• "ครูบาอภิชัยขาวปี" ถึงแก่มรณภาพที่ จ.สุโขทัย ณ วัดท่าต้นธงชัย อ.ทุ่งเสลี่ยม |
โพสต์โดย โน้ต cmprice , วันที่ 21 ต.ค. 60 เวลา 08:35:10 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
บทความโดยPensupa Sukkata
---------------------------------------------
น้อยคนนักที่จักทราบว่า "ครูบาอภิชัยขาวปี" ถึงแก่มรณภาพที่ จ.สุโขทัย ณ วัดท่าต้นธงชัย อ.ทุ่งเสลี่ยม หลายคนคิดว่า "นักบุญแห่งเวียงลี้" ผู้เป็นศิษย์เอกมือขวาของครูบาเจ้าศรีวิชัยรูปนี้ ท่านคงมรณภาพแถบวัดพระบาทผาหนามหรือพระบาทตะเมาะ ละแวก อ.ลี้ ลำพูน- อ.ดอยเต่า เชียงใหม่ กระมัง
ความจริงก็คือ ในช่วงก่อนมรณภาพ ท่านปรารภว่าอยากไปถวายทานที่พระธาตุจอมสวรรค์ ต.ดงดำ อ.ลี้ อีกสักครั้ง อันเป็นบุญสถานที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยกับท่านเคยร่วมกันฟื้นฟู แต่ยังมิทันได้ไป ก็มีศรัทธาถึงสองราย มานิมนต์ขอบารมีท่านให้ไปช่วยเป็นประธาน “นั่งหนัก” ในการก่อสร้างเสนาสนะ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นสุขภาพของท่านก็ไม่สู้จะแข็งแรงนัก ด้วยวัยชราภาพมากถึง 88 ปีแล้ว
แต่ด้วยความมีเมตตาสูงอยากช่วยเหลือการพระศาสนาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ท่านจึงจัดลำดับการรับนิมนต์ดังนี้ ขณะนั้นท่านพำนักอยู่ อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน ท่านจำเป็นต้องตัดโปรแกรมพระธาตุจอมสวรรค์ ต.ดงดำ อ.ลี้ จ.ลำพูนออกไปก่อน ท่านรับนิมนต์ไปวัดสันต้นแฮม (สันทุ่งฮ่าม) จ.ลำปางก่อน ที่นั่นท่านประทับรอยหัตถ์รอยบาทไว้บนแผ่นปูนด้วย
ต่อจากลำปาง ท่านรับนิมนต์ชาวบ้านท่าต้นธงชัย อ.ทุ่งเสลี่ยม ซึ่งเป็นเขต จ.สุโขทัยแล้ว แต่ชาวบ้านที่นี่เป็นชาวล้านนาซึ่งอพยพไปจาก อ.ลี้ ลำพูน และ อ.เถิน ลำปาง จึงยังมีศรัทธาต่อพระสงฆ์ในสายครูบาฯ ท่านถามศรัทธาจากทุ่งเสลี่ยมที่มารับท่านที่ลำปางเป็นนัยๆ ว่า “ที่นั่นมีไม้สักหน้ากว้างสักซาว (20) ก่?” ชาวบ้านบอกว่ามี ถามครูบาว่าจะเอาไปสร้างอะไร ท่านบอกว่า "จะเอาไปแปงหีบ" (แปง= สร้าง) ไม่มีใครคาดคิดว่า “หีบ” ในความหมายของครูบาจะหมายถึงโลงศพ เพราะปกติท่านเป็นนักประดิษฐ์ ชอบทำหีบใส่พระธรรมคัมภีร์ อะไรต่างๆ อยู่แล้ว
มีเรื่องแปลกประหลาดขณะเคลื่อนขบวนไปสุโขทัย ครูบาฯ คือท่านขอให้ชาวลำปางติดตามไปด้วย ไปกันให้มาก แม้แต่สัตว์เลี้ยงก็ให้เอาไปทั้งหมด อย่าปล่อยทิ้งไว้ อยากได้บริวารที่ตามไปด้วยสัก 500 ดังนั้นชาวเถิน ชาวลี้ที่ทราบข่าวว่า หลังจากสร้างวัดที่ลำปางเสร็จ ครูบายังไม่มีกำหนดการจะกลับลี้ จึงพากันไปรวมตัวร่วมขบวนเดินทางจากตอนล่างของลำปาง เข้าสู่ทุ่งเสลี่ยมเป็นขบวนใหญ่ด้วย
ครั้นเมื่อมาถึงวัดท่าต้นธงชัย (เป็นการมาครั้งที่ 3 ของครูบาขาวปี คือก่อนหน้านั้นเคยมาช่วยสร้างพระวิหารให้แล้ว) มาครั้งนี้ ท่านพักอยู่กระท่อมนอกเขตวัด เป็นธรรมเนียมของท่านที่เวลาก่อสร้างวัดไหน ท่านจะไม่นอนในเขตวัด แต่จะปลูกเพิงกระต๊อบ นอนไปได้เพียงหนึ่งคืนเท่านั้น รุ่งขึ้นวันต่อมาใกล้เพ็ญมาฆะ เป็นวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 เหนือ หรือวันพฤหัสบดี 3 มีนาคม 2520 ครูบาฯ ได้ถึงแก่มรณภาพอย่างสงบ ณ กระท่อมหน้าวัดท่าต้นธงชัย นั้นเอง
บรรยากาศวันนั้นท้องฟ้ามืดมนอนธกาลทั้ง 8 ทิศา เมฆหมอกลงจัด พายุพัดโหมน่ากลัว กระทั่ง เวลาประมาณ 16.00 น. ชาวบ้านแถวนั้นได้เห็นลำแสงพวยพุ่งออกจากกระท่อมขึ้นสู่บนฟากฟ้าพร้อมเพรียงกัน จึงทราบว่าครูบาฯ ละสังขารแล้ว ท้องฟ้ายังคงมืดมิดอีก 7 ทิวา 7 ราตรีกาล
หลังจากมรณภาพแล้ว เหล่าลูกศิษย์ต่างต้องการสรีระครูบาฯ ทั้งทางสุโขทัย ทั้งชาวลำปางที่ติดตามมา โดยเฉพาะชาวกะเหรี่ยง จาก อ.ลี้ ลำพูน ต้องลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์ ถึงกับเปล่งวาจาอย่างน้อยใจว่า “ชาวลำปาง ชาวทุ่งเสลี่ยม เอาครูบาฯ ของเฮามาตาย” เกิดโกลาหลอยู่พักใหญ่ และแล้วบรรยากาศก็ค่อยๆ คลี่คลาย
หลังจากไว้ศพที่ทุ่งเสลี่ยมได้ 15 คืน ครูบาวงค์ (ครูบาชัยยวงศาพัฒนา) และเจ้าคณะจังหวัดลำพูน วัดจามเทวี ได้มาเป็นประธานในการอาราธนาครูบาขาวปี กลับมายังวัดพระบาทผาหนาม สรีระร่างท่านยังคงสถิต ณ วัดนี้จวบปรัตยุบัน
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1552 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย โน้ต cmprice
IP: Hide ip
, วันที่ 21 ต.ค. 60
เวลา 08:35:10
|