กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
วันนี้เพจข่าวจริงประเทศไทยซึ่งเป็นเพจข่าวสารของรัฐบาลได้โพสต์ เกี่ยวกับเรื่องราวของระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือ 30 บาทรักษาทุกโรคเป็นข้อความเลย
❓❓ ทำไมระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทย จึงเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก ❓❓
📍📍ปี 2019 นิตยสาร CEO WORLD จากสหรัฐอเมริกายกย่องไทยเป็นประเทศอันดับ 6 ของโลกที่มีระบบสาธารณสุขดีที่สุด รองจาก ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรีย และเดนมาร์ก
🇹🇭🌏ไทยยังเป็นประเทศที่หนึ่งในอาเซียน อีกด้วย👏🏻👏🏻👏🏻
▶️ การจัดอันดับมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
💎 โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข
💎 ประสิทธิภาพของบุคลากรด้านสาธารณสุข ตั้งแต่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรอื่นๆ
💎 ค่าใช้จ่ายในระบบ
💎 การเข้าถึงยาคุณภาพ
💎 ความพร้อมของรัฐบาลในการจัดการ
❌❌ทำไม ที่ผ่านมาโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคจึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุขได้อย่างยั่งยืนและเกือบทำให้ระบบสาธารณสุขไทยเสียหาย ประชาชนอาจได้ประโยชน์ แต่ส่งผลกระทบต่อประเทศในระยะยาว
👉🏻 บัตรทอง 30 บาท คือบัตรประกันสุขภาพที่ให้สิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแก่ผู้ที่ถือบัตร ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
👉🏻 ประชาชนสามารถ รับบริการตรวจรักษาได้หลายโรค เพียงมีบัตรทอง 30 บาท ก็รับคำปรึกษาและตรวจโรคได้อย่างง่ายดาย รับการผ่าตัดทุกโรคและการทำคลอด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แถมยังได้สิทธิค่าห้อง ค่าอาหาร กรณีผู้ป่วยสามัญ
นอกจากนี้ บัตรทองยังให้การคุ้มครองและดูแลสุขภาพเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิด
🔥 ข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุดของบัตรทอง 30 บาท คือ ค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐต้องแบกรับ อย่างมาก
🔸🔸จากสถิติที่ผ่านมาประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายด้านระบบสาธารณสุขมากเป็นอันดับ 1 ของโลก❗️ ❗️เมื่อวัดจาก ค่าใช้จ่ายต่อหัว 🔥
📌 ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาครัฐได้ส่งผลกับประชาชนเองในระยะยาว คือ โรงพยาบาลรัฐขาดทุน ขาดเงินบริหาร หนี้สะสมหลายหมื่นล้าน และจะไม่เหลือสถานบริการสาธารณสุขให้แก่ประชาชน
🌟 โครงการ 30 บาท เป็นโครงการที่มีหลักการดี แต่มีโครงสร้างการบริหารจัดการที่ไม่เป็นระบบ เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่สะสมปัญหาในระยะยาว
▶️ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบสาธารณสุขของประเทศ
ดังนี้
📍 ยกระดับความรู้ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม. )ให้เป็น อสม. หมอประจำบ้าน ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารทางการแพทย์ ระบบการแพทย์ทางไกลและบริการสาธารณสุขในชุมชน เพิ่มบทบาท อสม. ลดโรคและปัญหาสุขภาพ ส่งเสริมประชาชนให้พึ่งตนเองได้ ลดความแออัด ลดการพึ่งพาโรงพยาบาล โดยอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ครู ก ให้มีศักยภาพให้นำความรู้ไปอบรม อสม. ในพื้นที่รับผิดชอบให้เป็น อสม.หมอประจำบ้าน มีความรู้ใน 6 เรื่อง คือการสร้างอาสาสมัครประจำครอบครัว (อสค.) การเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่, การส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคและแก้ไขปัญหาสุขภาพที่สำคัญ, ภูมิปัญญาไทย สมุนไพรไทย และการใช้กัญชาทางการแพทย์, เทคโนโลยีการสื่อสารทางการแพทย์, โทรเวชกรรมและแอปพลิเคชันด้านสาธารณสุข และผู้นำการสร้างสุขภาพแบบมีส่วนร่วม
▶️ นอกจากนี้ มีการพัฒนาแอปพลิเคชัน อสม. ออนไลน์ ซึ่งต่อยอดให้เชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันทันระบาด เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคติดต่อที่นำโดยยุงลาย เช่น ไข้เลือดออก โดยใช้เป็นเครื่องมือบันทึกข้อมูลการสำรวจลูกน้ำยุงลาย ส่งต่อข้อมูลไปยังส่วนกลาง สามารถประมวลผล และแจ้งสถานการณ์การระบาดของโรคแก่หน่วยบริการสุขภาพ รวมทั้งมีการส่งข้อมูลความรู้ให้ อสม. วันละ 1 ครั้ง เพื่อให้ อสม. เป็นหมอประจำบ้านอย่างมั่นใจ
💪 เสริมระบบหมอครอบครัวให้แข็งแกร่ง
💞 ระบบหมอครอบครัวเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนงานสุขภาพของประชาชน เพราะหมอครอบครัวเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมาก และมีความสัมพันธ์เหมือนบุคคลในครอบครัว หมอครอบครัวจะดูแลสุขภาพองค์รวมของผู้ป่วยและให้คำปรึกษาด้านต่างๆ ต่างกับหมอในโรงพยาบาลที่ดูแลรักษาเฉพาะโรค ระบบนี้ลดความแออัดในโรงพยาบาลส่วนกลาง เพิ่มคุณภาพการบริการ และ ลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาวให้แก่ประเทศไทย
🤝 ประชาชนจึงเป็นหุ้นส่วนในระบบหมอครอบครัว ไม่ใช่แค่ผู้บริโภคมารับบริการทางการแพทย์
📱 ประเทศไทยยังใช้ประโยชน์จากสังคมดิจิทัลที่การสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว ข้อมูลทางการแพทย์ที่ถูกต้องและทันเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก คำปรึกษาแนะนำโดยหมอครอบครัว ผ่านทางสังคมออนไลน์ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุข
▶️ ลดการแออัดใน รพ.ใหญ่ สามารถรับใบสั่งยาหมอไปซื้อยาที่ร้านขายยาได้
✅เพื่อความสะดวกแก่ประชาชนผู้ป่วยนำใบสั่งยารับยาที่ร้านยาแผนปัจจุบัน (ข.ย.1) ที่ได้มาตรฐาน GPP ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีการพัฒนาระบบบริการภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และมีสภาวิชาชีพเภสัชกรรมเป็นผู้กำกับคุณภาพบริการร้านยา
✅เริ่ม 1 ตุลาคม 2562 ตามความพร้อมของโรงพยาบาล ซึ่งจะเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ยา และลดการครอบครองยาเกินความจำเป็น
✅เงื่อนไขการรับบริการขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ป่วยเป็นหลัก
▶️ยาที่ผู้ป่วยได้รับจากร้านยาต้องเป็นตัวเดียวกันกับที่โรงพยาบาลจ่ายไว้เดิม เน้นผู้ป่วย 4 โรค คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคทางจิตเวช และหอบหืด โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่ม
▶️ปัจจุบันมีร้านยาที่ขึ้นทะเบียนตามมาตรฐาน GPP ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (ร้านขายยา ข.ย.1) จำนวน 17,000 แห่ง ทั่วประเทศ (อ้างอิงจากสมาคมเภสัชกรรมชุมชน)
📍จัดตั้งศูนย์เป็นเลิศเฉพาะทาง ยกระดับศูนย์สุขภาพชุมชนสู่ศูนย์กลางสุขภาพโลก
▶️ รัฐบาลให้ความสำคัญ ส่งเสริมนวัตกรรมและศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ให้ประเทศ ซึ่งปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 3.42 ล้านครั้ง สร้างรายได้เข้าประเทศ 28,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.02 อีกทั้งมีสถานบริการสุขภาพผ่านมาตรฐาน JCI 68 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน
▶️ ปี ค.ศ. 2020 ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก (Medical Hub) ติดอันดับ 1 ใน 10 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยจะขับเคลื่อนการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านบริการรักษาพยาบาล บริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพและส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน โดยยกระดับ home stay ที่ได้มาตรฐานให้เป็น Healthy home stay เน้นความสะอาด ปลอดภัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสมุนไพรไทยที่มีศักยภาพสูงไปวางจำหน่ายในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ยุโรป รวมทั้งเตรียมการรองรับการประกาศผลการพิจารณารับรองบริการนวดไทยเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ที่จะมีผลพิจารณาในเดือนธันวาคม 2562
📣 📣 เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติรักษาฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายภายใน 72 ชม.
▶️ สิทธิ UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) คือ นโยบายรัฐบาล ที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำในการรักษา ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตจะได้รับการคุ้มครองสิทธิ เข้าถึงบริการอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายภายใน 72 ชั่วโมงหรือพ้นภาวะวิกฤต สายด่วน 1669
👥 ใครได้รับสิทธิบ้าง ⁉
ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน ในพื้นที่ที่อยู่ใกล้และเป็นโรงพยาบาลเอกชนนอกคู่สัญญากับกองทุนที่ผู้ป่วยมีสิทธิ์ โดยเริ่มที่ 3 กองทุนก่อน คือ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ,กองทุนประกันสังคม,กองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
📌📌 อาการที่เข้าข่ายภาวะฉุกเฉินวิกฤติ
1⃣ หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
2⃣ หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง
3⃣ ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น
4⃣ เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง
5⃣ แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
6⃣ อาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิตและระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต
📌📌 ขั้นตอนการรับสิทธิ์ UCEP
1⃣ ตรวจสอบสิทธิของตนเองในเบื้องต้นว่าเป็นสิทธิอะไร เช่น สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า, สิทธิประกันสังคม สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ หรือหากไม่ทราบ สามารถขอตรวจสอบสิทธิได้ที่ รพ.ทุกแห่ง
2⃣ โรงพยาบาลประเมินผู้ป่วยตามแนวทางที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติกำหนด (Preauthorization)
3⃣ หากประเมินแล้วป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต สามารถเข้ารับบริการตามระบบ UCEP โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายภายใน 72 ชม.หรือพ้นภาวะวิกฤต
4⃣ กรณีประเมินแล้วไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต หากต้องการรักษาที่โรงพยาบาลเดิม ผู้ป่วยต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลเอง
💥💥 สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 ต่อยอดมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นข้อมูลที่ได้รับการยอมรับ จากนานาชาติโดยเฉพาะองค์การสหประชาชาติ (UN) ที่แสดงความชื่นชมต่อระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทย ที่มุ่งมั่นให้บริการสาธารณสุขแก่คนไทยทุกคนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
#ข่าวจริงประเทศไทย #realnewsthailand #ประกันสุขภาพ #กระทรวงสาธารณสุข #องค์การสหประชาชาติ #UCEP #ศูนย์เป็นเลิศเฉพาะทาง #prdrd #ระบบหมอครอบครัว #อสม #สาธารณสุข #CEOWORLD
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|