กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ เผยข้อมูลผ่านเพจเฟสบุ๊ค ระบุ โรคระบาดใหญ่ไวรัสโควิด-19 ผ่านมา 2 ปี กว่าแล้ว ยังไม่ทีท่าจะจบลง มีบางคนติดเชื้อหายแล้ว ติดเชื้อซ้ำอีก ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ เชื้อที่เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่สายพันธุ์อู่ฮั่นของประเทศจีน สายพันธุ์ G สายพันธุ์แอลฟา เดลตา และโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยBA.1,BA.2 ล่าสุด BA.4,BA.5 เชื้อสายพันธุ์ใหม่สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อตามธรรมชาติจากสายพันธุ์เดิม
ผู้ป่วยหญิงอายุ 52 ปี ปกติแข็งแรงดี มีโรคประจำตัว ปวดข้อ และมีผื่น แต่ไม่รุนแรง สงสัยเป็นโรคภูมิแพ้ตนเอง SLE กินยาสเตียรอยด์ เพรดนิโซโลนขนาดต่ำ 5 มิลลิกรัมวันละครั้ง
ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งแรกวันที่ 18 เมษายน 2564 มีอาการแสบคอ ครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ ไอ เอกซเรย์สงสัยปอดอักเสบ ยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR SARS-CoV-2 ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ดีขึ้น ติดเชื้อครั้งนั้นคงเป็นเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา
หลังจากติดเชื้อครั้งแรก ผู้ป่วยได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดทั้งหมด 3 เข็ม ซิโนแวค แอสตร้าเซเนกา และไฟเซอร์เข็มสุดท้ายเดือนมกราคม 2565
ติดเชื้อไวรัสโควิดครั้งที่ 2 31 มีนาคม 2565 มีอาการแสบคอ ปวดเมื่อยตัว ไม่มีไข้ ไม่ไอ ยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR SARS-CoV-2 ไม่ได้กินยาต้านไวรัส หายเอง ครั้งนั้นคงเป็นเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2
ล่าสุดติดเชื้อไวรัสโควิดครั้งที่ 3 ต้นเดือนกรกฎาคม 2565 มีอาการเจ็บคอ ปวดเมื่อยตัว มีน้ำมูกเล็กน้อย ไม่ไอ ไม่มีไข้ ยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR SARS-CoV-2 ไม่ได้กินยาต้านไวรัส กำลังดีขึ้น ครั้งนี้คงเป็นเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5
ผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ช่วยพยาบาลทำงานที่ห้องฉุกเฉิน ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคโควิดตลอดเวลา และเนื่องจากกินยาสเตียรอยด์ ภูมิคุ้มกันไม่ดีเหมือนคนทั่วไป ทำให้ติดเชื้อแล้วติดเชื้ออีกถึง 3 ครั้ง แม้จะได้รับวัคซีนครบโดสและเข็มกระตุ้นแล้วก็ตาม หลังจากหายครั้งนี้ ต้องให้วัคซีนเข็มกระตุ้นชนิด mRNA อีก 1 เข็ม
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|