• ศธ.เผยแผนเตรียมฉีดไฟเซอร์ให้นร. 4 ล้านคน |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 29 ส.ค. 64 เวลา 10:35:10 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ศธ.เผยแผนเตรียมฉีดไฟเซอร์ให้นร. 4 ล้านคน
กนกวรรณ รมช.ศธ. เผย เตรียมฉีดไฟเซอร์ให้นักเรียนปลายเดือน ก.ย. หวังให้จัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ หลังถูกตั้งกระทู้ถามสด ระหว่างประชุมสภาฯ
วันที่ 26 ส.ค. 2564 ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ถาม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กรณีการจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับนักเรียน ว่า จะดำเนินการได้เมื่อใด ขณะนี้โรงเรียนยังเปิดทำการไม่ได้ ส่วนการเรียนออนไลน์ก็ยังพบว่าเด็กมีอุปสรรค จึงอยากให้นักเรียนได้ฉีดวัคซีนเพื่อจะได้กลับไปเรียนตามปกติ จึงอยากทราบว่า ศธ. มีงบประมาณจัดซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับนักเรียนโดยเฉพาะได้หรือไม่ จะทำได้เมื่อไร
นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงแผนการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนและเยาวชน ว่า ตามที่รัฐบาลได้สั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งวัคซีนจะมาถึงประเทศไทยประมาณเดือนกันยายน 2564 จำนวน 2-3 ล้านโดส และจะส่งให้ได้ครบ 30 ล้านโดสตามแผนที่วางไว้ภายในเดือนธันวาคม 2564 ในเบื้องต้นกระทรวงศึกษาธิการ ได้สำรวจจำนวนนักเรียนอายุระหว่าง 12-14 ปี พบว่ามีประมาณ 4 ล้านคน ซึ่งการฉีดวัคซีนนั้นจะครอบคลุมเด็กนักเรียนจากทุกสังกัด ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ตลอดจนเด็กที่ไม่สามารถอยู่ในระบบการศึกษาปกติต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เป็นต้น โดยเมื่อวัคซีนมาถึงก็จะดำเนินการฉีดให้เป็นไปตามแผนและขั้นตอนการกระจาย ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้วางแผนอย่างรวดเร็วที่สุด
“ทั้งนี้ ในการฉีดวัคซีนนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็ก เยาวชน และประชาชนเป็นหลัก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่จะเติบโตเป็นอนาคตของชาติ ดังนั้น จึงต้องดำเนินการให้เป็นไปตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ตามความเหมาะสม ตามสถานการณ์ในขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร นอกจากนี้ ยังได้มีการวางแผนยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความมั่นคง ซึ่งมีการร้อยเรียงไปถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย สำหรับการแบ่งระดับความสำคัญในการฉีดวัคซีน จะดำเนินการตามแผนของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยการกระจายวัคซีนเพื่อให้ได้รับการฉีดเร็วที่สุด ซึ่งจากการสรุปยอดผู้ได้รับการฉีดวัคซีนล่าสุดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาก็ได้รับการฉีดไปแล้วจำนวนหนึ่ง แต่รัฐบาลก็จะมีการเพิ่มการฉีดให้ได้ไวกว่าเดิม โดยจะมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้บริการเคลื่อนที่ ทั้งยังลงไปในพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในระดับตำบล ในพื้นที่แบบเชิงรุก เพื่อให้การฉีดครอบคลุมและรวดเร็วที่สุด
ส่วนเมื่อเด็กและเยาวชนได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจะสามารถเปิดเรียนได้เมื่อไหร่นั้น เป็นเรื่องที่ตอบได้ยาก เพราะในการจะเปิดเรียนสิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องเน้นความปลอดภัยของชีวิตเป็นหลัก รวมถึงต้องดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงนั้นเป็นหลักด้วย ดังนั้นจึงต้องมีการบูรณาการ การทำงานร่วมกัน และยึดตามมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ของแต่ละจังหวัด ร่วมกับการประเมินสถานการณ์ตามบริบทของแต่ละพื้นที่ และขอย้ำว่าเมื่อวัคซีนมาถึงไทยก็จะดำเนินการฉีดให้เร็วที่สุด ส่วนการพิจารณาพื้นที่ฉีดวัคซีนก็ต้องให้เป็นไปตามแผนการฉีดและแผนการกระจาย ของกรมควบคุมโรคจึงจะเหมาะสมที่สุด” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 848 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 29 ส.ค. 64
เวลา 10:35:10
|