กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
แพทย์ เตือน กินน้ำซุปโซเดียมสูง เสี่ยงป่วยไตวาย เสียชีวิตก่อนวัยอันควร สสส. สานพลัง เครือข่ายลดบริโภคเค็มปลุกกระแสสังคม ผุดโครงการรณรงค์ “ลดเค็ม ลดโรค” ขยายชุมชน-มหาวิทยาลัย ชวนปรับพฤติกรรม “ลดซด ลดปรุง ลดอาหารแช่แข็ง” ตัดตอนโรค NCDs
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายลดบริโภคเค็ม เปิดตัวโครงการลดเค็ม ลดโรค รณรงค์ให้คนไทยเห็นภัยร้ายจากการกินโซเดียมเกินมาตรฐาน โดย น.ส.สุพัฒนุช สอนดำริห์ ผู้อำนวยอาวุโสสำนักสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม สสส. กล่าวว่า น่าตกใจที่พบคนไทยส่วนใหญ่ กินโซเดียมเฉลี่ยอยู่ที่ 3,636 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งมากกว่าเกือบ 2 เท่า จากเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำคือ ไม่ควรกินโซเดียมเกินวันละ 2,000 มิลลิกรัม เป็นปัจจัยที่ทำให้คนไทยเสี่ยงป่วยในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดสมองตีบตัน ความดันโลหิตสูง ไตวาย รวมถึงโรคเรื้อรังชนิดอื่น สร้างความสูญเสียทางสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร สสส. จึงสานพลัง ภาคีเครือข่าย จุดประกายสังคมให้ตระหนักถึงภัยร้ายและภัยเงียบจากโซเดียมที่ซ่อนในมื้ออาหารจากการปรุงรสชาติ การซดน้ำแกง น้ำผัด น้ำซุป และอาหารแช่แข็ง อาหารกึ่งสำเร็จรูปเพื่อปรับพฤติกรรมการกิน ให้นึกถึงสุขภาพมากขึ้น
น.ส.สุพัฒนุช กล่าวต่อถึง โครงการลดเค็ม ลดโรค ว่าเกิดขึ้นจากการวิเคราะห์โจทย์หลายอย่างในชีวิตประจำวัน เช่นคนไทยส่วนใหญ่ชอบกินน้ำซุปทุกมื้ออาหาร จากแกงจืด ก๋วยเตี๋ยว ต้มยำ พะโล้ และอาหารประเภทต้ม โดยไม่รู้ว่าน้ำซุปที่กินเข้าไปเป็นอันตราย เนื่องจากมีโซเดียมซ่อนอยู่ทั้งในวัตถุดิบต่างๆและน้ำซุป รวม 1,400 – 1,500 มิลลิกรัม/ชาม หากกินหมดชามแถมซดน้ำซุปจนเกลี้ยง เท่ากับ1 มื้อ ร่างกายได้รับโซเดียมเกือบถึงเกณฑ์ใน 1 วันแบบไม่รู้ตัวขนาดยังไม่ได้รวมกับมื้ออื่นๆ เลย จึงเป็นที่มาของการรณรงค์ในครั้งนี้ ภายใต้สโลแกน “ลดซด ลดโซเดียม ลดเค็มลดโรค” เพื่อสื่อสารให้คนไทยปรับพฤติกรรมการกินและเห็นถึงภัยร้ายจากโซเดียม ลดการซดน้ำซุป น้ำผัด น้ำแกงน้ำยำ ในแต่ละมื้ออาหาร ให้น้อย ติดตามได้ทางสื่อโทรทัศน์ ออนไลน์ และเฟซบุ๊กแฟนเพจ ลดพุง ลดโรค
“การดูหรือสังเกตอาหารที่กินว่ามีโซเดียมมากน้อยแค่ไหน ยากกว่าการดูเรื่องความหวาน เพราะที่มาของโซเดียมเห็นไม่ชัด ถ้าเป็นความหวานแค่เห็นใส่น้ำตาล น้ำผึ้ง นมข้น ก็รู้ว่าหวานมาก หวานน้อยแล้ว แต่ถ้าพูดถึงโซเดียม เราไม่รู้ว่าสิ่งที่กินไปมีโซเดียมเท่าไหร่ เพราะโซเดียมมีทั้งที่เค็มและไม่เค็ม นี่คือคีย์เวิร์ดสำคัญที่ สสส. ต้องการณรงค์ผ่านการปรับพฤติกรรมในโครงการลดเค็ม ลดโรค นอกจากการลดซดน้ำซุป อยากสื่อสารไปถึงการลดปรุง และลดอาหารแช่แข็ง โดยอยากให้ทดลองปรับพฤติกรรมต่อเนื่องใน 21 วัน ก็จะช่วยให้ลิ้นปรับความไวในการรับรสชาติก็จะกินเค็มให้น้อยลงได้ ชวนทุกคนร่วมกัน ลดซด ลดปรุง ลดอาหารแช่แข็ง เพื่อสุขภาวะที่ดี” น.ส.สุพัฒนุช กล่าว
รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ อาจารย์ประจำสาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวว่า โซเดียมและการกินเค็มเป็นภัยเงียบ อาจไม่เห็นผลเสียทันที ยกเว้นคนที่ไวต่อการกินเค็มเช่น ผู้สูงอายุ หรือคนที่มีโรคประจำตัว จะมีอาการตาบวม ขาบวม ความดันโลหิตขึ้น ปวดหัว หิวน้ำบ่อย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ปัจจุบันพบคนไข้ป่วยเป็นโรคไตหรือไตวายอายุน้อยลงอยู่ที่ 35 – 40 ปี จากเดิมที่อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 50 – 60 ปี มีผลจากวัฒนธรรมการกินของคนไทยที่เปลี่ยนไป นิยมอาหารสำเร็จรูป บุฟเฟ่ต์ ปิ้งย่าง หมูกระทะ อาหารญี่ปุ่น-เกาหลี ที่มีรสเค็มจัดจากการหมักดองเกลือ หรือใส่เครื่องปรุงจำนวนมาก เมื่อกินสะสมบ่อยๆ จึงติดรสเค็มแบบไม่รู้ตัวอีกปัจจัยคือการกินเค็มตั้งแต่เด็ก เช่น ขนมกรุบกรอบ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊กซอง-ถ้วย อาหารพวกนี้มีโซเดียมสูง แม้กระทั่งอาหารที่ผู้ปกครองปรุงเอง แต่ใช้ความเค็มสูง เมื่อเด็กที่น้ำหนักตัวน้อยกิน ก็ทำให้บริโภคโซเดียมเกินเกณฑ์เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ลิ้นจะติดเค็ม มีผลทำให้เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เร็วขึ้น
รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า อาหารที่กินแต่ละวัน ผู้บริโภคมักคิดว่าอาหารที่เค็มจะมีโซเดียมสูง เพราะปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว น้ำมันหอย น้ำพริก ปลาร้า และซอสหรือผงปรุงรสอื่นๆ แต่ทางการแพทย์พบว่ามีโซเดียมที่ไม่เค็มคือ โมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG) หรือ ผงชูรส แต่มีผลต่อสุขภาพไม่ต่างกัน เปรียบเทียบง่ายๆ การกินก๋วยเตี๋ยว น้ำซุปที่ร้านค้าปรุงจะใส่ซุปก้อนสำเร็จรูป ผงชูรส ซีอิ๊ว ซอสปรุง ในน้ำจะมีโซเดียม 60 – 70% ขณะที่เส้น ผัก เนื้อสัตว์ มีโซเดียมไม่ถึง 30 – 40% แม้ความอร่อยจะอยู่ในน้ำซุป แต่เป็นความอร่อยที่แฝงไปด้วยภัยเงียบ แนะนำว่าหากหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูงไม่ได้ ต้องเลือกกินเฉพาะเนื้อสัตว์ ผัก ลดการซดน้ำให้น้อยที่สุด ไม่ได้ห้ามซด แต่กินในปริมาณที่พอดี ไม่ว่าจะเป็นซุปน้ำใส น้ำข้น หรือแกงชนิดอื่นๆ เพราะปัจจุบันพบว่าร้านค้ามากกว่า 95% ใช้ผงปรุงรสสำเร็จรูปมากกว่าเคี่ยวน้ำซุปด้วยผักหรือเนื้อสัตว์ เพราะมีต้นทุนที่ถูกกว่า
“ตั้งเป้าทำชุมชนลดเค็ม 73 จังหวัด ในปี 2566 ร่วมมือกับ สสส. รณรงค์ประชาชนให้กินเค็มน้อยลง ลดผงชูรส ลดเครื่องปรุง ลดซดน้ำแกง และติดตามปริมาณโซเดียมในอาหาร โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว จะติดตามว่ากินเค็มมากน้อยแค่ไหน ด้วยการใช้เครื่องวัดความเค็ม มีอาสาสมัครชุมชนดูแล และจะทำพื้นที่นำร่องมหาวิทยาลัยลดเค็ม ที่ม.มหิดล จะแถลงข่าวเปิดตัววันที่ 7 ก.พ. 2566 ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พร้อมเปิดตัวแคมเปญลดเค็มลดโรค ลดซด ลดปรุง ร่วมกับชุมชนลดเค็มทั่วประเทศ พบกับการสาธิตปรุงอาหารลดโซเดียม โครงการนี้จะขยายไปร้านอาหารทั่วประเทศ แจกตัวติดกระจก ลดเค็มสั่งได้ ลดเค็มทำได้ และแผ่นพับสามเหลี่ยม ลดเค็ม ลดโรคบนโต๊ะอาหารร้านที่ร่วมโครงการ เพื่อกระตุ้นให้คนไทยปรับพฤติกรรมการกินอีกทาง” รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าว
ที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|