• องค์กรสตรีรุกแฉ อีก 6 แห่ง มีสมภารกินไก่วัด |
โพสต์โดย ตนข่าว เชียงใหม่ , วันที่ 24 ก.พ. 51 เวลา 12:20:47 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
พฤติกรรมเชิงชู้สาวหรือสมภารกินไก่วัดของข้าราชการ ระดับสูงที่นอกจะกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่เกิดในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และ กทม.แล้ว ยังปรากฏในอีกหลายกระทรวงที่ข้าราชการมีพฤติกรรมเชิงชู้สาวทั้งที่สมยอมกันและถูกกระทำลวนลาม โดยเมื่อวันที่ 23 ก.พ. นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง เปิดเผยว่า มูลนิธิยังได้รับเรื่องร้องเรียนจากข้าราชการอีก 6 หน่วยงาน ซึ่ง หลายกรณีอยู่ระหว่างการดำเนินคดีความ ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งใน กทม. โดยเป็นกรณีที่ถูกหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานคุกคามทางเพศ และบางรายถูกข่มขืนด้วย อย่างที่เกิดขึ้นในกระทรวงสาธารณสุข เป็นกรณีที่แพทย์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาบังคับขืนใจลูกจ้าง ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลในชั้นอุทธรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นเรื่องของครูข่มขืนครู การข่มขืนระหว่างเพื่อนร่วมงาน และครูข่มขืนลวนลามทำอานาจารนักเรียนซึ่งพบมากในจังหวัดทางภาคอีสาน กระทรวงกลาโหมหัวหน้างานข่มขืนลูกน้อง ซึ่งคดีอยู่ระหว่างดำเนินการในชั้นศาล รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ก็มีพฤติกรรมเชิงชู้สาวจำนวนมาก และมีผู้บริหารมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งข่มขืนผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งหลายกรณีข้าราชการหญิงต้องยอมจำนนกับอำนาจของผู้บังคับบัญชา จนกลายเป็นความสัมพันธ์เชิงชู้สาวในที่สุด ขณะนี้ทุกกระทรวงจะต้องถือเรื่องพฤติกรรมชู้สาว หรือหมาหยอกไก่ หรือพระยาเทครัว ไม่ควรให้มีอย่างเด็ดขาด และควรนำพฤติกรรมเหล่านี้ให้มีผลต่อการพิจารณาเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งด้วย
นางสาวสุเพ็ญศรี กล่าวด้วยว่า ทุกภาคีเครือข่ายทางสังคมต้องออกมาเปิดเผยพฤติกรรมทางเพศในวงราชการ และต้องวางระบบและวางกฎเกณฑ์ให้ผู้ใต้บังคับ�บัญชาที่ถูกกดขี่ทางเพศ หรือผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์สามารถส่งข้อมูลทางตรงไปถึงรัฐมนตรี หรือปลัด ผู้บริหารสูงสุด แต่ละแห่ง เพราะหากปล่อยให้ผู้เสียหายดำเนินการเอง ปัญหาแบบนี้ก็อาจจะไม่จบ แต่หากรัฐมนตรีหรือปลัดกระทรวงเป็นผู้กระทำเองเรื่องนี้ก็ต้องสามารถร้องเรียนโดยตรงไปถึงนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดได้
นางสาวสุเพ็ญศรีกล่าวถึงความคาดหวังต่อกระบวน การตรวจสอบกรณี นายวัลลภ พลอยทับทิม ปลัด พม. และบิ๊ก กทม.ว่า กรณีข้าราชการระดับสูง กทม.นั้น ได้ประสานไปแล้ว ขณะนี้กำลังรอการนัดหมายจากทางผู้ว่าราชการ กทม.เพื่อนำหนังสือร้องเรียนไปมอบให้พร้อมเสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางเครือข่ายและองค์กรสตรีไม่ได้ดำเนินการอย่างเป็นทางการ เพราะคำนึงถึงสัมพันธภาพระหว่างหน่วยงาน และก็รอว่าผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดจะดำเนินการอย่างไร แต่ เมื่อเรื่องเงียบหาย ก็ต้องออกมาเคลื่อนไหวและนำเรื่องร้องเรียนและความห่วงใยของข้าราชการส่งให้ผู้บังคับบัญชา อย่างเป็นทางการ ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ก็หวังที่จะเป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้กับสังคม
ด้านนางสุธีรา วิจิตรานนท์ นายกสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้นำหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมชู้สาวของข้าราชการระดับสูงของ กทม. ที่ข้าราชการ กทม.ร้องไปยังมูลนิธิเพื่อนหญิงไปมอบให้กับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการ กทม.แล้ว ทั้งเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2551 ก็ได้รับแจ้งจากนายอภิรักษ์เองว่าได้รับหนังสือร้องเรียนดังกล่าวแล้ว และยังบอกว่า กทม.เคยได้รับข้อร้องเรียนนี้ด้วย แต่หลังจากนั้นตนได้ตรวจสอบข้อมูลกับผู้บริหารใน กทม.หลายคน ทราบว่ายังไม่มีการดำเนินการใดๆ จึงได้นัดหารือกับเครือข่ายองค์กรด้านเด็กและสตรี เพื่อตรวจสอบจริยธรรมทางเพศของผู้บริหารระดับสูง และพันธมิตรกว่า 20 องค์กร ต่างเห็นตรงกันว่าควรจะทำหนังสือไปยื่นถึงนายอภิรักษ์ ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด
ส่วนนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และความมั่นคงของมนุษย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การแต่งงานของนายวัลลภ พลอย�ทับทิม ปลัด พม. กับข้าราชการซี 8 ที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาว ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ ว่าการแต่งงานใหม่ถือเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะนายวัลลภได้หย่าขาดกับภรรยาคนเก่าแล้ว ในแง่กฎหมายและวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ถูกต้องไม่ควรจะไปละเมิดสิทธิ เพราะถ้านายวัลลภไม่หย่ากับภรรยาแล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ ตรงนี้จะเป็นอีกประเด็นหนึ่ง ดังนั้นสังคมไม่ควรนำเรื่องนี้มาปนกัน ส่วนตัวไม่ได้มองว่าเรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องการฟอกตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแต่งงานในครั้งนี้นายวัลลภ ได้ส่งการ์ดเชิญไปที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต รมว.พม. นาย จองชัย เที่ยงธรรม รองหัวหน้าพรรคชาติไทย นางเยาวเรศ ชินวัตร ประธานสภาสตรีแห่งชาติ นายอิระวัชร์ จันทรประเสริฐ อดีตปลัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การแต่งงานของนายวัลลภครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม อดีตรองนายก-รัฐมนตรี และ รมว.พม. ในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงภายหลังจากที่มีเรื่องร้องเรียนถึงพฤติกรรมชู้สาว และปัญหาทุจริตในกระทรวง พม.ประมาณกลางเดือน ต.ค.50 ที่ผ่านมา และได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงมีนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการ ครม.เป็นประธานล่าสุด
ส่วนกรณีมูลนิธิเพื่อนหญิงเตรียมยื่นหนังสือต่อ “อภิรักษ์” ผู้ว่าฯกทม.จี้ให้สอบข้าราชการระดับบิ๊กของ กทม.ที่มีพฤติกรรมฉาวสวมบทบาท “สมภารกินไก่วัด” นั้น ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม.ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้น เพียงแต่ทราบจากข่าวที่หนังสือพิมพ์ลงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วเห็นว่าเรื่องนี้จะต้องดูรายละเอียดที่ผู้ร้องร้องว่ามีความเป็นมาอย่างไร มีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง เพื่อจะได้สืบหาข้อเท็จจริงต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะจบลงแบบหาผู้กระทำไม่ได้เหมือนที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้หรือไม่ นายพงศ์ศักติฐ์ตอบว่า เรื่องนี้ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นหลัก ส่วนที่ นายนิพนธ์ บุญญภัทโร ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. สนับสนุนให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. ตั้งกรรมการสอบเพื่อหาผู้กระทำผิดจริยธรรมและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้น นายพงศ์ศักติฐ์ก็ตอบว่า เป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ หากมีการกระทำผิดจริง ก็มีกฎหมายที่สามารถลงโทษและเอาผิดได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นและวิจารณ์กันอยู่ในวันนี้นั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้
จากนั้นในช่วงเย็น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ที่เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศโมนาโก กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จะประสานไปยังมูลนิธิเพื่อนหญิง เพื่อขอทราบรายละเอียดที่ผู้ร้องพาดพิงถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของ กทม. เพื่อจะได้นำมาเป็นข้อมูล อีกทั้งจะได้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าผู้ร้องได้รายละเอียดมากน้อยเพียงใด วิธีการนี้เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจ ต้องดูว่า มูลนิธิเพื่อนหญิงได้ตรวจสอบเบื้องต้น ในประเด็นใดบ้าง เพราะบางครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นอาจเป็นเรื่องที่บุคคลถูกกล่าวหา โดยข้อมูลอาจคลาดเคลื่อน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ดี แต่เพียงน่าจะมีข้อมูลรอบด้าน โดยจะทำให้ความจริงปรากฏ พร้อมตั้งกรรมการตรวจสอบเพื่อหาคำตอบ และความกระจ่างให้ทุกฝ่ายหายสงสัย
ที่มา ไทยรัฐ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1505 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว เชียงใหม่
IP: Hide ip
, วันที่ 24 ก.พ. 51
เวลา 12:20:47
|