พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. กล่าวว่า ราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2551 เพิ่มข้อบังคับใน (9) มาตรา 43 ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งกฎหมายดังกล่าวกำหนดห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ เว้นแต่ใช้อุปกรณ์เสริม
ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับตั้งแต่ 400-1 พันบาท โดยมีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ออกประกาศคือ ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวอีกว่า ได้ปรึกษาแล้วกับ พล.ต.ต.วิษณุ ม่วงแพรสี ผบก.ตำรวจจราจร ได้ข้อสรุปแนวทางบังคับใช้ผู้ขับขี่ โดยมีเกณฑ์ปฏิบัติคือ หากตำรวจจราจรใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ หรือขี่จักรยานยนต์จะจับกุมทันที เพราะเป็นเหตุซึ่งหน้า
นอกจากนี้ยังเตรียมจัดซื้อกล้องถ่ายภาพดิจิตอลขนาดเล็กมอบให้ตำรวจจราจร 88 สน.ทั่วกรุงเทพฯ ประมาณ 3 พันนาย ไว้ใช้บันทึกภาพผู้ฝ่าฝืนขณะตั้งด่านตรวจบนถนน คาดต้องใช้งบประมาณ 5 ล้านบาท
"ในทางปฏิบัติยังอนุโลม ให้ตำรวจจราจรใช้กล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพผู้ฝ่าฝืน ใช้โทรศัพท์มือถือไว้เป็นหลักฐานและนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ท้องที่ เพื่อออกหมายเรียกผู้ต้องหาได้ถึงบ้านและนำตัวมาดำเนินคดี ได้ในภายหลังแม้จะขับรถหลบหนีไปได้" พล.ต.ต.ภาณุ กล่าว
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้กำชับสารวัตรจราจรทั้ง 88 สน.ให้เร่งประชาสัมพันธ์ไม่ให้ ผู้ขับขี่ฝ่าฝืนก่อนจะเริ่มกวดขัน จริงจัง อยากให้ประชาชนเคารพกฎหมายไม่ต้องคอยหลบหลีกเจ้าหน้าที่ เพียงแค่ใช้อุปกรณ์เสริม เช่น บลูทูธ หรือสมอลทอล์กไม่อยากให้ต้องถูกจับกุม แต่ตำรวจ ขอให้มีจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากกว่า
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต