โดยไม่มอบหมายให้ลูกพรรคอีกหลายคนมีส่วนรับผิดชอบ โดยเฉพาะเรื่องการเลือกผู้อำนวยการการเลือกตั้งเขตกรุงเทพมหานคร ยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดใจ เพราะขณะนี้ยิ่งใกล้เวลาการเลือกตั้งเท่าไร แต่นายบรรหารกลับนิ่งเฉย และไม่ระบุให้ชัดเจนว่าใครจะได้เป็น ผอ.การเลือกตั้งในเขต กทม. และจะนำทัพไปอย่างไรให้พรรคได้รับการเลือกตั้งจากคน กทม.
"ในกทม.ที่มาแน่ๆ คือ คุณแบม (จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์) และคุณปวีณา หงสกุล แต่ถ้าให้ผมอยู่แบบเขต หมดสิทธิแน่ๆ เพราะว่าผมไม่มีคะแนนจัดตั้ง ที่ผมได้คะแนนผู้ว่าฯ กทม.มา 3 แสนคะแนน เพราะเลือกกันทั้งจังหวัด แต่ผมไม่เคยลงระบบเขต และไม่มีเครือข่าย ส.ส. เพราะฉะนั้นมีทางเดียวถ้าจะให้ผมอยู่ ก็ต้องให้ลงสัดส่วนอันดับที่ 1 เท่านั้น" นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์กล่าวด้วยว่า ถึงเวลาที่ต้องทบทวนบทบาทในพรรคว่า ควรอยู่ต่อไปหรือไม่ และจะเป็นประโยชน์ต่อพรรคแค่ไหน เพราะวันนี้มีหลายพรรคมาทาบทามตัวในมูลค่าสูง แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจไป เพราะยังเคารพนายบรรหารอยู่มาก
นายชูวิทย์ยังกล่าวถึงระบบการทำงานของพรรคชาติไทยว่า นายบรรหารเป็นเหมือนเจ้าของพรรค ไม่ใช่หัวหน้าพรรค และมีนายวราวุธ ศิลปอาชา กรรมการบริหารพรรคชาติไทย เป็นลูกชายเจ้าของพรรคอยู่ข้างๆ และทำหน้าที่ช่วยงานประชาสัมพันธ์ ซึ่งการพูดแสดงความคิดเห็น สามารถทำได้เพียงนายบรรหารคนเดียว ส่วนคนอื่นๆ หมดสิทธิ ถ้าพรรคชาติไทยต้องการเดินไปข้างหน้า ก็ขอให้เปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการ เพราะนายบรรหารสุขภาพก็แย่ เนื่องจากมีความเครียดอยู่มาก
ข้อมูลจาก
ข่าวจากกระปุกดอทคอม
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|