• เอกสารลับ "คมช.-ทบ" ผิด ชี้วางแผนสกัดพปช. |
โพสต์โดย ตนข่าว เชียงใหม่ , วันที่ 30 พ.ย. 50 เวลา 10:20:12 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เอกสารลับ "คมช.-ทบ" ผิด ชี้วางแผนสกัดพปช.
คณะกรรมการสืบสวนเอกสารลับมีมติ 4 ต่อ 3 มีเนื้อหาวางตัวไม่กลาง วางแผนสกัด พปช.ผู้กระทำเข้าข่ายความผิดกฎหมายเลือกตั้ง ต้องยุติการกระทำ-ย้ายพ้นหน้าที่-มีโทษอาญาจำคุก1-10 ปี ชงเรื่องให้ กกต.ชี้ขาดอีกรอบ เพราะเสียง 2 ฝ่ายสูสี ยอมรับไม่มีการพิสูจน์ของใครจริง-ปลอม
กรณีนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน(พปช.)และเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณนำเอกสารลับแผนปฏิบัติการข่าวสารตั้งแต่ปัจจุบันถึงวันเลือกตั้งของคณะมนตรีความมั่นแห่งชาติ(คมช.)และกองทัพบกมาเปิดโปงและกล่าวหาว่า แผนปฏิบัติการดังกล่าวมีเนื้อหาในการวางแผนสกัดมิให้พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง จนกระทั่งมีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ซึ่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนมีนายสุพล ยุติธาดา เป็นประธานขึ้นมาสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าวนั้น
ผู้สื่อข่าว'มติชนออนไลน์ รายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน กรรมการซึ่งมีทั้งหมด 7 คนได้นำความเห็นของกรรมการแต่ละคนมาถกเถียงกัน ซึ่งกรรมการแต่ละคนมีความเห็นแตกต่างกัน แต่ก็มีมติด้วยเสียง 4 ต่อ 3 เห็นว่า จากเอกสารลับที่ พ.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข รองเจ้ากรมยุทธการทหารบกซึ่งเป็นผู้เสนอแผนปฏิบัติการข่าวสารและเป็นตัวแทนกองทัพบกนำมามอบให้คณะกรรมการสืบสวนนั้น
มีเนื้อหาที่น่าจะเข้าข่ายเจ้าหน้าที่รัฐวางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้งซึ่งเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 57 ซึ่งมีบทบัญญัติ ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายกระทำการใดๆเพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง
ซึ่งตามขั้นตอนคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนต้องเสนอให้ กกต.ใช้อำนาจตามกฎหมายสั่งให้ คมช.และกองทัพบกยุติหรือระงับการกระทำดังกล่าวและให้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลเจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้น สั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวพ้นจากหน้าที่เป็นการชั่วคราว
นอกจาก กกต.มีอำนาจในการสั่งให้ยุติการกระทำตามมาตรา 57 แล้ว ในมาตรา 137 ยังกำหนดว่า ผู้กระทำฝ่าฝืนมาตรา 57 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เนื่องจากความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนไม่เอกฉันท์โดยเสียงข้างมากชนะเสียงข้างน้อยเพียงเสียงเดียว คณะกรรมการจึงเห็นว่า ควรเสนอให้ กกต.เป็นผู้ชี้ขาดว่า นายทหารซึ่งเป็นผู้เสนอและอนุมัติแผนปฏิบัติการข่าวสารมีความผิดหรือไม่
จากเดิมที่คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนของ กกต.ให้อำนาจคณะกรรมการสืบสวนในการวินิจฉัยและแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่คณะกรรมการเห็นว่า มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย
นายสุพล ยุติธาดา ประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการว่า ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว โดยมติออกมาไม่เป็นเอกฉันท์ ซึ่งมีบางข้อที่คณะกรรมการเห็นตรงกัน แต่บางข้อก็เห็นไม่ตรงกัน
นายสุพลกล่าวว่า จากนี้ไปเหลือขั้นตอนที่ฝ่ายเลขานุการต้องเขียนรายงานให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ทราบว่า ข้อเท็จจริงที่ได้มานั้นเป็นอย่างไร โดยข้อเท็จจริงดังกล่าวคณะกรรมการได้จากการสรุปจากเอกสาร และพยานบุคคล
ซึ่งคณะกรรมการได้หยิบยกข้อเท็จจริงจากเอกสารของทางทหารที่นำเสนอมา รวมทั้งข้อเท็จจริงจากสื่อมวลชนมาพิจารณาประกอบกัน ทั้งนี้ ในรายงานไม่ได้ระบุว่า เอกสารของฝ่ายใดเป็นของจริงหรือปลอม แต่รายงานไปเพียงว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่า อย่างไรเท่านั้น
นายสุพล กล่าวว่า กกต.จะตัดสินเรื่องนี้อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ กกต. อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายในวันที่ 29 พฤศจิกายน เพื่อปรับปรุงถ้อยคำบางส่วน และจะเสนอเข้าที่ประชุมกกต.ในวันที่ 29 พฤศจิกายนเช่นกัน และคงไม่จำเป็นต้องเชิญใครมาสอบเพิ่มเติมอีก เนื่องจากสอบสวนไปข้อมูลก็มีอยู่เท่านี้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ นั้นไม่เปิดสามารถเปิดเผยได้
เมื่อถามว่า รายงานดังกล่าวได้ระบุหรือไม่ว่าใครถูกใครผิดนั้น นายสุพล กล่าวว่า เรื่องนี้ขอไม่ตอบ เมื่อถามย้ำว่า มีการเสนอแนะว่าควรดำเนินคดีกับใครหรือไม่ นายสุพล กล่าวว่า 'ไม่ขอตอบได้หรือไม่'
เมื่อถามว่ามติของคณะกรรมการจะสร้างความชัดเจนให้กับสังคมได้หรือไม่ นายสุพล กล่าวว่า ในความคิดของคณะกรรมการแล้ว สังคมน่าจะพอใจได้ในระดับหนึ่ง ส่วนการที่มติออกมาไม่เป็นเอกฉันท์นั้น คงไม่มีส่วนที่ทำให้ประชาชนสับสน เพราะมติเป็นเอกฉันท์ได้ยาก เนื่องจากเป็นเรื่องสลับซับซ้อน
สำหรับเอกสารลับแผนปฏิบัติการข่าวสารดังกล่าว นอกจาก พ.อ.ฉัตรเฉลิม เป็นผู้นำเสนอแผนในขั้นต้นแล้ว มีการนำเสนอเป็นขั้นตอนถึงพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.และผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นตั้งแต่ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก, พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา(ปัจจุบันเป็น ผบ.ทบ.) และ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาทหารบก จนกระทั่ง พล.อ.สนธิ ลงนามอนุมัติเมื่อวันที่ 20 กันายน 2550
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวว่า ในที่ประชุม กกต.วันนี้ไม่มีการพูดถึงเรื่องผลการสอบ มีแต่ถามว่าผลสอบสรุปมาหรือยัง เพราะเท่าที่ทราบทางคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน บอกว่า จะให้แล้วเสร็จในสัปดาห์นี้ ถ้าหากเป็นไปตามนั้น ประมาณวันอังคารที่ 4 ธันวาคมนี้ น่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของ กกต.ได้ ซึ่ง กกต.ก็อยากให้เรื่องนี้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากขณะนี้ใกล้เลือกตั้งแล้ว
ส่วนรายชื่อของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ประกอบด้วย
1.นายสุพล ยุติธาดา อดีตอธิบดีอัยการและอัยการอาวุโส (ประธานกรรมการ)
2.นางดวงกมล นิธิอุทัย อดีตรองเลขาธิการกฤษฎีกา (กรรมการ)
3.ศ.นันทวัฒน์ บรมานันทน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (กรรมการ)
4.รศ.กำชัย จงจักรพันธ์ อดีตคณบดีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (กรรมการ)
5.พล.ต.ต.สุเทพ รมยานนท์ อดีตรองผู้บังคับการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กรรมการ)
6.พ.ต.ท.อุกฤษฏ์ ภู่หริย์วงศ์สุข รองผู้อำนวยการสำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กกต. (กรรมการและเลขานุการ)
7.นายสมพล พงษ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 1 กกต. (กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ)
8.นายธันวา ชิงนวรรณ์ (ผู้ช่วยเลขานุการ)
9.นายปุณยฤทธิ์ นาคภิบาล (ผู้ช่วยเลขานุการ)
ที่มาจากหนังสือพิมพ์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 3752 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว เชียงใหม่
IP: Hide ip
, วันที่ 30 พ.ย. 50
เวลา 10:20:12
|