กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
วันนี้ (13 มิ.ย.) ศาลอาญารัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายณัฐสิทธิ์ หรือโหน่ง กลมสอาด อายุ 21 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยการกระทำทารุณ และชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลอาญา มาตรา 289 และ 339
โดยคดีโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 19 ก.พ.50 ระบุความผิดสรุปว่า
ระหว่างวันที่ 7 -8 พ.ย.49 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้แอบเข้าไปในบ้านพักของ น.ส.นาฎตยา หรือหน่อง เล็กใบ มารดาของ ด.ญ.นฤนาท หรือฟลุ๊ค โพธิ์ประเสริฐ อายุ 12 ปี เมื่อจำเลยได้เอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย จำนวน 1 เครื่องราคา 7,500 บาท กระเป๋าแบบสตรี จำนวน 1 ใบ ภายในมีลูกแก้วเลี่ยมทองของหลวงพ่อสูงวัดหนองผักชี หนัก 1 สลึง ราคา 2,850 บาท เงินสดจำนวน 100 บาท และมีดทำครัว จำนวน 1 เล่ม รวม 5 รายการ ราคา 10,590 บาทไป โดยใช้มีดทำครัวเป็นอาวุธ เชือด ฟัน และแทง ด.ญ.นฤนาท ที่บริเวณลำคอ ท้ายทอย ศีรษะ หลัง แขน มือ และเส้นเลือดแดงใหญ่ ลำคอขาด 2 ข้างเป็นบาดแผลฉกรรจ์จนถึงแก่ความตาย อันเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้าย และโดยเจตนาฆ่า เพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์ และเพื่อปกปิดการกระทำความผิด เหตุเกิดที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.
|
|
|
ซึ่งศาลชั้นต้น มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 15 ส.ค.50 ให้ประหารชีวิต
แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกตลอดชีวิต และให้จำเลยคืนทรัพย์หรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 3,090 บาท แก่เจ้าของ พร้อมทั้งให้จำเลยชำระเงินจำนวน 720,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป โดยจำเลย ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษสถานเบา
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวน ประชุมหารือแล้วเห็นว่า ตามคำเบิกความของ น.ส.นาฎตยา มารดา ซึ่งเป็นเพื่อนกับจำเลยที่มีลักษณะเป็นกระเทย ได้ความว่า
ก่อนเกิดเหตุได้ชักชวนจำเลยไปรับประทานอาหารกับเพื่อนที่ร้านดาวแดงสาดแสงเดือน ระหว่างนั้นพยานได้โทรศัพท์ไปหา ด.ญ.นฤนาท บอกให้เข้านอนและไม่ต้องรอ เพราะจะกลับดึก ปรากฏว่าจำเลยได้ขอตัวกลับบ้านก่อนอ้างว่ามารดาตามให้กลับบ้าน จนกระทั่งร้านปิดได้ตระเวนขับรถส่งเพื่อนกลับบ้าน จากนั้นได้เดินทางกลับบ้านพัก พบว่าประตูบ้านถูกเปิดอ้าไว้ มีเพียงแสงไฟจากห้องน้ำที่เปิดทิ้งอยู่ เมื่อเข้าไปดูพบศพลูกสาวนอนเปลือยกายเสียชีวิตอยู่ภายใน มีเลือดไหลเต็มห้องน้ำ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าโทรศัพท์มือถือของลูกสาวหายไปพร้อมทรัพย์สินต่างๆ จากการสืบสวนทราบว่าจำเลยเป็นผู้นำโทรศัพท์มือถือไปขายที่ห้างเซียร์ รังสิต
นอกจากนี้โจทก์ ยังมีพนักงานขายโทรศัพท์มือถือที่ระบุว่า
จำเลยเป็นผู้นำโทรศัพท์มือถือมา และได้ทำบันทึกรายละเอียดในการซื้อขายไว้เป็นหลักฐานด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมจำเลยได้ พร้อมให้การรับสารภาพว่า กลัวว่า ด.ญ.นฤนาท ที่เห็นพยานกำลังรื้อค้นทรัพย์สินอยู่จะนำเรื่องไปบอก น.ส.นาฎตยา จึงต้องฆ่าปิดปาก
ศาลเห็นว่าพยานทั้งสองปากเบิกความเชื่อมโยงกันปราศจากข้อพิรุธสงสัย แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ แต่การที่จำเลยมีโทรศัพท์ของผู้ตายอยู่ในครอบครอง ย่อมเป็นเครื่องบ่งชี้ที่แน่ชัดอย่างแน่นหนักว่า
จำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของผู้ตาย สอดคล้องกับการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุที่ไม่พบร่องรอยการงัดแงะ เชื่อว่าผู้ตาย เปิดประตูให้จำเลยเข้าไปในบ้านด้วยความไว้วางใจ เชื่อว่าจำเลยให้ข้อเท็จจริงด้วยความสมัครใจ ที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่าจำเลยมุ่งหวังเอาทรัพย์สิน แต่เมื่อผู้ตายมาเห็นกลับไม่สำนึกในการกระทำความผิด กลับก่อเหตุฆ่าผู้ตายด้วยความโหดเหี้ยม ทารุณ ทั้งที่ผู้ตายไม่มีทางต่อสู้ได้ แม้ขณะก่อเหตุจำเลยจะมีอายุเพียง 19 ปี แต่จำเลยควรจะทราบดีว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษานั้น เหมาะสมต่อรูปคดีแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.
|
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|