กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนภัยถึงกรณีการกู้เงินผ่านช่องทางออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงแอปพลิเคชั่นต่างๆ อาจถูกมิจฉาชีพหลอกลวงได้
ดังเช่นกรณีที่ปรากฎในสื่อออนไลน์ กรณีที่หญิงสาวรายหนึ่ง ผูกคอตายหลังถูกมิจจฉาชีพหลอกให้โอนเงินจนหมดตัวเนื่องจากต้องการกู้เงินผ่านทางแอปพลิเคชั่นไลน์ จำนวนเงิน 100,000 บาท โดยแม่ผู้ตายเล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการหลอกให้โอนเงิน เพื่อทดสอบว่าผู้ยืมจะสามารถโอนเงินคืนได้ตามกำหนดหรือไม่ ซึ่งทางผู้ตายก็ได้มีการโอนเงินไปทั้งหมด 10 ครั้ง เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ยอดรวม 38,200 บาท
จึงขอย้ำเตือนถึงพิษภัยและความน่ากลัวของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทำให้ตัวเราเอง รวมถึงคนรอบตัวได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ทั้งในเรื่องทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียง รวมไปถึงชีวิต และขอให้กรณีดังกล่าวเป็นกรณีศึกษาแก่พี่น้องประชาชนได้ตระหนักถึงความอันตราย รวมทั้งขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต
โดยระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 25 ธันวาคม 2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ จากคดีที่รับแจ้งทั้งหมด 555 คดี มีผลการจับกุมผู้ต้องหา 308 ราย
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตระหนักถึงพิษภัยของปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงได้สั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยโดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) และ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ให้เร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ให้ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่างๆ และเร่งทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นและตัดโอกาสในการกระทำความผิดอย่างจริงจังต่อเนื่อง ให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม
การกระทำลักษณะดังกล่าวนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19และยังเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการตรวจสอบพบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ก็อาจมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของผู้ที่ได้รับความเสียหายสามารถเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในท้องที่ต่างๆได้
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนถึงกรณีการใช้แพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชั่นในรูปแบบต่างๆ ดังนี้
1.หากมีความจำเป็นต้องกู้เงิน แนะนำให้กู้ผ่านธนาคาร,แอปพลิเคชั่นที่เป็นทางการของธนาคาร หรือช่องทางที่หน้าเชื่อถือเท่านั้น พร้อมทั้งตรวจสอบเสมอหากกู้ผ่านแอปพลิเคชั่น เพราะมิจฉาชีพมักสร้างแอปพลิเคชั่นปลอมที่มีชื่อคล้ายกับธนาคารมาหลอกลวง
2.หากผิดพลาดไปแล้วให้รีบเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งขอคำปรึกษาเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
3.ควรหาข้อมูล อ่านคำอธิบายรายละเอียดของแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชั่นดังกล่าวให้ถี่ถ้วนก่อนทุกครั้ง ว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
4.ควรตรวจสอบข้อมูลของนักพัฒนาแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชั่นดังกล่าว รวมถึงรายชื่อผู้ร่วมก่อตั้ง ว่าเคยมีประวัติหรือมีการรีวิวในด้านที่ไม่ดีหรือไม่
5.ควรดูจำนวนผู้ดาวน์โหลด หรือใช้แพลตฟอร์ม แอปพลิเคชั่นดังกล่าวว่ามีผู้ใช้งานมากน้อยเพียงใด เพื่อประกอบการตัดสินใจ
6.ไม่ควรหลงเชื่อการชักชวนในรูปแบบ ลงทุนน้อยได้กำไรมาก หรืออะไรที่ทำง่ายแต่ได้รับผลตอบแทนสูง
นอกจากนี้ หากพบเห็นเบาะแสการกระทำผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|