• พลังแม้ว ตั้งรัฐบาล 300 เสียงโดดเดี่ยว ปชป.กับฝันเล็กๆของมาร์ค |
โพสต์โดย ตนข่าว เชียงใหม่ , วันที่ 24 ธ.ค. 50 เวลา 09:18:47 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
วิเคราะห์-'พลังแม้ว'ตั้งรัฐบาล 300 เสียง'โดดเดี่ยว'ปชป.'กับฝันเล็กๆของ'มาร์ค'มีลุ้นนายกฯ
การที่พรรคพลังประชาชน(พปช.)กวาดเก้าอี้ ส.ส.ได้ถึง 228 เสียง(แม้ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.480 เสียง) แต่ก็ทิ้งห่างพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ที่เป็นพรรคอันดับ 2 ที่ได้ 166 เก้าอี้ถึง 62 เสียง
อย่างไรก็ตาม สำหรับ ปชป.แล้ว การได้ ส.ส. 166 เก้าอี้ ไม่ได้ผิดไปจากการประเมินของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคที่คาดว่าจะได้ 170 ที่นั่งมากนัก
อาจมีเพียงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องสูญเสียงที่นั่งไปในจังหวัดยะลา ปัตตานีและนราธิวาส ถึง 6 เก้าอี้ ขณะที่ภาคเหนือ คาดว่าจะได้ 20 ที่นั่งก็ได้เพียง 15 ที่นั่ง ส่วนภาคอีสานที่ได้เพียง 4 ที่นั่งก็เป็นไปตามคาดหมายอยู่แล้ว
ขณะที่ กทม.ที่ได้ถึง 27 เก้าอี้จาก 36 เก้าอี้ทะลุเป้าฉีกผลโพลของสำนักต่างๆกระจุย และยังกวาดกลุ่ม'คุณปลื้ม'ในยามไร้กำนันเป๊าะจนสูญพันธุ์ไปจากชลบุรี
นอกจากนั้นคะแนน ส.ส.แบบสัดส่วนทั้งประเทศก็ยังเป็นไปอย่างสูสีกับ พปช. 33 ต่อ 34 ที่นั่งผิดกับคะแนน ส.ส.เขตที่ พปช.ทิ้งห่าง ปชป.ลิ่ว
ดังนั้น ปัจจัยที่ทำให้ พปช.ชนะแบบถล่มทลายอยู่ที่พรรคขนาดกลางและพรรคเล็กที่ไม่สามารถช่วงชิงเก้าอี้ตามที่คาดได้ในภาคตะวันนออกเฉียงเหนือและเหนือได้ เช่น พรรคมัชฌิมาธิปไตย(มฌ.)ที่มีปัญหาภายในแตกแยกกันอย่างรุนแรงและไม่มีปัจัยทางการเงินสนับสนุน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา(รช.)ก็หาคนควักทุนยาก
เช่นเดียวกับเพื่อแผ่นดิน(พผ.)ที่แบ่งเป็นก๊วนๆต่างสงวนท่าทีมในกาควักทุน ส่วนพรรคประชาราช(ปชร.)ที่มีผู้เฒ่าเสนาะ เทียนทอง อยู่เพียงเดียวดายก็อุ้มได้เพียงเครือญาติในจังหวัดสระแก้วเท่านั้น
เมื่อพรรคเล็กพรรคน้อยเหล่านี้ขาดปัจจัยประกอบยุทธศาสตร์ในการหาเสียงของ พปช.ที่ชูประเด็นจะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังเป็นขวัญใจของประชาชนในทั้งสองภาคกลับประเทศไทยและต่อต้านเผด็จการ คมช.ทำให้กระแสของ พปช.มาแรงจึงกวาดได้เป็นกอบเป็นกำคือ 98 เสียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ 47 เสียงในภาคเหนือ
อย่างไรก็ตาม การที่ พปช.จะจัดตั้งรัฐบาลและดันนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ จำเป็นต้องดึงพรรคเล็กพรรคพรรคน้อยเข้าให้ได้อย่างน้อย 280 เสียง ถึงจะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพเพียงพอในสภาผู้แทนราษฎร
แน่นอนพรรคที่ถูกจับตาเป็นอันดับแรกคือ พรรคชาติไทย(ชท.)ได้ที่ 39 เสียง และพผ.ที่ได้ 26 เสียงซึ่งจะทำให้เป็นรัฐบาลผสม 293 เสียง
แต่ด้วยความเก๋าของนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้า ชท.ที่ยังไม่ตอบรับท่าทีเปิดกว้างของ พปช.ในทันทีรีบเดินทางไปหารือกับนายวัฒนา อัศวเหม ผู้สนับสนุนคนสำคัญของ พผ.
หลังจากนั้นทั้งสองพรรคได้ประกาศจับมือกันทำให้มีเสียงถึง 65 เสียงเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรงอในการร่วมรัฐบาล
ทั้งนี้นายบรรหารยังสงวนท่าทีจะจะบอกว่า จะร่วมรัฐบาลกับ พปช.หรือไม่โดยอ้างว่า แม้ พปช.จะได้เสียงถึง 228 เสียง แต่ยังไม่ชนะขาดที่จะจัดตั้งรัฐบาลซึ่งต้องใช้ไม่ต่ำกว่า 280 เสียงได้ และยังมีความไม่แน่นอนว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)จะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ให้ใบแดง)หรือให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่(ให้ใบเหลือง)อีกจำนวนเท่าใด
เมื่อ การจัดตั้งรัฐบาลของ พปช.ในสูตรแรกที่จะดึง ชท.และ พผ.ไปร่วมด้วย อาจมีอุปสรรค พปช.อาจหันไปหาพรรคเล็กที่ได้เก้าอี้ ส.ส.อย่างเบี้ยหัวแตกคือ รช.ที่ได้เพียง 10 เสียง, มฌ.ได้ 7 เสียง และ ปชร.ได้ 4 ที่นั่ง รวมแล้ว เพียง 21 เสียง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลผสมที่มีเสียง 249 เสียง เกินกึ่งหนึ่งมาเพียง 9 เสียง
ถือว่า หมิ่นเหม่อย่างมากสำหรับเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎร กรณีที่ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะ เพราะตามรัฐธรรมนูญรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจห้ามออกเสียงในการลงมติเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่หรือเรื่องที่มีส่วนได้ส่วนเสีย(มาตรา 177 วรรรคสอง)
ดังนั้นโอกาสที่รัฐบาลจะแพ้เสียงโหวตและต้องพ้นจากตำแหน่งมีอยู่สูงเพราะ ถ้า มีส.ส.ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี 30 คน เสียงก็จะหายไป 30 เสียง
ดังนั้นในกรณีการดึงพรรคเล็กพรรคน้อยประเภทเบี้ยหัวแตกเข้าร่วมรัฐบาล พปช.ต้องดึง ชท.หรือ พผ. พรรคใดพรรคหนึ่งเข้าร่วมเพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้น
ถ้าดึง พผ.เข้าร่วมจะทำให้รัฐบาลผสมมี 275 เสียง
ถ้าดึง ชท.เข้าร่วม จะทำให้รัฐบาลผสมมี 288 เสียงซึ่งถือว่า มีระดับความปลอดภัยกว่า
อย่างไรก็ตาม ถ้า พปช.ต้องการให้เกิดรัฐบาลสูตรนี้ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อสลายขั้ว ชท.กับ พผ.ที่ประกาศจับมือกันให้ได้ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์สัจธรรมทางการเมืองอีกครั้งหนึ่งในเรื่องไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร หรือผลประโยชน์อยู่เหนือสิ่งอื่นใด
แต่สิ่งที่ พปช.ต้องการอย่างที่สุดคือ การจัดตั้งรัฐบาล 300 เสียงขึ้นไป ซึ่งถ้าทำสำเร็จเท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวคือทำให้เสียงในสภาผู้แทนราษฎรมีเสถียรภาพมากขึ้นและยังเป็นการโดดเดียว ปชป.
เพราะเท่ากับ พปช.สามารถกวาดพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กไว้ในมือได้เกือบหมดหรือทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ ปชป.เป็นพรรคฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียวซึ่งประกาศย้ำแล้วย้ำอีกว่า ไม่มีทางรวมกับ พปช.อย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตามเงื่อนไขที่ ชท.กับ พผ.ประกาศจับมือกันเพื่อต่อรองในการร่วมรัฐบาลและยังสงวนท่าทีที่จะร่วมรัฐบาลกับ พปช.กับเงื่อนไขการแจกใบแดงและใบเหลือง อาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้ พปช.ไม่อาจจัดตั้งรัฐบาลได้ง่ายนัก
เมื่อเป็นเช่นนี้ ยังทำให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป.ยังมีลุ้นและฝันเล็กๆว่า อาจจะได้ชื่นชมเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ถ้าสามารถรวบรวมพรรคขนาดกลางและพรรคเล็กพรรคน้อยได้ทั้งหมด
แต่ก็จะเป็นรัฐบาลผสมที่ยุงยากมากที่สุดเพราะเป็นการรวมตัวของพรรคการเมืองถึง 6 พรรค ซึ่งจะทำให้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีมิได้นุ่มนิ่มอย่างที่คิด
ที่มาจากหนังสือพิมพ์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1100 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว เชียงใหม่
IP: Hide ip
, วันที่ 24 ธ.ค. 50
เวลา 09:18:47
|