สำหรับความเคลื่อนไหวในการเดินเกมล็อบบี้ชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ของ ส.ว.กลุ่มต่างๆนั้น วันเดียวกัน นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช แกนนำกลุ่มส.ว.49 ให้สัมภาษณ์ว่า ทางกลุ่มยังไม่ได้สรุปสุดท้ายว่าจะสนับสนุน ส.ว.เลือกตั้งคนใดเป็นประธาน แต่หลังจากวันนี้จะหารือให้ได้ข้อสรุป โดยยึดหลักการ 1.ต้องเป็นส.ว.เลือกตั้ง 2.เป็นกลาง 3.สังคมยอมรับ หากสังคมยี้ มีภาพฝักใฝ่การเมือง ทางกลุ่มจะไม่สนับสนุนแน่นอน ส่วนคนในกลุ่มที่สนใจจะชิงตำแหน่งประธานฯ อย่าง พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ส.ว.สุราษฎร์ธานี หรือนายดิเรก ถึงฝัง ส.ว.นนทบุรี ก็พูดชัดเจนว่าได้เป็นจะทำหน้าที่แค่ 2 ปี แล้วเปลี่ยนให้คนอื่นมาทำหน้าที่บ้าง ส่วนทีมที่จะมาเป็นรองประธานฯ ทางกลุ่มฯคิดว่าควรมี ส.ว.สรรหามาร่วมทีมด้วย เพื่อให้ประสานทำงานร่วมกันได้เป็นหนึ่งเดียว
ดัน “มาโนช” ขึ้นชิงแทน “โกวิท”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กลุ่ม ส.ว.เลือกตั้งที่เป็นอดีต ส.ว. 2549 ที่เกาะกลุ่มกันแน่น 25 คน ค่อนข้างโน้มเอียงที่จะสนับสนุน พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ส.ว.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นอดีต ผบช.ภ.4 เป็นประธาน โดยพยายามประสานขอเสียงสนับสนุนจากกลุ่ม ส.ว.ที่สนับสนุนนายทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.บุรีรัมย์ ที่ถูกระบุว่ามีความใกล้ชิดกับคนในตระกูลชิดชอบ แต่ยังไม่ได้ข้อยุติเนื่องจากทางกลุ่มเห็นว่า บุคคลทั้ง 2 มีภาพที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมือง หากมาร่วมทีมรองประธานฯ จะทำให้ฝืนหลักการที่ได้วางไว้ว่าต้องปลอดการเมือง สำหรับ พล.ต.ท. มาโนชได้ขึ้นมาเป็นแคนดิเดตแทน พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ ส.ว.อ่างทอง โดยอาศัยเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.เลือกตั้งที่เป็นอดีต ส.ว. 2549 รวมถึง ส.ว.เลือกตั้งและสรรหาที่เป็นอดีตตำรวจที่มีอยู่ 11 คน และได้ประสานกับ ส.ว.กลุ่มอื่นเพื่อขอคะแนนเสียงสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
เสธ.อู้เสียงแปร่งเป็นรองก็ได้
ด้าน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหากล่าวยืนยันว่าจะลงชิงตำแหน่งประธานฯ แน่นอน จะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีให้มีใครมาล็อบบี้ให้ถอนตัวตั้งแต่ยังไม่มีการโหวต เพราะสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเสนอชื่อตนมา ไม่ยอมให้ใครมาต่อรองลดคุณค่าลงแบบที่มีกระแสข่าวออกไป แต่ถ้าเสียงโหวตในตำแหน่งประธานฯ ออกมาแล้วตนได้ที่ 2 ถึงจะยอมรับการชิงตำแหน่งรองประธานฯ เมื่อถามถึงเสียงสนับสนุนที่ช่วงหลังๆค่อนข้างแผ่วลงไป พล.อ.เลิศรัตน์ตอบว่า ไม่เป็นความจริง เสียงสนับสนุนของตนมีมากขึ้นด้วยซ้ำ ทั้ง ส.ว.สรรหาและ ส.ว.เลือกตั้งเพียงพอที่จะเป็นประธานฯ ได้ โดยเฉพาะ ส.ว.สายทหารที่มาจากสรรหาและเลือกตั้งรวม 11 คน ให้การสนับสนุนตนแน่นอน ยกเว้นจะโดนล็อบบี้ในตอนท้าย ส่วนการนัดหมายของ ส.ว.เลือกตั้งนำโดยกลุ่มที่เป็นอดีต ส.ว.ปี 49 เมื่อวันที่ 8 มี.ค.นั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่ามี ส.ว.ไปเพียง 30 กว่าคนเท่านั้นจาก 70 คน ถือว่าน้อย และคิดว่าเป็นธรรมชาติที่จะไม่มีกลุ่มใดรวมตัวกันได้มากไปกว่านี้ จึงมั่นใจในเสียงสนับสนุนของตัวเอง
ส.ว.หญิงนัดรวมพลทวงโควตา
ขณะที่นางจิรวรรณ วัฒนศิริธร ส.ว.เชียงราย เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 มี.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมรอยัลปริ้นเซส หลานหลวง กลุ่ม ส.ว.ที่เป็นสตรี ทั้งจากระบบสรรหาและเลือกตั้งจำนวน 24 คน ได้นัดหารือกันเพื่อเสนอตัวบุคคลที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ทางกลุ่มเห็นตรงกันว่าควรให้บทบาทและพื้นที่ของสตรีมากขึ้นในวุฒิสภา โดยจะผลักดันให้เรื่องสตรี เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น เพราะเชื่อว่ากลุ่มสตรีจะเข้าใจและเห็นปัญหานี้ได้ดีกว่า สำหรับตัวบุคคลนั้นเท่าที่ฟังเสียง น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. สนใจงานประธานกรรมาธิการที่เกี่ยวกับการตรวจสอบมากกว่า และคน กทม.ก็ต้องการให้ น.ส.รสนาทำหน้าที่ตรวจสอบ ทั้งนี้ ยังไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเสนอ ส.ว.สตรีที่มาจากระบบเลือกตั้ง หรือระบบสรรหา แต่เป็นใครก็ได้ที่เหมาะสม ส่วนถ้ากลุ่มเห็นว่าตนเหมาะสม ในฐานะที่จบการศึกษาด้านกฎหมายมา ก็สนใจที่จะทำหน้าที่นี้เช่นกัน สำหรับตำแหน่งประธานวุฒิสภานั้น เท่าที่ได้คุยกับ ส.ว.เลือกตั้งหลายคน เห็นว่าเสียงสนับสนุนนายประสพสุข บุญเดช ส.ว.สรรหา มาแรงที่สุด ถ้าประธานมาจากระบบสรรหา รองประธานก็ควรมาจากระบบเลือกตั้ง เพื่อความสมดุลและประสานงานกันได้
กลุ่ม “ประสพสุข” เฮคู่แข่งเสียงแตก
นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่มผู้สนับสนุนให้นายประสพสุข บุญเดช ส.ว.สรรหา เป็นประธาน กล่าวว่า เมื่อดูการนัดหารือของ ส.ว.เลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เห็นภาพว่า ส.ว.กลุ่มนี้แตกออกเป็น 4 เสี่ยง ทำให้คะแนนกระจายกัน ขณะที่เสียงที่สนับสนุนนายประสพสุขค่อนข้างหนาแน่น และมีผู้สนับสนุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ อาจเพราะโยงใยไปถึงการเปิดตัวของ ส.ว.ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มอำนาจใน จ.บุรีรัมย์ ทำให้เพื่อน ส.ว.ไม่ยอมรับ รวมถึง พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ ส.ว.อ่างทอง ที่เปิดตัวว่าจะลงชิงตำแหน่งก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ไปร่วมประชุม รวมแล้ว ส.ว.เลือกตั้งแบ่งออกเป็น 5 ฝ่าย ในกลุ่มพวกตนยังมีการนัดหารือกันอยู่ตลอด จะบอกว่าล็อบบี้ก็ได้เพราะไม่เสียหาย แต่สิ่งสำคัญคืออย่าเอาเงินมาไล่แจกกัน การประสานของกลุ่มตนชัดเจนโปร่งใสตรวจสอบได้
เพื่อน “สนธิ” เปิดตัวชิงรองประธาน
ขณะที่ทางกลุ่ม ส.ว.สรรหาได้ประเมินผลการหารือของกลุ่ม ส.ว.เลือกตั้งที่ผ่านมาแล้ว ค่อนข้างสบายใจที่เกิดการแย่งชิงตำแหน่งกันเอง จนเกิดการแบ่งแยกเป็น 4-5 กลุ่ม ทำให้นายประสพสุขมีความมั่นใจมากขึ้น และทางกลุ่มได้ยกเลิกการเจรจาที่จะให้ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา ที่เปิดตัวลงชิงตำแหน่งประธานถอนตัวเพื่อมาเป็นรองประธานแล้ว เพราะเห็นว่าภาพลักษณ์ของ พล.อ.เลิศรัตน์ยังคงแนบแน่นอยู่กับกลุ่มการเมือง หากดึงมาแทนที่จะเป็นบวกอาจกลายเป็นลบมากกว่า สำหรับรองประธานที่ทางกลุ่มสรรหาได้เปิดโควตาให้กับกลุ่มสตรีแล้ว ล่าสุดนายสมัคร เชาวภานันท์ ส.ว.สรรหา ซึ่งเป็นอุปนายกฝ่ายบริหาร สภาทนายความ และเป็นเพื่อนร่วมรุ่น วปรอ.4212 ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ก็เปิดตัวลงชิงตำแหน่งเช่นเดียวกัน
ครป.จี้สอบใบสั่งตั้งประธานวุฒิ
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ถนนรามคำแหง นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ ครป. ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ ส.ว. ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นเอกภาพ และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนว่าจะเป็นสภาที่กลั่นกรองกฎหมาย และตรวจสอบฝ่ายบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ว่า ส.ว.ไม่ควรแบ่งฝ่ายสายที่มาของ ส.ว.ว่ามาจากการเลือกตั้งหรือสรรหา แต่การสรรหาประธาน และรองประธานวุฒิสภานั้น ควรมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย หลังจากมีกระแสข่าวว่ามีการแทรกแซงจากนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ผ่าน ส.ว.ที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มนักการเมืองในรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ครป. เห็นด้วยกับการให้ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นประธาน แต่หาก ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นตัวแทนนักการเมืองถือว่าไม่เหมาะสม ดังนั้น ไม่ควรนำเรื่องที่มา ส.ว.เป็นประเด็นในการพิจารณาสรรหาประธานวุฒิสภาเท่านั้น
|