กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
พื้นน้ำทะเลเป็น 71% ของเนื้อที่ทั้งหมดของผิวโลก แต่จนถึงปัจจุบัน บริเวณโลกใต้ทะเลที่มนุษย์ได้ทำการสำรวจแล้วมีเพียง 5% และอีก 95% ยังไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรบ้าง วันนี้ เลยนำเกร็ดความรู้ ต่างๆ ในเรื่องของท้องทะเล มหาสุมทร มาฝากครับ
1. ยังมีพื้นที่ของมหาสมุทรที่ยังไม่ถูกสำรวจอีกราวๆ 95%
ว่ากันว่ามนุษย์เราสำรวจไปได้เพียง 5% เท่านั้น เท่ากับว่ายังเหลือปริศนาอีกมากมายในท้องทะเลแสนกว้างนี้
2. ใต้ท้องทะเลยังมีทองอยู่อีก 20 ล้านตัน
จากการสำรวจพบว่าใต้ท้องทะเลยังมีแร่ทองอยู่มากกว่า 20 ล้านตัน แต่สาเหตุที่ไม่ขุดขึ้นมาเพราะส่วนใหญ่ติดอยู่กับหินแล้วก็ต้องดำไปลึก
3. Mariana Trench จุดที่ลึกส่วนหนึ่งของโลก
Mariana Trench หรือร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา จุดที่ลึกที่สุดที่มีการค้นพบเรียกว่า Challenger Deep มีความลึกกว่า 10,900 เมตรจากระดับน้ำทะเล ลึกขนาดที่ว่าหากเรานำตึกที่สูงที่สุดในโลกเบิร์จ คาลิฟามาซ้อนกันต้องใช้ถึง 14 ตึก
4. The Bloop เสียงแห่งตำนานจากท้องทะเล
ในปี 1997 องค์กรสมุทรศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกาได้จับคลื่นสัญญาณจากมหาสมุทรแปซิฟิกได้ เป็นเสียงคลื่นได้ยาวติดต่อกันเกือบ 1 นาทีและดังไกลกว่า 5,000 กิโลเมตร ตอนแรกมีการตั้งข้อสงสัยกันว่า มาจากเสียงของสัตว์ที่ใหญ่กว่าวาฬสีน้ำเงินหลายเท่า แต่ภายหลังก็มีข้อสรุปกันว่าน่าจะมาจากเสียงของภูเขาน้ำแข็ง
5. ทะเลเป็นแหล่งออกซิเจนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ทะเลนั้นถือเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกซิเจนในอากาศที่เราหายใจมากกว่า 70% มาจากสาหร่ายเซลล์เดียวหรือแพลงก์ตอนนั่นเอง
เครดิต https://www.sanook.com/campus/1411139/
5 การค้นพบครั้งสำคัญใต้มหาสมุทร
1.ชิ้นส่วนเครื่องยนต์จากยาน Apollo 11
หลังจากจรวดขนส่งอวกาศลำแรกของโลกในโครงการ Apollo 11 พามนุษย์เหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรก เครื่องยนต์ F-1 ที่ติดตั้งอยู่กับจรวด Saturn V ในโครงการ Apollo ก็ได้จมลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกภายใต้ความลึก 14,000 ฟุต ก่อนหน้า นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) เหยียบดวงจันทร์เพียงไม่กี่วัน
ชายผู้ค้นพบสิ่งประดิษฐ์อันน่าทึ่งนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก "เจฟฟ์ เบโซส์ (Jeff Bezos)" ผู้ก่อตั้ง Amazon.com เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอันดับ 1 ของโลก ผู้ซึ่งให้ทุนสนับสนุนการปฏิบัติการสำรวจใต้น้ำ ภายใต้โครงการเบโซส์เอกซ์พีเดชันส์ (Bezos Expeditions)
ในการสำรวจด้วยเทคโนโลยีตรวจจับวัตถุใต้น้ำ (Sonar) ทีมสำรวจค้นพบเครื่องยนต์ F-1 ทั้งหมด 5 ชิ้น สามารถกู้ขึ้นได้ 2 ชิ้น เครื่องยนต์เหล่านี้เผาไหม้เพียงไม่กี่นาทีหลังจากส่ง Saturn V ขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นได้ร่วงล่นสู่ใต้มหาสมุทรแอตแลนติก ตามที่องค์กรนาซ่า (NASA) คาดการณ์ไว้
แม้กาลเวลาจะผ่านไปกว่า 40 ปี เครื่องยนต์ F-1 ก็ยังจัดเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังด้วยแรงขับเคลื่อน 32 ล้านแรงม้า และการเผาไหม้น้ำมันก๊าดและออกซิเจนเหลว 6,000 ปอนด์ทุกวินาที เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่ของมนุษย์อีกชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้
2.พีระมิดปริศนา
ใต้พื้นน้ำบริเวณเกาะโยนากุนิ (Yonaguni) ทางตะวันตกของญี่ปุ่น โครงสร้างหินขนาดใหญ่รูปทรงสามเหลี่ยมคล้ายพีระมิด ความยาวกว่า 50 เมตร กว้าง 20 เมตร ตั้งอยู่อย่างลึกลับ จนถึงปัจจุบันยังคงเป็นปริศนาว่า สิ่งที่ปรากฏอยู่นี้คือเศษซากอารยธรรมของคนโบราณ หรือความบังเอิญที่ธรรมชาติสร้างขึ้นกันแน่ ?
โครงสร้างหิน หรือที่เรียกว่า "อนุสรณ์โยนากุนิ (Yonaguni Monument)" ถูกค้นพบโดยชายชาวญี่ปุ่น นามว่า คิฮาชิโระ อาระทาเกะ ครูสอนดำน้ำท้องถิ่น ที่ได้ออกสำรวจชายฝั่งเพื่อเสาะหาแลนด์มาร์กสำหรับการท่องเที่ยวแห่งใหม่ แล้วบังเอิญไปเจอเข้ากับโครงสร้างหินรูปร่างคล้ายวิหารขนาดมหึมา จึงได้ติดต่อให้เหล่านักธรณีวิทยาท้องทะเลเข้ามาสำรวจหาที่มาที่ไป
มีนักวิชการจำนวนไม่น้อยสันนิษฐานว่ามันคือสิ่งปลูกสร้างของคนโบราณ มากกว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หนึ่งในนั้นคือ มาซาอากิ คิมูระ (Masaaki Kimura) นักธรณีวิทยาท้องทะเล ที่ได้ดำน้ำสำรวจด้วยตนเองนานนับสิบปี และเชื่อว่าสิ่งนี้คือเศษซากเมืองโบราณอายุราว 5 พันปี ที่จมสู่ท้องทะเลจากสินามิเมื่อปี ค.ศ. 1717 พิสูจน์ได้จากร่องรอยการแกะสลักตัวอักษร หรือรูปแกะสลักที่ยากจะเชื่อว่าเป็นฝีมือของธรรมชาติ
ในขณะเดียวกันนักวิชาการคนอื่น ๆ ก็ได้ลงความเห็นว่า มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแน่นอน เพราะหากเทียบเคียงอายุของโครงหินนี้ มีมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง (Iced age) ซึ่งแน่นอนว่าในหน้าประวัติศาสตร์ไม่ปรากฏว่ามีอารยธรรมใดในยุคนั้น มีเทคโนโลยีหรือความสามารถมากพอที่จะสร้างวิหารใหญ่โตขนาดนี้ได้
3.เมืองโบราณที่(เคย)หายสาบสูญ
เกือบ 1200 ปี มาแล้วที่ "เมืองเฮราคลีออน (Heracleion)" เมืองท่าอันรุ่งเรื่องที่ปรากฏอยู่ในบันทึกของเฮโรโดตัสได้สูญหายไป และในปี ค.ศ 2000 มันถูกค้นพบอีกครั้งที่ใต้น้ำลึกลงไป 30 ฟุต บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ ห่างจากเมืองอเล็กซานเดรียไป 30 กิโลเมตร
จากการสำรวจบริเวณรอบเมืองโบราณ ได้มีการค้นพบของล้ำค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น เหรียญทองคำ เครื่องประดับ อัญมณี หรือซากเรือหลายลำ ที่บ่งบอกถึงฐานะของคนในเมืองได้เป็นอย่างดี ตรงกันกับคำบอกเล่าในพงศวดารบางเล่ม ที่ระบุไว้ว่าเฮราคลีออนเป็นเมืองท่าที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งของอียิปต์ โดยเหล่านักวิชาการเชื่อว่าเมืองท่าแห่งนี้จมสู่ก้นบึ้งมหาสมุทรอย่างฉับพลัน ผู้คนจึงทิ้งสิ่งของมีค่าเอาไว้มากมาย
นอกจากนี้ยังพบหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของเมืองนี้ คือ ศิลาดำ หรือ Stele of Thonis-Heracleion ศิลาโบราณสูง 1.9 เมตร เต็มไปด้วยอักษรเฮียโรกลิฟิก มีใจความถึงการมาเยือนของฟาโรห์นัคเตเนโบที่ 1 (Nectanebo I) เพื่อเรียกเก็บภาษีจากเรือสำเภาพานิยช์ที่เข้ามาเทียบท่ายังเมืองเฮราคลีออน แสดงให้เห็นถึงการเป็นเมืองท่าที่สำคัญในยุคนั้น
4.แม่น้ำที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นน้ำ
“Cenote Angelita” หรือที่นิยมเรียกกันว่า “แม่น้ำใต้น้ำ ("Underwater River)” ถือเป็นอีกหนึ่งการค้นพบที่ชวนให้ประหลาดใจ เพราะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่บนโลกจะมีแม่น้ำอยู่ในน้ำอีกที ซึ่งมันมีอยู่จริงลึกลงไปใต้พื้นน้ำ บริเวณคาบสมุทรยูคาตัน (Yucatan Peninsula) ระหว่างทะเลแคริบเบียนและอ่าวเม็กซิโกทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเม็กซิโก
แม้มองด้วยตาเปล่าจะเหมือนแม่น้ำสายหนึ่ง แต่ Cenote Angelita เป็นร่องหลุมขนาดใหญ่ ที่มีการปะปนกันระหว่างน้ำจืดและน้ำเค็มหลายชั้น ส่วนสิ่งที่เหมือนเส้นทางน้ำที่มีหมอกปกคลุมนั้น แท้จริงแล้วเป็นกลุ่มก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือ ก๊าซไข่เน่าสุดเข้มข้น (หากสูดดมเข้าไปนาน ๆ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต!) เกิดจากการทับถมและย่อยสลายของซากสิ่งมีชีวิตที่สะสมอยู่ที่ก้นหลุมจำนวนมาก จนเกิดเป็นชั้นหมอกหนาไหลโค้งไปตามเส้นทาง ประกอบกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้ใบหญ้าและเนินดิน มองเผิน ๆ ที่แห่งนี้จึงเหมือนแม่น้ำสายหนึ่งนั่นเอง
5.ปืนใหญ่โจรสลัดแบล็กเบียร์ด
ใต้ท้องมหาสมุทรนอกชายฝั่งนอร์ทแคโรไลนา ซากปืนใหญ่ยาวแปดฟุตจำนวน 5 กระบอกนอนก้นอยู่ ปืนใหญ่เหล่านี้มีอายุถึง 300 ปี และมีการสันนิษฐานว่าเป็นส่วนหนึ่งของเรือโจรสลัดในตำนาน The Queen Anne’s Revenge เรือประจำกายของโจรสลัดแบล็กเบียร์ด หรือ ไอ้เคราดำ
การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันระหว่างทีมนักวิทยาศาสตร์ กรมทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งนอร์ทแคโรไลนา ร่วมกับหน่วยยามชายฝั่ง ที่ได้ทำการกู้ซากปืนใหญ่จำนวน 5 กระบอก น้ำหนักกว่า 2,000 และ 3,000 ปอนด์ขึ้นสู่ผิวน้ำ ซึ่งจัดว่าเป็นปืนใหญ่ที่ขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เก็บกู้มา และคาดว่าน่าจะผลิตในประเทศสวีเดน เช่นเดียวกับปืนใหญ่อีก 40 กระบอกที่กู้คืนแล้ว โดยปืนใหญ่ทั้ง 5 มีแนวโน้มที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์การเดินเรือนอร์ธแคโรไลนาในเมืองโบฟอร์ต ในส่วนของคลังเก็บโบราณวัตถุเพื่อการศึกษาเรียนรู้ต่อไป
เครดิต https://www.altv.tv/content/pr/61d79ff4652f3ccbe2c9a552
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|