กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
โดย ผู้จัดการออนไลน์ |
15 กุมภาพันธ์ 2551 14:12 น. |
|
ในวันนี้เขตเมืองซาปา (Sapa) กลายเป็น "สวิตเซอร์แลนด์" ไปแล้ว หิมะคลุมยอดเขา น้ำค้างแข็งเกาะไปทั่ว อุณภูมิลบ 5-10 องศาเซลเซียส ในบางพื้นที่ลดลงถึง -15 ในวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) ที่ผ่านมา |
|
|
หิมะกับน้ำค้างแข็งที่ปกคลุมในเขตเขาภาคเหนือมานานแรมเดือน กำลังก่อความวิบัติแก่ราษฎรเวียดนามหลายล้านคน ขณะที่รายงานในเบื้องต้นจากท้องถิ่นต่างๆ พบปศุสัตว์ล้มตายไปแล้วนับหมื่นตัว จำนวนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นาข้าวได้รับความเสียหายอีกกว่า 400,000 ไร่
หิมะกับน้ำค้างแข็งได้ปกคลุมทั่วเทือกเขาหว่างเลียนเซิน (Hoang Lien Son) รวมทั้งในเขตเมืองซาปา (Sapa) ในวันนี้หิมะได้ทำให้เมืองปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีทัศนียภาพสวยงามกับสภาพโดยรอบ กลายเป็น "สวิตเซอร์แลนด์"
ที่นั่นอยู่ใน จ.ล่าวกาย (Lao Cai) ติดเขตแดนมณฑลหยุนหนัน (Yunnan) ของจีน ซึ่งอุณหภูมิโดยเฉลี่ยทั่วไปจะติดลบ 5-10 องศาเซลเซียส นับเป็นสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 40 ปี
ความหนยาวเย็นยังแผ่คลุมหายจังหวัด เกิดหิมะตกคลุมยอดเขาและน้ำค้างแข็งเกาะตามยอดในเขตหุบเขาในเขต จ.กาวบ่าง (Cao Bang) ติดชายแดนมณฑลหยุนหนันกับมณฑลกว่างซี (Guangxi) มีสัตว์เลี้ยงพวกวัวควายล้มตายไปแล้วกว่า 9,000 ตัว นาข้าวกับพืชเศรษฐกิจหลายชนิดเสียหายหนัก
ใน จ.ล่าวกายเพียงแห่งเดียวมีวัวควายล้มตายไปกว่า 1,000 ตัว ซึ่งกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทกล่าวว่า เป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา |
|
ความหนาวเย็นระดับนี้ ถ้าหากลากยาวต่อไปอีกจนถึงเดือนข้างหน้า คงยากที่ต้นไม้เมืองร้อนชนิดใดจะอยู่รอดได้ เจ้าหน้าที่เวียดนามกล่าวว่าภูมิอากาศวิปริตที่สุดในรอบ 40 ปี |
|
|
มีรายงานเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงล้มตายอีกกว่า 2,000 ตัวใน จ.โห่วยาง (Hau Giang) ที่ระหว่างล่าวกายกับกาวบ่าง อีกเกือบ 1,500 ตัวใน จ.เซินลา (Son La) ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือติดชายแดนแขวงหัวพันของลาว อีกประมาณ 1,000 ตัว ใน จ.ลางเซิน (Lang Son) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือติดมณฑลกว่างซี
นายกาวดึกฟ๊าต (Cao Duc Phat) รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทได้เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ก.พ.) ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟง (Tien Phong)
อากาศหนาวเย็นได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่นาข้าวฤดูใบไม้ผลิในภาคเหนือของประเทศ กระทรวงเกษตรฯ ได้แจ้งให้ชาวนานเกษตรกรหยุดการออกไปเก็บเกี่ยวข้าวภายใต้อุณหภูมิข้างนอกที่ลดต่ำลงถึงลบ 15 (-15) องศาเซลเซียสในบางท้องที่
นายเหวียนจิหง็อก (Nguyen Tri Ngoc) แห่งกรมกสิกรรมกระทรวงเกษตรฯ กล่าวในรายงานชิ้นหนึ่งว่า อากาศหนาวเย็นได้สร้างความเสียหายแก่นาข้าวที่ต้นข้าวกำลังท้องแก่รวมประมาณ 53,000 เฮกตาร์ (331,200 ไร่) และ ข้าวที่กำลังออกรวงถูกทำลายไปเป็นเนื้อที่ประมาณ 5,000 เฮกตาร์ (ราว 31,000 ไร่เศษ) |
|
เกษตรกรครอบครัวนี้อยู่ใน จ.แท็งฮว๊า (Thanh Hoa) ที่อยู่ใต้กรุงฮานอยลงมา ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ช่วยเหลือเยียวยาควายที่ล้มป่วยลง ขณะที่รายงานเบื้องต้นพบวัวควายล้มตายไปแล้วนับหมื่น |
|
|
ตามรายงานของวีเอ็นเอ (Vietnam News Agency) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของทางการ ความเสียหายต่อนาข้าวครอบคลุมพื้นที่ 16 จังหวัดในภาคเหนือลงไปจนถึงเขตอู่ข้าวอู่น้ำที่ราบปากแม่น้ำแดง คือ จ.หายซเวือง (Hai Duong) ถายบิ่ง (Thai Binh) ฟุเถาะ (Phu Tho) ฮุงเอียน (Hung Yen) ห่านาม (Ha Nam) บั๊กซยาง (Bac Giang) จนถึงเขตนครหายฟ่อง (Hai Phong)
นายหง็อกได้กล่าวโทษความเสียหายครั้งนี้ว่าเกิดจากชาวนาเพิกเฉยต่อเสียงเตือนของทางการก่อนหน้านี้ให้ต้องรีบเก็บเกี่ยวข้าวที่แก่แล้ว พร้อมทั้งได้เตือน อีกครั้งให้ทุกครบครัวที่ประสบความเสียหายเตรียมปลูกพืชเศรษฐกิจหลายชนิดที่ใช้เวลาสั้นๆ ต่อไปเมื่ออากาศเลวร้ายทุเลาลง
ชาวนาในหลายจังหวัดกำลังเริ่มปลูกข้าวนาปรัง จำต้องใช้ผ้าพลาสติกคลุมต้นกล้าที่ยังอ่อนให้อบอุ่น ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดน้ำค้างแข็งสร้างความเสียหาย
อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟงกล่าวว่า ความเสียหายไม่ได้จำกัดอยู่ในจังหวัดภาคเหนือ แต่กำลังแผ่ลามกว้างลงไปถึงภาคกลางตอนล่าง และ ตัวเลขที่รวบรวมจากทางการท้องถิ่นต่างๆ จนถึงวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้พบว่านาข้าวเสียหายไปแล้วถึง 71,000 เฮกตาร์ (443,700 ไร่เศษ)
ใน จ.แท็งฮว๊า (Thanh Hoa) ที่อยู่ใต้กรุงฮานอยลงไป นาข้าวได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ 25,000 เฮกตาร์ และ จ.เหงะอาน (Nghe An) ที่อยู่ถัดลงไปเสียหายเป็นอันดับ 2 รวม 10,400 เฮกตาร์ |
|
นี่ไม่ใช่ "การทำนาแผนใหม่" หากแต่เกษตรกรใน จ.ห่าไต (Ha Tay) ทางตะวันตกกรุงฮานอยกำลังพยายามช่วยเหลือต้นกล้าที่เพิ่งจะงอกใหม่ไม่ให้หนาวเย็นจนแข็ง โดยใช้ผ้าพลาสติกคลุมแปลงเพาะปลูกให้เกิดความอบอุ่น |
|
|
ยังมีพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายรวมเนื้อที่อีกนับหมื่นเฮกตาร์ ไม่ว่าจะเป็นถั่วลิสง ถั่งเหลือ จนถึงสวนผักของเกษตรกรครัวเรือนต่างๆ
จนถึงวันที่ 13 ก.พ.มีรายงานปศุสัตว์ล้มตายไปแล้วจำนวน 8,200 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดตอนเหนือของประเทศ และ จำนวนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เตี่ยนฟงกล่าว
อากาศเลวร้ายเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. ก่อนหน้านั้นเคยเกิดอากาศหยาวเย็นจัดเป็นเวลา 26 วันในปี 2511 กับอีก 28 วันในปี 2532 วีเอ็นเอกล่าว.
ขอขอบคุณ-ภาพประกอบจาก VietnamNet |
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|