"ยุทธ ตู้เย็น" โต้โดนสร้างพยานเท็จใส่ร้าย ยืนยันพปช.เดินหน้ารวมขั้วตั้งรัฐบาลต่อไม่มีสะดุด กกต.ระบุหากผิดจริงจะเข้าข่ายตามพ.ร.บ.พรรคการเมืองว่าด้วยเรื่องยุบพรรค พปช.ดิ้นวิ่งเต้นหาผู้มีอำนาจช่วยหวั่นส่งผลสะเทือนถึงพรรค
นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวเมื่อวันที่ 6 มกราคม ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเอกตั้ง (กกต.) ระบุให้ตนเข้าชี้แจงคำร้องในวันที่ 8 มกราคมนี้ ว่า ยืนยันว่ามีพยานหลักฐาน ที่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิดแน่นอน รวมถึงการกล่าวหาว่าตนข่มขู่พยานก็ไม่มีมูลอะไร ซึ่งเอกสารต่างๆ รวมทั้งพยานที่มาให้ข้อมูลก็ล้วนแต่เป็นการสร้างพยานเท็จขึ้น ส่วนที่มีการยื่นคำร้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะเนื่องจากพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทยนั้น เป็นหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของพรรคที่จะดำเนินการต่อไป ซึ่งมั่นใจว่าแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะสามารถชี้แจงในกรณีต่างๆ ได้แน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าจะมีพิจารณาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล หลังการถวายความอาลัย นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นการพยายามที่จะเป็นรัฐบาลด้วยวิธีใดก็ตาม ก็ถือเป็นการทำลายระบบ และหากฝืนมากเกินไปก็ทำลายประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง
แหล่งข่าวจากกกต.แจ้งว่า คดีของนายยงยุทธ สร้างความวิตกให้กับแกนนำพปช.อย่างมาก เนื่องจากหากนายยงยุทธ ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือแจกใบแดง อาจจะนำไปสู่การพิจารณายุบพรรคพปช. เพราะเป็นบุคคลสำคัญถึงระดับรองหัวหน้าพรรคฯ และเป็นผู้สมัครส.ส.แบบสัดส่วน ซึ่งตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 บัญญัติไว้ว่า ถ้ากรรมการบริหารพรรคกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง หรือมีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดของผู้สมัครส.ส.ก็เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ.2550 ในเรื่องการยุบพรรค
ด้วยความวิตกดังกล่าว จึงมีแกนนำพรรคพลังประชาชนบางคนพยายามติดต่อกับผู้มีอำนาจเพื่อให้ช่วยเหลือในคดีนี้" แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ เมื่อนายยงยุทธ เป็นผู้สมัครส.ส.แบบสัดส่วนหากกกต.เห็นว่า การได้มาซึ่งคะแนนของนายยงยุทธไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็จะทำให้ถูกตัดคะแนนแบบสัดส่วนในกลุ่ม 1 ด้วย ซึ่งอาจจะมีผลทำให้ที่นั่งส.ส.แบบสัดส่วนลดลงไปด้วย
รายงานจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า ขณะนี้ กกต.ได้รับสำนวนจาก พ.ต.อ.สุวรรณ เอกโพธิ์ รอง ผบก.ส. 1 เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยปฏิบัติงาน กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กรณีที่ได้รับร้องเรียนจากนายวิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทย เขต 3 จ.เชียงราย ที่ร้องเรียนว่า กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านวางตัวไม่เป็นกลางทางการเมือง เนื่องจากวันที่ 28 ตุลาคม 2550 ที่ผ่านมา กำนันใน อ.แม่จัน จ.เชียงราย 10 คน เดินทางมากรุงเทพฯ โดยนั่งเครื่องบินสายการบินไทยแอร์เอเชียมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ และมีรถตู้ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รับจากสนามบินไปส่งยังที่ทำการพรรคพลังประชาชน (พปช.) จากนั้น รถคันดังกล่าวได้รับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านไปส่งที่โรงแรมเอสซีปาร์คเพื่อนอนพัก 1 คืน จากนั้น ก็เดินทางกลับ จ.เชียงราย ในวันที่ 29 ตุลาคม
ทั้งนี้ หลังจากพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้ กกต.กลาง กกต.จึงมีมติตั้งข้อกล่าวหานายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้า พปช. และว่าที่ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 และให้เข้าชี้แจงต่อ กกต.ในวันที่ 8 มกราคมนี้
สำนวนดังกล่าวยังได้นำพยานวัตถุและพยานเอกสารที่บ่งชี้ว่า การเดินทางของกำนันทั้ง 10 คน เดินทางไปพบนายยงยุทธที่ที่ทำการพรรค พปช. โดยพยานวัตถุเป็นแผ่นซีดีบันทึกภาพการเดินทางของกลุ่มกำนันทั้ง 10 คน ที่สนามบินเชียงรายจำนวน 1 แผ่น, แผ่นซีดีบันทึกภาพการเดินทางของกลุ่มกำนันดังกล่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิไปยัง พปช. และโรงแรมเอสซีปาร์คจำนวน 1 แผ่น นอกจากนี้ ยังได้นำแผ่นซีดีบันทึกภาพกลุ่มกำนันที่ กอ.รมน.จว.เชียงราย เชิญมาซักถามข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางจำนวน 2 แผ่น และเอกสารรายชื่อของกำนันทั้ง 10 คน ที่นำไปซื้อตั๋วเครื่องบินที่ หจก.นอร์ทเทิร์นไทยทราเวล คอนเนคชั่น ซึ่งตั้งที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ป็นต้น
ทั้งนี้ ในสำนวนยังได้บรรยายการสอบปากคำของกำนันทั้ง 10 คน โดยพยานรับว่า ได้เดินทางมาพบบางบุคคล และได้รับการขอร้องให้ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตและสัดส่วน โดยได้รับค่าตอบแทนเบื้องต้น 2 หมื่นบาทด้วย พฤติกรรมดังกล่าว จะนำไปสู่การพิจารณาของ กกต. ว่า นายยงยุทธจูงใจให้ช่วยเหลือการเลือกตั้งที่ถือว่ากระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 18,94 (2), 105 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. มาตร 53,57 และ 137 หรือไม่
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
ข่าวจาก กระปุกดอทคอม