ฝนถล่มงานเลี้ยงฉลองกระเจิงติดยศ "ลูกดวง" มท.1ลั่น ขอแจงครั้งสุดท้ายไม่ได้หนีทหาร ท้าให้วิจารณ์อย่าหยุด เลขาฯกลาโหมระบุสังกัดกองเมือง เชื่อไร้ปัญหา "ปชป." ซัดรัฐบาลทำตามอำเภอใจ ถ้าไม่แคร์สังคมให้สงสารดวงวิญญาณ "ดาบยิ้ม" ผบ.ทบ.ถูกสื่อถามสีหน้าเครียดหนีขึ้นเครื่องไปมาเลย์พร้อม "สมัคร"

         หลังจากทำพิธีติดยศให้กับ ร.ต.ดวง อยู่บำรุง ลูกชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. ที่บ้านพัก ย่านบางบอน

         ร.ต.อ.เฉลิมจัดงานชื่อ "รอมากว่า 7 ปี วันนี้ที่รอคอย" เพื่อเลี้ยงฉลองการกลับเข้ารับราชการอีกครั้งของนายดวง บุตรชาย โดยจัดโต๊ะจีนกว่า 100 โต๊ะ ซุ้มอาหารนับ 10 ซุ้ม ขณะที่แขกเหรื่อทยอยมาไม่มากนักก็เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนักกว่า 1 ชั่วโมง แขกเหรื่อและบรรดาผู้สื่อข่าวต้องวิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่น ป้ายบนเวทีล้มพัง ลมพัดเก้าอี้ล้มระเนระนาด บรรดาผู้ออกร้านและแขกต้องหลบอยู่ในบ้านรับรองเรือนไม้

         เมื่อฝนซาแล้ว นายดวง ในชุดเต็มยศได้นั่งรถกอล์ฟออกจากบ้านมาทักทายนักข่าว พร้อมแสดงท่าตะเบ๊ะให้ชม

         ต่อมาเมื่อเวลา 20.00 น. ทางเจ้าภาพได้ตัดสินใจย้ายเข้าไปจัดงานเลี้ยงในตัวบ้านแทน

         ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่กระทรวงมหาดไทย กรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เซ็นอนุมัติให้นายดวง อยู่บำรุง กลับเข้ารับราชการทหาร ภายหลังตกเป็นจำเลยคดีสังหาร ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุต หรือดาบยิ้ม สังกัดตำรวจกองปราบปราม ซึ่งศาลอาญายกฟ้องและไม่มีการยื่นอุทธรณ์ทำให้คดีถึงที่สุดว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 เมษายน ร.ต.ดวงได้ติดยศเป็นที่เรียบร้อย ที่บ้านพักย่านบางบอน ซึ่งสมเด็จเกี่ยววัดสระเกศ ได้เป็นผู้หาฤกษ์ให้ ในเวลา 08.19 น. เนื่องจาก ร.ต.ดวงเคยเป็นลูกศิษย์

         "ผมไม่พอใจนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ นักจัดรายการวิทยุคลื่นเอฟเอ็ม 96.5 (แต่ในความเป็นจริงรายการดังกล่าวจัดทางสถานีวิทยุ 98.0) ที่สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน ที่ระบุว่า การที่นายดวงกลับเข้ารับตำแหน่งแล้ว ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ไม่รู้เรื่อง ถือเป็นการข้ามศีรษะ คนที่พูดแบบนี้เป็นคนที่ไม่รู้จริง ไม่ต้องการให้มีการดำเนินรายการในลักษณะนี้อีกต่อไป และนักเขียนของหนังสือพิมพ์บางฉบับ เลอะเทอะเขียนไม่รู้เรื่อง แล้วมาเขียนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ผมไม่ยอม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปิดศึกกับสื่อ" รมว.มหาดไทย กล่าว

         ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องยื่นเรื่องถึง ผบ.สส. เพราะไม่ได้ขอกลับเข้าศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) แต่เป็นการขอกลับเข้ารับราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม ยื่นเรื่องถึงเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะต้องการอธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่า การได้กลับเข้ารับราชการในครั้งนี้ เพราะเบื้องต้นหลังจากที่นายดวงมีเรื่องที่เกิดขึ้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งพักราชการนายดวง หลังจากเกิดเหตุได้ 5 วัน ตามระเบียบของข้าราชการทหาร และจะเป็น 7 วันขาด 15 วันหนีทหาร ดังนั้น นายดวงจึงไม่ได้หนีทหาร

         "เมื่อพักงาน ก็ไม่ต้องไปทำงาน ไม่ได้หนีทหาร แต่หนีตำรวจ เพราะช่วงนั้นตำรวจออกมาพูดวันละหลายร้อยรอบว่า มีหลักฐานแน่นหนา เมื่อกลับมาเมืองไทยก็ติดคุกอยู่ 1 ปีเต็มๆ ต้องตีตรวนไปขึ้นศาล กว่าคดีจะเสร็จใช้เวลาอยู่ 2 ปีครึ่ง แล้วก็ชนะคดีด้วยนิติวิทยาศาสตร์ ที่เก็บหลักฐานไว้ตั้งแต่วันเกิดเหตุ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

         ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า ส่วนพยานที่มาให้ปากคำเท่ากับว่าเป็นเบิกความเท็จทั้งหมด ที่เป็นคนบอกลูกตนยิงคนตาย รวมถึงนายตำรวจคนหนึ่งยศ พล.ต.อ. ด้วย พวกที่เบิกความเท็จต่อศาลพวกนี้ ต้องการที่จะให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก และสุดท้ายศาลก็ยกฟ้องในวันที่ 26 มีนาคม 2547 และภรรยาดาบยิ้มก็เข้าใจและไม่ได้อุทธรณ์อีก

         ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เมื่อไม่ได้ทำความผิด เท่ากับว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เหมือนญาตินักการเมืองคนหนึ่ง ที่หนีคดีมา 20 ปี จนคดีขาดอายุความ แล้วกลับมาบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์ แบบนี้จะมาอ้างว่าบริสุทธิ์ไม่ได้ และนายดวงไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์ แต่ใช้สิทธิอันชอบธรรม เมื่อครั้งถูกกล่าวหาว่าทำความผิดก็ถูกถอดยศ และมีคำสั่งปลดตามมาอีก ไม่เหมือนกับ พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ ถูก 3 ศาล ตัดสินประหารชีวิต ไม่เห็นมีใครตามไปถอดยศเลย การกลับเข้ารับราชการก็เป็นทหารเด็ก แต่อนาคตหรือทำอะไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และคงไม่ห้ามให้สังคมหยุดวิจารณ์เรื่องนี้ และอย่าหยุดวิจารณ์ แต่ต้องการที่จะนำความจริงมาบอก

         ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อคดีสิ้นสุดมานานแล้วเหตุใดจึงขอกลับมารับราชการในช่วงนี้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า อาจเป็นเพราะถ่านไฟคุ เมื่อเห็นพ่อเป็นรัฐมนตรี เห็นพี่ชายเป็นเลขานุการรัฐมนตรี จึงอาจจะเป็นไปได้ว่าต้องการที่จะทำงานบ้าง ส่วนจะมีการขอโอนสังกัดมาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทยหรือไม่ยังไม่ได้คิด ตอนนี้ให้ไปขัดปืนใหญ่ก่อน แล้วค่อยมาว่ากัน

         ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการรับนายดวง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม กลับเข้ารับราชการทหารว่า ถือเป็นพฤติกรรมและท่าทีที่น่ากลัวมาก ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิมออกมาระบุว่า นายดวงเป็นนายทหารตัวเล็กๆ คนหนึ่ง มีสิทธิที่จะรับราชการได้ หลังจากที่คดีความสิ้นสุดแล้ว อยากถาม ร.ต.อ.เฉลิมให้ย้อนกลับไปดูว่าสาเหตุที่นายดวงออกจากราชการมาจากสาเหตุอะไรกันแน่ เป็นเพราะถูกคดียิงดาบยิ้มหรือหนีราชการเกิน 15 วัน การที่จะมาอ้างว่าหลุดพ้นคดีแล้วก็จริง แต่สาเหตุที่หลุดพ้นนั้น สังคมน่าจะเข้าใจได้

         "ผมอยากให้ ร.ต.อ.เฉลิมเข้าใจหน้าที่ตนเองว่า วันนี้หน้าที่ของ มท.1 คือบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ไม่ใช่มาบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้คนในครอบครัว ผมเห็นว่าความชอบธรรมของนายดวงนั้นมี แต่อยากจะถามว่า ถ้าไม่มี ร.ต.อ.เฉลิมเป็น มท.1 นายดวงจะได้คืนยศหรือไม่ เรื่องนี้อยากให้รัฐบาลแคร์ความรู้สึกของสังคมบ้าง ถ้าไม่แคร์ความรู้สึกของสังคมก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยก็ให้สงสารดวงวิญญาณของดาบยิ้มบ้าง" นายเทพไท กล่าว

         นายเทพไทกล่าวอีกว่า มีการพูดจากหลายฝ่ายว่ารัฐบาลนี้ทำอะไรตามอำเภอใจ เรื่องการคืนยศให้นายดวงถือเป็นตัวอย่าง โดยไม่รวมเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ ที่เป็นรัฐบาลมา 2 เดือน ทำอะไรตามอำเภอใจ พยายามอ้างเสียงข้างมากว่าประชาชนให้อำนาจมาจะทำอะไรก็ได้ อย่างนี้คิดว่าวันหนึ่งประชาชนอาจทวงอำนาจคืนก็ได้

         วันเดียวกัน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีนายสมัครเซ็นคำสั่งคืนยศและรับนายดวงกลับเข้ารับราชการในกระทรวงกลาโหม โดยมีสีหน้าเคร่งเครียดและเดินหนีกลุ่มผู้สื่อข่าวไปทันทีเพื่อขึ้นเครื่องบินร่วมคณะนายสมัคร ในการเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 23-24 เมษายนนี้

         พล.อ.อุดมชัย องคสิงห์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโหม กล่าวว่า นายดวงจะเข้ามาอยู่ในสังกัดกองการเมือง สำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

         เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะสร้างปัญหาหรือไม่ และถ้ามีปัญหาจะยับยั้งหรือไม่ พล.อ.อุดมชัยกล่าวว่า "ไม่รู้ ต้องไปถาม รมว.กลาโหม"