กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์โควิด 19 ค่อนข้างคงตัว คาดพ้นการระบาดใหญ่ภายในปีนี้ ด้วย 3 ปัจจัย คือเชื้อกลายพันธุ์ไม่รุนแรงเพิ่มขึ้น อัตราป่วยคงที่ และคาดการณ์การระบาดได้ ส่วนจะเป็นโรคประจำถิ่น โรคติดต่อทั่วไปหรือโรคตามฤดูกาล ขึ้นกับนิยามที่แตกต่างกัน เผยคณะวิชาการออกคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิดเพิ่มเติม 5 เรื่องพร้อมแนะ 10 ขั้นตอนปฏิบัติดูแลตนเอง หากเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง
วันนี้ (31 มกราคม 2565) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุขจ.นนทบุรี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 และการฉีดวัคซีนโควิด 19 โดย นพ.โอภาสกล่าวว่าหลังปีใหม่ประเทศไทยควบคุมสถานการณ์โควิด 19 ได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนที่หลายประเทศมีอัตราการติดเชื้อแบบก้าวกระโดด แต่เราได้รับความร่วมมือจากประชาชนทำให้การระบาดไม่มากนัก แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้การติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นการติดต่อในกลุ่มเล็กๆ มีกิจกรรมที่เสี่ยงสูง เช่นรับประทานอาหารร่วมกัน จึงยังต้องย้ำเรื่องการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า สำหรับนิยามเกี่ยวกับโรคติดต่อขึ้นกับวัตถุประสงค์ ปัจจุบันมี 2 แบบ คือ 1.นิยามตามกฎหมาย จาก พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 4 ได้แก่ โรคติดต่อ โรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังและโรคระบาด เป็นนิยามสำหรับใช้ในการควบคุมโรค เพื่อมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ในการดำเนินการเฝ้าระวังและควบคุมโรค ซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละระดับ 2.นิยามทางสาธารณสุข ทางการแพทย์ และระบาดวิทยา เพื่อสื่อสารทำความเข้าใจได้ตรงกัน ได้แก่ "Pandemic" การระบาดใหญ่ทั่วโลก , "Epidemic" โรคระบาด ที่ระบาดรวดเร็วแต่ขอบเขตเล็กกว่า และ "Endemic" โรคประจำถิ่น ซึ่งอัตราติดเชื้อต้องค่อนข้างคงที่ สายพันธุ์ค่อนข้างคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงจนรุนแรงมาก และคาดการณ์การระบาดได้
"การระบาดใหญ่ทั่วโลกมี 3 ระยะ คือ Pre-Pandemic ก่อนระบาดทั่วโลก, Pandemic การระบาดทั่วโลก อาจกินเวลาสั้นๆ 1-2 ปี หรือหลายปี และ Post-Pandemic ซึ่งเชื่อว่าโรคโควิด 19 จะผ่านการระบาดใหญ่เข้าสู่ระยะ Post-Pandemic ภายในปีนี้ ด้วย 2 เหตุผล คือ คนทั่วโลกฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 1 หมื่นล้านโดส ประเทศไทยฉีดเกิน 115 ล้านโดส และไวรัสกลายพันธุ์ล่าสุดคือโอมิครอน แม้ระบาดเร็วแต่ความรุนแรงน้อยลง จึงน่าจะควบคุมและคาดการณ์การระบาดได้ โดยอาจกลายเป็นโรคประจำถิ่น โรคติดต่อทั่วไป หรือโรคตามฤดูกาล ตามแต่นิยามที่แตกต่างกันไปเช่น ไข้เลือดออก เป็นโรคประจำถิ่นและเป็นโรคตามฤดูกาล เพราะระบาดในพื้นที่ภูมิภาคนี้และมีรูปแบบการระบาดในช่วงฤดูฝน ซึ่งจะรู้ว่าเป็นการระบาดตามฤดูกาลหรือไม่ ต้องใช้เวลาหลายปีในการดูรูปแบบการระบาด" นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า การประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 มีคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด 19 เพิ่มเติม ดังนี้ 1.การฉีดวัคซีนสูตรไขว้ เดิมให้เรียงจากเชื้อตาย ไวรัลเวกเตอร์ และmRNA แต่องค์การอนามัยโลกแนะนำฉีด mRNA และต่อด้วยไวรัลเวกเตอร์ได้ ดังนั้น ผู้ที่ฉีดไฟเซอร์เข็มแรกแล้วมีปัญหา สามารถเปลี่ยนไปฉีดแอสตร้าเซนเนก้าได้ 2.ผู้ที่มีประวัติติดเชื้อโควิด เดิมให้เว้นช่วง 3 เดือนแล้วฉีดวัคซีนแนะนำให้ลดเหลือ 1 เดือน 3.ผู้ที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว 2 เข็ม เดิมให้ฉีด mRNA แต่หลายคนไม่สบายใจหรือมีประวัติแพ้มาก่อน ให้ฉีดแอสตร้าฯ เข็มสามได้ 4.เด็กอายุ 12-17 ปีที่รับซิโนฟาร์ม 2 เข็มมาแล้ว 4 สัปดาห์ สามารถรับเข็มสามเป็นไฟเซอร์ได้ และ 5.ฉีดซิโนแวคในอายุ 3-17 ปีได้ หลังจาก อย.ขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมแล้ว
ด้าน นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ 8,008 ราย เสียชีวิต 16 ราย ภาพรวมผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยอาการหนักและใส่เครื่องช่วยหายใจยังคงตัว สถานการณ์ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเป็นเพราะการร่วมมือทำตามมาตรการ โดยเฉพาะ VUCA และ COVID Free Setting ส่วนจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวสถานการณ์คงตัวเข่นกัน ยกเว้น กทม.และสมุทรปราการ ซึ่งพบการติดเชื้อในสถานประกอบการ โรงงาน และชุมชนในกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิด ทั้งนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากสัปดาห์นี้จะมีการผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศระบบ Test &Go
สำหรับผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ แบ่งเป็น ผู้สัมผัสที่ไม่ใกล้ชิด และผู้สัมผัสใกล้ชิด ซึ่งกลุ่มนี้ยังแบ่งเป็น สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ และสัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง โดยผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง คือ ผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือใส่ไม่ถูกต้อง รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่สวมชุดป้องกัน และมีการสัมผัส 3 กรณี คือ 1.ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อหรือเข้าข่ายว่าติดเชื้อตั้งแต่วันที่เริ่มป่วยหรือ 3 วันก่อนเริ่มป่วย
2.อยู่ใกล้หรือพูดคุยกับผู้ติดเชื้อในระยะ 2 เมตรนานกว่า 5 นาที หรือถูกไอจามใส่
3.อยู่ในสถานที่ปิด ไม่มีอากาศถ่ายเทมากนัก ร่วมกับผู้ป่วยนานกว่า 30 นาที โดยแนวปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง เรียกว่ามาตรการ "7+3" คือกักตัวที่บ้าน 7 วัน สังเกตอาการตนเองอีก 3 วัน และตรวจ ATK 2 ครั้ง จากเดิมให้กักตัว 14 วัน แต่เนื่องจาก "โอมิครอน" มีระยะฟักตัวค่อนข้างสั้น ประกอบกับมีการตรวจหาเชื้อด้วย ATK และ RT-PCR กระจายทั่วถึงทั้งประเทศ และฉีดวัคซีนครอบคลุมทั้งประเทศมากกว่า 70% จึงช่วยให้พิจารณาลดระยะกักตัวลงเหลือ 7 วันและสังเกตอาการ 3 วันได้
ทั้งนี้ 10 ขั้นตอนการดูแลตนเองหากเข้าข่ายผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง คือ
1.ตรวจสอบอาการตนเองหรือเช็กประวัติการสัมผัสใกล้ชิด หากสัมผัสมาเกิน 10 วันถือว่าพ้นความเสี่ยง แต่หากอยู่ในช่วง 10 วัน ต้องดูว่าใกล้ชิดจากอะไร 2.ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention ป้องกันตนเองสูงสุด เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา 100%
3.กักตัวเองที่บ้าน แยกเครื่องใช้ส่วนตัว สำรับอาหาร ไม่คลุกคลีใกล้ชิด งดทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว และแจ้งทุกคนที่บ้านทราบ หากไม่สามารถแยกห้องนอนได้ ให้เว้นพื้นที่นอนมากขึ้น
4.ตรวจหาเชื้อด้วย ATK ครั้งที่ 1 ในช่วงวันที่ 5-6 หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อครั้งสุดท้าย
5.หากผลเป็นลบให้กักตัวเองที่บ้านจนครบ 7 วัน 6.เฝ้าระวังสังเกตอาการ 3 วัน สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เลี่ยงการออกนอกบ้าน กรณีจำเป็นต้องไปทำงานหรือออกนอกบ้าน ให้เลี่ยงการใช้สถานที่สาธารณะและขนส่งสาธารณะงดร่วมกิจกรรมกับกลุ่มคนจำนวนมาก
7.ตรวจ ATK ครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 นับจากวันสุดท้ายที่สัมผัสผู้ป่วยหรือกลับจากสถานที่เสี่ยง
8.หากผลเป็นลบจะจบขั้นตอนมาตรการ 7+3
9.หากผลตรวจ ATK เป็นบวก กรณีไม่มีอาการป่วยหรือป่วยเล็กน้อยให้โทร 1330 สปสช. จะมีการปรับให้เป็นการแยกกักที่บ้าน รับเครื่องตรวจวัดออกซิเจน ยาฟาวิพิราเวียร์ มีผู้ประสานโทรติดตามอาการป่วย 10.หากมีอาการป่วย เช่นไอ หอบเหนื่อย หายใจไม่ออก แน่นหน้าอกมาก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ให้โทรประสานผู้ติดตามอาการ หรือประสานพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา
"สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติไม่ให้ตนเองเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง โดยขอให้แยกรับประทานอาหาร สวมหน้ากากตลอดเวลา สถานที่ทำงานทำตามมาตรการ VUCA ฉีดวัคซีนครบ ป้องกันตนเองทุกครั้ง ร้านค้า สถานประกอบการใช้มาตรการ COVID Free Setting และตรวจ ATK เป็นประจำทุกสัปดาห์" นพ.จักรรัฐ กล่าว
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|