หน้าแรก | ลงโฆษณาฟรี l หางาน l คอมพิวเตอร์ l เว็บบอร์ด | ตลาดออนไลน์ | อัตราค่าลงโฆษณา
www.cmprice.com เว็บไซต์ของฅนเชียงใหม่ เครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!

หน้าแรก » เว็บบอร์ด
ข่าวการเมือง
เว็บบอร์ด » ข่าวการเมือง
รายละเอียดของห้อง : ข่าวการเมือง ประเด็นร้อนน่าจับตา ตนเหนือเราต้องมีส่วนร่วม
กระทู้ที่ตอบกลับล่าสุด | สร้างกระทู้ใหม่ | ดูกระทู้ทั้งหมด | ค้นหากระทู้ :
ทักษิณทํานาย 2กค.คลี่คลาย บ้านเมืองจะดีขึ้น

แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV
ทักษิณทํานาย 2กค.คลี่คลาย บ้านเมืองจะดีขึ้น
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 17 มิ.ย. 51 เวลา 10:30:20 IP: Hide ip    


กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน


 

© เนื้อหาข่าว/กระทู้

 

ทักษิณทํานาย 2กค.คลี่คลาย บ้านเมืองจะดีขึ้น

จากการที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศเดินหน้ายื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ เรื่องนี้ทางฝ่ายรัฐบาลได้ออกมายืนยันอีกครั้งว่าทำไม่ได้ และไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติที่ให้มีการยื่นญัตติคาสภาไปจนถึงการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ

 

“สมัคร” ยอมรูดซิปปากกลัวมีเรื่อง

 

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. เวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานมอบรางวัลอุตสาหกรรม ครั้งที่ 16 ประจำปี 2551 โดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม นำผู้บริหารบริษัทอุตสาหกรรมที่ได้รับรางวัลจำนวน 17 บริษัทมารับรางวัล สำหรับบรรยากาศของการจัดงานนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายสมัครเดินมาถึงสถานที่จัดงาน ทีมงานออร์แกไนเซอร์ได้เปิดเพลงมหาฤกษ์เพื่อต้อนรับนายสมัคร แต่นายสมัครกลับไม่ยินดียินร้ายด้วย ทั้งยังมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ และบ่นกับผู้ดำเนินรายการของงานหลังจากจบเพลงว่า “เปิดเพลงนี้ทำไม จะให้เป็นวันสุดท้ายของผมหรือไง” ซึ่งพิธีกรได้กล่าวอธิบายว่า เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย

 

จากนั้น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวถึงความชัดเจนในการทำประชามติของรัฐบาล ว่า ต้องรอให้เสร็จจากกระบวนการที่สภาเสียก่อน แล้วค่อยว่ากัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดในช่วงนี้นายกฯไม่ค่อยพูดหรือให้สัมภาษณ์ นายสมัครตอบว่า พูดแล้วเดี๋ยวมีเรื่อง

 

“ชูศักดิ์” ปิดทางฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาล

 

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และ ครม. ภายหลังจากที่นายกฯไม่เปิดให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ว่า เรื่องนี้มีข้อจำกัดอยู่ ที่เรื่องสมัยการประชุมสมัยวิสามัญ มีการวางกันไว้แล้วว่าในสมัยประชุมนี้ควรจะทำอะไร วัตถุประสงค์สำคัญชัดเจนคือพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 และพิเศษกว่าครั้งก่อนคือพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญอีก 5-6 ฉบับ ที่ต้องทำให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 180 วันตามรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่ทำจะผิดรัฐธรรมนูญอีก และมีกำหนดระยะเวลาการเปิดและปิดสมัยประชุมวิสามัญกันเอาไว้แล้ว โดยในทางปฏิบัติได้ยื่น พ.ร.ฎ.เปิดและปิดสมัยประชุมไปพร้อมกัน มีพระบรมราชโองการลงมาแล้วชัดเจน แต่การประกาศ พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมจะประกาศวันใกล้วันปิดสมัยประชุม โดยชัดเจนแล้วว่าจะมี พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมสภาฯในวันที่ 27 มิ.ย. ดังนั้นเหตุผลที่ว่าไม่ควรจะเปิดอภิปรายทั้งแบบลงมติและไม่ลงมติก็มีเหตุผลอยู่

 

ติงไม่มีธรรมเนียมยื่นญัตติคาสภา

 

เมื่อถามว่า ถ้าดูจากระเบียบวาระและข้อกฎหมายแล้ววันนี้ถือว่าปิดทางฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไปได้เลยใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ตอบว่า ต้องแล้วแต่ ความเห็นของประธานสภาฯและหัวหน้ารัฐบาลจะว่าอย่างไร ตามข้อบังคับกำหนดไว้ว่า ถ้ายื่นมาให้ตรวจสอบญัตติประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือ 15 วันแล้วแจ้งรัฐบาล จึงเกรงว่าจะติดขัดเรื่องระยะเวลา แต่ถ้าไม่ได้เข้าในสมัยประชุมนี้ ไปสมัยประชุมหน้าก็ไม่ได้อภิปราย เพราะเป็นสมัยนิติบัญญัติ ที่ผ่านมาไม่เคยมีธรรมเนียมที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติไม่ไว้วางใจคาไว้แล้วไปอภิปรายในอีก 4-5 เดือนในอีกสมัยประชุมหนึ่ง แต่จะเป็นอย่างไร สุดแต่ ประธานสภาฯจะตรวจสอบญัตติก่อน หรือจะพิจารณาบรรจุวาระหรือไม่อย่างไรแล้วแจ้งประสานรัฐบาล ทางรัฐบาลมีสิทธิที่จะบอกว่าจะพร้อมหรือไม่ ควรจะเป็นเมื่อใด ส่วนจะใช้มาตรา 129 ขอเปิดอภิปรายอีกครั้งได้หรือไม่ อยู่ที่ดุลยพินิจของฝ่ายค้านจะเข้าชื่อเสนอกันมา แต่ท้ายที่สุดต้องเสนอรัฐบาล

 

ชี้ไม่เหมาะซักฟอกในสมัยวิสามัญ

 

“โดยส่วนตัวเมื่อดูแล้วระยะเวลา 4 เดือนที่รัฐบาลบริหารประเทศ ถ้าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ในแง่ระยะเวลา ไม่น่าอภิปรายในช่วงนี้ ควรเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงานสักระยะหนึ่งก่อน ไม่ใช่ว่าไม่ เคารพสิทธิของฝ่ายค้าน จริงๆการอภิปรายงบประมาณที่ ผ่านมาเหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจกลายๆอยู่แล้ว เราไม่ได้คิดว่าถ้าปล่อยให้ฝ่ายค้านอภิปรายแล้วรัฐบาลจะซวนเซ แต่วัตถุประสงค์ของการเปิดวิสามัญมีภารกิจรออยู่ชัดเจนเป็นเหตุผลหลัก และฟังดูฝ่ายค้านจะอภิปรายในเชิงการบริหารงานว่าบกพร่อง โดยไม่ยื่นถอดถอน แปลว่ามันไม่มีประเด็นความร่ำรวยผิดปกติ ไม่มีประเด็นการทุจริต ในอดีตส่วนใหญ่เขาจะยื่นถอดถอนควบคู่ไปกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ” นายชูศักดิ์กล่าว

 

ตั้ง “สามารถ” ประธานวิปรัฐบาล

 

วันเดียวกัน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 142/2551 แต่งตั้งนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนิน การในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสภาผู้แทนราษฎรหรือรัฐสภาเป็นไปอย่างมีระเบียบแบบแผนตามระบบรัฐสภา ตลอดจนการติดต่อประสานงานและเสนอข้อมูลของคณะรัฐมนตรีแก่ ส.ส.ในปัญหาต่างๆ ทั้งด้านนิติบัญญัติและด้านบริหารให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสนับสนุนการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีในการเสนอร่างกฎหมาย และงานที่เกี่ยวกับด้านนิติบัญญัติ และส่งผลให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเรียบร้อย

 

ปิดประตูฝ่ายค้านยื่นญัตติ

 

ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 16.00 น.ที่รัฐสภา นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานวิปรัฐบาล กล่าวภายหลังการประชุมวิปรัฐบาลว่า ในการประชุมสภาในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน ในวันที่ 19 มิ.ย. จะมีการพิจารณาญัตติด่วนขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ ที่ทุกพรรคการเมืองเสนอเข้ามามีจำนวน 7 ญัตติด้วยกัน จากนั้นในสัปดาห์ถัดมาสภาจะต้องพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2552 ก็หมดเวลาพอดี ต่อข้อถามว่า พรรคฝ่ายค้านให้เหตุผลว่ารัฐบาลสามารถขยายเวลาปิดสมัยประชุมวิสามัญออกไปก่อนได้ นายสามารถตอบว่า คงลำบาก เพราะที่ผ่านมาวิปรัฐบาลได้ทำหนังสือถึงรัฐบาลเพื่อขอขยายเวลา ให้มีการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญด้วยเวลาจะเสนอขอพระบรมราชโองการฯ จะต้องมีเหตุผลประกอบไปว่าขอเปิดประชุมและปิดประชุม เพื่ออะไร โดยรัฐบาลได้แสดงเหตุผลชัดเจนของการเปิดสมัยประชุมวิสามัญไปแล้ว ทั้งถ้าฝ่ายค้านต้องการป้องปรามการทุจริตนั้น ทำได้หลายวิธี เช่น เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ดังนั้นเข้าใจว่าการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านเป็นเพียงประเด็นทางการเมืองมากกว่า

 

ดักคอแผนแยกปลาออกจากน้ำ

 

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และรัฐมนตรีในรัฐบาล 6 คนว่า สังเกตได้ว่ามีเพียงรัฐมนตรีในพรรคพลังประชาชน ถือเป็นแผนตื้นๆทางการเมืองที่ต้องการตอกลิ่มความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล โดยหวังว่าในที่สุดรัฐบาลจะล้ม แล้วพรรคประชาธิปัตย์จะนำพรรคร่วมรัฐบาลแยกตัวออกไปเป็นพวกของตัวเอง พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเจตนาในการอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ หรือจะเสนอทางออกให้สังคมตามเหตุผลที่กล่าวอ้างเลย เป็นเพียงการสงวนมิตรไว้แล้วแยกศัตรูออก แต่การเปิดอภิปรายครั้งนี้พรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรคเห็นเจตนาของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นจะไม่เคลิ้มตามอย่างแน่นอน

 

“ทักษิณ” จัดเรียงความเทิดพระเกียรติฯ

 

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 15.00 น. ที่มูลนิธิไทยคม ถ.ราชวิถี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานมูลนิธิไทยคม พร้อมครอบครัวเป็นประธานแถลงข่าวโครงการประกวดกลอนสุภาพและเรียงความเทิดพระเกียรติ 76 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในหัวข้อ “แม่ของแผ่นดิน” โดย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 76 พรรษาในวันที่ 12 ส.ค. 2551 มูลนิธิไทยคมจึงขอเชิญชวนปวงชนชาวไทยร่วมเฉลิมพระเกียรติผ่านการประกวดเรียงความและกลอนสุภาพในหัวข้อ “แม่ของแผ่นดิน”  โดยแบ่งเป็น  1. เรียงความเฉลิมพระเกียรติ 2. กลอนสุภาพเฉลิมพระเกียรติ แบ่งการแข่งขันเป็น 3 ระดับคือระดับมัธยมศึกษา อุดมศึกษา และบุคคลทั่วไป เปิดรับผลงานตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.-30 มิ.ย. ซึ่งรางวัลชนะเลิศ แต่ละระดับจะได้รางวัลทุนละ 1 แสนบาท รองชนะเลิศ 5 ทุน ทุนละ 5 หมื่นบาท และรางวัลชมเชย 50 ทุนทุนละ 5 พันบาท รวมทั้งสิ้น 3.6 ล้านบาท โดยมูลนิธิไทยคมจะรวบรวมผลงานทั้งหมดมาแสดงในงานประกาศผลรางวัลและนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติในเดือน ส.ค. และจะนำผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์แต่ละประเภทตีพิมพ์เป็นหนังสือเพื่อแจกจ่ายให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ

 

ส่งสัญญาณ 2 ก.ค. บ้านเมืองคลี่คลาย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวผู้สื่อข่าวได้พยายามขอสัมภาษณ์ถึงปัญหาสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณปฏิเสธให้สัมภาษณ์ แม้ผู้สื่อข่าวจะระดมยิงคำถามต่างๆ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมตอบคำถามใดๆ โดยได้รีบเดินเลี่ยงผู้สื่อข่าวไปยังห้องรับรองก่อนที่จะหันมาพูดกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า “วันที่ 21 มิ.ย. ดาวอังคารย้าย” จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้เข้าไปพักผ่อนในห้องพักรับรองเป็นเวลา 15 นาที เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณออกจากห้องพักรับรอง ผู้สื่อข่าวได้ถาม พ.ต.ท.ทักษิณอีกครั้งถึงกรณีที่ระบุว่า วันที่ 21 มิ.ย. ดาวอังคารจะย้ายหมายถึงสถานการณ์บ้านเมืองจะดีขึ้นใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณจึงตอบว่า “อังคารย้ายจากราศีกรกฎเข้าสู่ราศีสิงห์ ที่มีดาวเสาร์อยู่ อังคารเจอเสาร์ เวียนหัว แต่พอวันที่ 2 ก.ค. ก็หายแล้ว พ้นแล้ว ฉะนั้นอดทนเวียนหัวถึงวันที่ 2 ก.ค. ก็น่าจะคลี่คลาย”

 

วอนคนไทยร่วมมือแก้ปัญหาชาติ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หลังวันที่ 2 ก.ค. บ้านเมืองจะดีขึ้นจริงๆใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า น่าจะคลี่คลาย เพราะบังเอิญอังคารไปเจอเสาร์มันทับมันติดกันอยู่ แต่จะค่อยๆเคลื่อนหนีออกมาวันที่ 2 ก.ค. ถ้าทนเวียนหัวถึงวันที่ 2 ก.ค. น่าจะคลี่คลาย ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้กำลังใจรัฐบาลอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ให้กำลังใจคนไทยทุกคน ที่วันนี้เจอภาวะหลายๆอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะเศรษฐกิจที่เป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราใช้อยู่มีส่วนผสมของค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ทุกอย่างจึงขึ้นราคาตามกันหมด เลยต้องให้กำลังใจทุกฝ่ายช่วยกันคนละเล็กละน้อย ช่วยกันแก้ปัญหาอย่าสร้างปัญหา

 

แขวะ ปชป.หวังผลพรรคร่วมถอนตัว

 

ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชนให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและ 6 รัฐมนตรี ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ว่า รัฐบาลทำงานมาแค่ 4 เดือน จะมาอภิปรายอะไร การทุจริตก็ยังไม่มี การจะอภิปรายแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลล้มเหลวก็ไม่ใช่ เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะราคาน้ำมันแพงที่เกิดวิกฤติขึ้นทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะที่ประเทศไทย ต่อให้พรรคประชาธิปัตย์ มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ และมีนายอภิสิทธิ์ 10 คน เป็นรัฐมนตรีด้วยก็แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ดังนั้นการที่จะยื่นญัตติดังกล่าวมีวาระซ่อนเร้น ต้องการให้พรรคร่วมถอนตัวไปจับขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล และนายอภิสิทธิ์มีความกระเหี้ยน กระหือรืออยากเป็นนายกฯ โดยที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ ได้ชนะการเลือกตั้ง ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีพฤติกรรมอย่างนี้ อย่าหวังว่าประชาชนจะเลือกให้เข้ามาเป็นรัฐบาล อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์จะอภิปรายดีแค่ไหน พรรคร่วมรัฐบาลจะไม่ถอนตัวอย่างแน่นอน เพราะมีความเป็นเอกภาพ และไม่เกิดกลุ่มงูเห่าเหมือนสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ลาออกจากนายกฯ

 

61 ส.ว.หามาตรการจัดการหากเจอเบี้ยว

 

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมตัวแทนผู้ประสานงานกลุ่ม 61 ส.ว. ร่วมลงชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 เพื่อหารือถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีมีท่าทีจะไม่มาชี้แจงญัตติดังกล่าว จากนั้น น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี ให้สัมภาษณ์ว่า ส.ว.ทั้ง 61 คนยืนยันที่จะดำเนินการไปตามมาตรา 161 ต่อไป เพราะเป็นสิทธิ์ของ ส.ว.ตามรัฐธรรมนูญและเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องมาชี้แจง เรายังรอหนังสือตอบอย่างเป็นทางการจากนายกฯ เชื่อมั่นว่านายกฯ จะมาชี้แจง เมื่อถามว่าถ้ารัฐบาลไม่มาจะดำเนินการอย่างไรต่อไป น.ส.สุมลตอบว่ายังมั่นใจว่ารัฐบาลจะมาตอบ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ขณะนี้ 61  ส.ว.ก็ยังรอความชัดเจนจากนายกฯว่าชี้แจงหรือไม่ แต่ถ้าไม่เราก็เตรียมหามาตรการที่จะดำเนินการต่อไป โดยในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ เวลา 17.00 น. ที่ รร.รอยัลปรินเซส จะหารือกัน

 

ปชป.จ้องเชือด “สมัคร-6 รมต.”

 

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมด้วยแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประชุมเพื่อหารือถึงการร่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสมัคร สุนทรเวช นายก รัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 6 คน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 และมาตรา 159 โดยขณะนี้มีรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจชัดเจนแล้ว คือ 1. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กรณีการบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว 2. นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ในกรณีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ 3. นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กรณีการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ 4. นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กรณีเขาพระวิหาร 5. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงที่ไม่เป็นธรรม และกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) 6. นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม ในกรณีการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 6,000 คัน 7. ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย

 

ขู่รัฐบาลไม่เปิดช่องระวังขัด รธน.

 

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรีว่า ตอนนี้อยู่ ระหว่างการเตรียมข้อมูล ค่อนข้างชัดว่ามีเรื่องอะไรบ้างส่วนตัวบุคคลจะเป็นใครบ้างจะปรึกษาหารือกันอีกครั้งในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ เนื่องจากพรรคให้ความสำคัญกับเนื้อหาสาระก่อน และยังเชื่อมั่นว่ามีเวลาพอที่จะอภิปรายไม่ไว้ วางใจได้ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยื่นญัตติไปตามรัฐธรรมนูญ จะดูว่ารัฐบาลกับประธานสภาจะดำเนินการอย่างไร ที่จริงกรณีของเรายังไม่ได้เป็นเรื่องที่ยื่นไปแล้ว แต่กรณีของวุฒิสภาที่ยื่นไปแล้ว ประธานสภาหรือรัฐบาลต้องพูดให้ชัด เพราะมองไม่เห็นว่ามีเหตุผลอะไรที่วุฒิสภาจะไม่สามารถใช้สิทธิของเขาได้ เมื่อถามว่าถ้ารัฐบาลปิดสมัยประชุมรัฐสภาก่อนและไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้จะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า คงจะต้องดูว่ามีความจงใจ ที่จะไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ข้อมูลที่มีอยู่ จะไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน

 

ชู “อภิสิทธิ์” ขึ้นนายกฯแทน “สมัคร”

 

ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การร่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นจะแยกออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรก คือร่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯตามมาตรา 158 ในร่างญัตติจะระบุถึงพฤติกรรมของนายกฯว่า ไม่น่าไว้วางใจจากการบริหารราชการแผ่นดิน และพรรคจะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ส่วนร่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 6 คนนั้น จะเน้นภาพรวมการบริหารงานที่บกพร่องล้มเหลว โดยร่างญัตติทั้ง 2 มาตรานี้จะชี้ประเด็นให้ประชาชนเห็นว่า พฤติกรรมรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ไม่น่าไว้วางใจ และเหมาะสมที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อว่ารัฐบาลจะต้องขัดขวางและหลีกเลี่ยงการตรวจสอบตามกระบวนการของรัฐสภาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะท่าทีของนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรแม้จะอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ แต่การทำงานกลับดูเหมือนว่าถูกครอบงำจากฝ่ายบริหารอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้จะนำร่างทั้ง 2 ญัตติหารือในที่ประชุมวิปฝ่ายค้าน จากนั้นในช่วงบ่ายวันเดียวกันในที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จะเปิดโอกาสให้ ส.ส.ทั้ง 164 คน ร่วมกันเข้าชื่อเพื่อยื่นญัตติทันที

 

“เทือก” จี้ “ชัย” ต้องเป็นกลาง

 

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของข้อมูลในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า จะพยายามยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อนหมดเวลาราชการในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ เมื่อถามว่ามั่นใจมากน้อยแค่ไหนว่าญัตติจะได้รับการบรรจุเข้าวาระ นายสุเทพตอบว่า ค่อยวัดใจกันดู เราทำหน้าที่อย่าไปกังวลใจมากมาย เห็นว่าบ้านเมืองในวันนี้มีปัญหามากและประชาชนควรได้รับรู้ว่าปัญหาที่เป็นอยู่ขณะนี้มีอะไรบ้าง รัฐบาลควรจะทำอะไร ไม่ควรทำอะไร สิ่งที่รัฐบาลทำไปนั้นมีอะไรบ้างที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศ สิ่งที่รัฐบาลไม่ได้ทำจะเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองอย่างไร นี่คือสาระสำคัญที่ตั้งใจพูดจาให้ พี่น้องประชาชนรับทราบ เมื่อถามว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร อ้างว่าถึงแม้จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจไปก็เวลามีไม่เพียงพออยู่แล้ว นายสุเทพตอบว่า ประธานสภาฯต้องทำหน้าที่เป็นกลางในทางการเมืองตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ จะไปร้องเพลงเดียวกับนายกฯไม่ได้ ส่วนเวลาพอหรือไม่พอ เห็นว่าหลังอภิปราย พ.ร.บ. งบประมาณปี 2552 ยังมีเวลาอยู่

 

ไม่หวังพรรคร่วมรัฐบาลถอนยวง

 

ต่อข้อถามว่า คาดหวังหรือไม่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลอาจเห็นตรงกับสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายให้เห็นพฤติกรรมของรัฐมนตรีแต่ละคน นายสุเทพตอบว่า คาดหวังว่าเมื่อได้นำเสนอข้อเท็จจริงทั้งหลาย ไม่ใช่เฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล แต่ประชาชนทั้งประเทศจะได้เห็นพ้องต้องกัน เมื่อถามว่า คิดว่าการอภิปรายครั้งนี้จะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า เรียนกันตรงๆว่ายาก เพราะเสียงของรัฐบาลมีมากถึง 300 กว่าเสียง อย่างไรก็คงอุ้มชูกันไป แต่คิดว่าความจริงจะทำให้ประชาชนทั้งประเทศได้ตระหนักและคิดว่าไม่มีใครต้านกระแสประชาชนได้ ส่วนการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณฯนั้น รัฐบาลไม่น่าจะกลัวอะไร เพราะต้องทำการบ้านและศึกษาข้อมูลอยู่แล้ว เมื่อถามว่า นายกฯอ้างว่าการพิจารณางบประมาณฯฝ่ายค้านต้องอภิปรายเหมือนกับอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอีก นายสุเทพตอบว่า คนละเรื่องกัน การอภิปรายรัฐบาลจะชี้ให้เห็นว่าแต่ละโครงการหรือจำนวนเงินที่เอาไปใช้แต่ละเรื่องไม่เหมาะสมอย่างไร แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะชี้ให้เห็นว่าตัวรัฐบาลและรัฐมนตรีเองไม่เหมาะสมอย่างไร

 

เย้ยอย่าปลด รมต.ก่อนซักฟอก

 

ทางด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ว่า การยื่นอภิปรายในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเล่นเกม หรือล้มล้างรัฐบาล แต่ต้องการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ที่บริหารประเทศก่อให้เกิดปัญหามากทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม โดยจะชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดบกพร่องของรัฐบาลและรัฐมนตรี ส่วนกรณีที่นายกฯระบุว่าไม่ได้กลัวถูกอภิปราย เพราะบริหารงานมา 4 เดือนทำงานโปร่งใสถูกต้องนั้น เมื่อถึงวันเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯ และคนไทยทั้งประเทศจะได้เห็นได้ยินได้ฟังว่ารัฐบาลชุดนี้บริหารงานผิดพลาดบกพร่องอย่างไร และขอเรียนนายกฯว่าอย่าปลดรัฐมนตรีหนีการอภิปรายไปเสียก่อน ปากบอกว่าไม่กลัวไม่เกรง  รู้สึกว่าตอนที่ท่านพูดเรื่องนี้ ท่านนั่งพูดไม่ยอมยืนพูด ถ้ายืนพูดจะเห็นชัดเจนว่า ปากกล้าขาสั่นขนาดไหน

 

ระบุเช่ารถ ขสมก.ส่อเค้าทุจริต

 

วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงเรื่องการเตรียมจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 6,000 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ของรัฐบาล ว่า ตนไม่ได้ขัดขวางการประหยัดพลังงานด้วยการเปลี่ยนรถจากน้ำมันดีเซลมาเป็นแก๊สเอ็นจีวี แต่ที่ออกมาท้วงติง เพราะเห็นว่าส่อทุจริต โดยมีการเปลี่ยนจากรถร้อนมาเป็นปรับอากาศ พร้อมทั้งขึ้นราคาค่าโดยสาร ส่วนใหญ่การทุจริตในโครงการใหญ่จะเป็นรูปแบบสัมปทาน การให้เช่าเป็นระยะเวลา 10 ปี คือค่าเช่าคงที่ตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันสุดท้ายของปีที่ 10 เป็นบริษัทเอกชนที่ได้รับสัมปทาน การให้เช่าเป็นระยะเวลา 10 ปี จะให้ผู้เช่ามีเพียงรายเดียว คือการส่อเค้าว่าล็อกสเปก เพราะคนที่จะมาทำธุรกิจระดับ 100,000 กว่าล้าน แต่มีเงินค้ำประกันเพียง 5,000 กว่าล้านบาท ในการได้รับสัมปทานเป็นผู้ให้เช่า ดังนั้น ผู้ที่มาเช่าจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในวงการธุรกิจและเป็นผู้ที่มีการประสาน ติดต่อ กับผู้มีอำนาจไว้ตั้งแต่ต้น ไม่เช่นนั้นช่วงระยะเวลา 1 เดือนเศษ คงไม่สามารถเตรียมตัวได้ทัน

 

ย้ำต้นเหตุอภิปรายไม่ไว้วางใจ

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลเรื่องนี้จะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยหรือไม่ นายถาวรตอบว่า แน่นอน แต่สิ่งที่พูดมานี้ เพียงเปิดเกมให้เห็นการส่อทุจริต เพราะการล็อกสเปกให้มีผู้เช่ารายเดียว ก็ถือเป็นว่าส่อทุจริตแล้ว และการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ แม้จะยังไม่ถือว่ามีการรับสินบน แต่มีการเตรียมการถึงขั้นพยายามที่จะรับสินบน การที่ตนและพรรคประชาธิปัตย์ออกมาสกัดกั้นการทุจริตครั้งนี้ อาจทำให้กลุ่มคนที่อาจได้รับผลประโยชน์ เกิดอาการโกรธ และออกมาตอบโต้กันเป็นแถว ถึงขั้นเปรียบเทียบโดยใช้วาจาที่ไม่สุภาพ

 

กลุ่มชุมนุมประกาศศักดาบุก กกต.

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปักหลักยึดพื้นที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก ตั้งเวทีจัดการชุมนุมขับไล่ รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช มาอย่างต่อเนื่องนานถึง 3 สัปดาห์ และล่าสุดประกาศกลับมาใช้แผนดาวกระจายอีกครั้งตลอดสัปดาห์นี้ ด้วยการแบ่งกำลังพล เคลื่อนขบวนจากบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ออกไปตามสถานที่ทำงานและสถานที่ราชการสำคัญ โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 มิ.ย. ที่สนามศุภชลาศัย ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรในชุดเสื้อเหลืองทยอยเดินทางมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง โดยในมือยังถือดอกกุหลาบสีเหลืองสีแดง และธงชาติพร้อมชูป้ายแสดงตัวว่า เป็นพันธมิตรมาจากจังหวัดไหนบ้าง เพื่อไปให้กำลังใจ 3 กกต.ได้แก่ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. นายประพันธ์ นัยโกวิท นายสุเมธ อุปนิสากร และขับไล่ กกต.อีก 2 คน ออกจากตำแหน่ง คือ นางสดศรี สัตยธรรม และนายสมชัย จึงประเสริฐ ซึ่งรับผิดชอบดูแลงานด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เนื่องจากไม่มีความเป็นกลางในการทำหน้า ที่และเอื้อประโยชน์ในการพิจารณาคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคพลังประชาชน ท่ามกลางสายฝนตกโปรยปรายลงมาเล็กน้อย กระทั่งเวลา 09.00 น. แกนนำพันธมิตร 4 คน ประกอบด้วย นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เดินทางมาด้วยรถหกล้อที่ดัดแปลงเป็นเวทีเคลื่อนที่ ได้เปิดปราศรัยปลุกเร้าและเชิญชวนผู้คนให้ออกมาร่วมชุมนุมขับไล่ กกต.ที่ไม่ดีและให้กำลังใจ กกต.ที่ดี ซึ่งตลอดเวลาที่กล่าวปลุกเร้า บรรดาผู้ชุมนุมก็จะส่งเสียงโห่ร้องสนับสนุนดังลั่น

 

พุ่งเป้าขับไล่ “สมชัย-สดศรี”

 

จากนั้นในเวลา 10.00 น. ผู้ชุมนุมทั้งหมดได้เคลื่อนพลเดินเท้าจากสนามศุภชลาศัย ไปตามถนนพระราม 1 มุ่งหน้าไปที่อาคารศรีจุลทรัพย์ ที่ทำงานของ กกต.เป็นระยะทางเกือบ 1 กม. ซึ่งทำให้ตำรวจต้องปิดการจราจรที่แยกมาบุญครองทุกช่องทาง เพื่อให้ขบวนของนายสนธิ เคลื่อนไปสมทบกับผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯจำนวนหนึ่งที่รออยู่ด้านหน้าอาคารแล้ว และมีตำรวจนำแผงเหล็กมากั้นไว้ด้านหน้ากันไม่ให้ม็อบเข้าไปภายในอาคาร ขณะที่การจราจรก็กลายเป็นอัมพาตไปโดยปริยาย เพราะต้องปิดถนนหน้าอาคารทุกช่องทาง ตั้งแต่สะพานยศเส เรื่อยไปจนถึงแยกพงษ์พระราม เพื่อให้ขบวนของผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนเข้ามา ขณะเดียวกัน แกนนำพันธมิตรทั้ง4 คน ได้กล่าวโจมตีการทำงานของนายสมชัย จึงประเสริฐ และนางสดศรี สัตยธรรม 2 กกต. อย่างดุเดือด พร้อมเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมร่วมกันตะโกนขับไล่คนทั้ง 2 ให้ออกไปจาก กกต.

 

กกต.หายหมดอ้างติดงาน ตจว.

 

สำหรับบรรยากาศภายในอาคารศรีจุลทรัพย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไม่มีการประชุม กกต. โดยช่วงเช้า กกต. ทั้ง 5 คน ไม่ได้เดินทางเข้ามาทำงาน โดยนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. มีภารกิจเดินทางไป จ.นคร สวรรค์ เป็นประธานเปิดหมู่บ้านปลอดการซื้อสิทธิขายเสียง ที่บ้านเนินพยอม ต.หนองตางู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ส่วนนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรค การเมือง เดินทางไปเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ในหัวข้อ “การจัดทำฐานข้อมูลพรรคการเมือง” ที่วิทยาลัยนวัตกรรมอุดมศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่วนนายสมชัย จึงประเสริฐ เดินทางไปตรวจเยี่ยมและบรรยายสรุปเรื่องการเตรียมพร้อมการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่ กกต.อีก 2 คน คือ นายประพันธ์ นัยโกวิท ได้แจ้งว่าป่วย และนายสุเมธ อุปนิสากร ติดภารกิจข้างนอก

 

“จำลอง” อยู่โยงเฝ้ามัฆวานฯ

 

ขณะเดียวกัน ทางด้านกลุ่มพันธมิตรฯที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศกลับมีแต่ความเงียบเหงา เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ได้ไปชุมนุมที่หน้าอาคารศรีจุลทรัพย์ ทำให้เหลือเพียงกลุ่มผู้ชุมนุมกองทัพธรรมบางส่วน ราว 200 คน นั่งจับกลุ่มพูดคุยกันภายในเต็นท์ที่พัก โดยมีฝนตกโปรยปรายลงมาตลอดเวลา ขณะที่บนเวทีปราศรัยยังคงมีพิธีกรขึ้นทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ มีรายงานว่า พล.ต. จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ไม่ได้เดินทางไปรวมตัวกับแกนนำผู้ชุมนุมอีก 4 คนด้วย และเก็บตัวอยู่แต่ภายในเต็นท์กองทัพธรรม โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ เหมือนเคย

 

ชุมนุมด่าหนำใจแล้วถอยทัพ

 

ต่อมาในเวลา 12.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก 4 แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวปราศรัยโจมตีนายสมชัยและนางสดศรีอย่างหนักและเรียกร้องให้ทั้งสองลาออกจากการเป็น กกต.อยู่ราว 2 ชั่วโมง นายสนธิก็ประกาศให้ผู้ชุมนุมทั้งหมดเดินกลับไปยังที่ตั้งเดิมคือสะพานมัฆวานฯ โดยให้ใช้เส้นทางสะพานยศเส เลี้ยวขวาไปตามถนนมหานาค ตัดเข้าสู่สะพานมัฆวานฯ โดยมีกำลังตำรวจคอยดูแลความสงบเรียบร้อยไปตลอดเส้นทาง

 

“อภิชาต” กำชับคน กกต.หนักแน่น

 

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังจากที่ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯสลายตัวกลับไปแล้ว นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุม็อบพันธมิตรฯ มาที่ สนง.กกต.ว่า ได้แจ้งให้นายอภิชาตทราบแล้ว โดยนายอภิชาตได้บอกว่าให้หนักแน่นเข้าไว้ ตนจะสรุปข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ แล้วนำเข้าที่ประชุมเพื่อให้ กกต.รับทราบในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม ขอชี้แจงว่าสำนวนที่กลุ่มพันธมิตรฯระบุว่ามีการยกคำร้องกว่า 700 สำนวนนั้น ไม่เป็นความจริง คาดว่าคงจะมีการรวมเรื่องร้องคัดค้านท้องถิ่นเข้าไปด้วย เพราะขณะนี้สำนวนการร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งทั้งหมดมีเพียง 600 กว่าสำนวน และมีมติไปแล้วแค่ 200 สำนวนเท่านั้น ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบสำนวน กกต.นั้น ขึ้นอยู่กับที่ประชุม กกต.ว่าจะเห็นอย่างไร

 

ยืนยันไม่ทำตามใบสั่งใคร

 

นายสุทธิพลกล่าวว่า สำนวนต่างๆที่มีมติไปแล้วก็ถือว่าสิ้นสุดและสำนวนที่ยกก็ไม่ได้มีแต่พรรคพลังประชาชน ดังนั้นหากจะรื้อฟื้นพิจารณาใหม่อาจจะทำให้ ฝ่ายตรงข้ามรื้อสำนวนที่รับรอง ส.ส.ไปแล้วกลับขึ้นมาอีกได้ ซึ่งก็จะเกิดผลกระทบมาก ขณะนี้ประเทศมีประชาธิปไตยเต็มใบแล้ว หากเจ้าหน้าที่ทุจริตต่อหน้าที่ก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน หากเป็นความบกพร่องก็ตักเตือน จะเห็นได้ว่าไม่มีใครสั่ง กกต.ได้ เพราะไม่ได้ทำงานตามใบสั่ง แม้แต่ คมช.ก็ยังสั่งไม่ได้เลย ดังนั้นพันธมิตรฯ ก็มาสั่ง กกต.ไม่ได้เช่นกัน ขอยืนยันว่า กกต.ทำหน้าที่อย่างรอบคอบ แม้กลุ่มพันธมิตรฯ จะมาชุมนุม ก็ไม่ใช่ม็อบแรก สิ่งที่ยืนหยัดอยู่ได้คือ เป็นกลางทำตามกฎหมาย ไม่เข้าข้างฝ่ายใด แม้ว่าการพิจารณาบางเรื่องไม่ถูกใจคน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การทำงานของ กกต.หันไปทางไหนก็มีแต่ปัญหา ซ้ายก็เจอพันธมิตรฯ ทางขวาก็เจอรัฐบาล ก้มลงมาข้างล่างก็เจอพนักงาน แม้ขณะนี้จะไม่ท้อ แต่น้อยใจ เพราะ กกต.ทำงานหนัก แต่เจอแบบนี้เราก็ต้องหนักแน่นและสามัคคี

 

“สดศรี” โต้ข่าวดอดพบ “จาตุรนต์”

 

ด้านนางสดศรี สัตยธรรม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ จะแถลงข่าวเรื่องที่ถูกกล่าวหาจากกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเดินทางไปพบกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ประเทศจีน โดยจะนำหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) มาแสดงว่าไม่เคยไปประเทศจีนในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ไม่ สามารถแถลงในวันนี้ได้เนื่องจากยังติดภารกิจที่ จ.ชลบุรี พร้อมกันนี้ได้แสดงความเป็นห่วงเป็นใยเรื่องการชุมนุม เพราะได้รับรายงานว่ามีม็อบชนม็อบ

 

“เฉลิม” แจงทหารไม่ได้ถอดปลั๊กเอเอสฯ

 

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งมีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และตัวแทนฝ่ายทหารหลายคน เข้าร่วมประชุมนั้น ในช่วงหนึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ได้ชี้แจงกรณีรัฐบาลสั่งตัดสัญญาณการถ่ายทอดการชุมนุมของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีว่า ความจริงไม่ได้ไปตัดสัญญาณเอเอสทีวี เพียงแต่ถ้ามีการไปพูดบนเวทีพันธมิตรฯ แล้วมีการกล่าวร้ายหมิ่นประมาทคนอื่น แล้วเคเบิลทีวีเอาไปถ่ายทอดต่อจะมีความผิดด้วย เลยมอบให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าของเคเบิลทีวีระมัดระวังและหากมีใครไปแจ้งความร้องทุกข์ ก็ให้ดำเนินการไปตามกฎหมายตาม ม.85 รัฐบาลไม่ได้ใช้อำนาจกลั่นแกล้ง และในการชุมนุม 3 วันที่ผ่านมา ทางพันธมิตรฯ ยังพูดในการชุมนุมด้วยว่ามีทหารของพระราชา ทหารของพระราชินีอยู่ข้างเขา

 

นายกฯสั่งดำเนินการอย่างนุ่มนวล

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าตอนนี้การดูแลการชุมนุมถือว่าเดินหมากมาอย่างนี้ก็ถูกต้องแล้ว ก็ขอให้ มท.1 ดำเนินการไปอย่างนุ่มนวล ถ้ามีอะไรที่ผิดกฎหมายก็ไปฟ้องร้องตามกระบวนการยุติธรรมถ้าฟ้องแล้วเราจะดำเนินการอย่างไรก็ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปดูแลด้วย ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ได้พูดขึ้นมาว่าเวลานี้พวกเราไม่อยากจะให้ข่าว เวลาเดินๆ นักข่าวก็พยายามจะสัมภาษณ์ พวกเราก็พยายามบอกว่าไม่ให้ข่าวแต่พวกสื่อมวลชนก็กลับไปเขียนอีกอย่างหนึ่ง โดยไม่ตรงกับที่เราพูด ความจริงท่านนายกฯ น่าจะหามาตรการหรือมีคำสั่งออกมาเลยว่า ไม่ให้แม่ทัพนายกองให้สัมภาษณ์ ซึ่งนายกฯ รีบปฏิเสธว่า อย่าไปทำอย่างนั้น เพราะจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เป็นชนวนขึ้นมาอีก ตอนนี้ก็มีหลายเรื่องแล้ว ถ้าไม่อยากพูด เวลาเดินก็ไม่ต้องให้สัมภาษณ์ แต่เราคงจะไปห้ามสื่อไม่ได้ ดีที่สุดถ้าไม่อยากพูดถ้าโดนถามก็ไม่ต้องพูด

 

“มท.1” ยันไม่ถอยแต่จะเล่นแรงขึ้น 


Copy Link : ท่านสามารถ copy ลิงค์ของข่าวนี้เพื่อเผยแพร่ต่อได้
แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV


ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน

 

 

 

 

 



แจ้งลบกระทู้นี้

อ่าน 1747

แสดงความคิดเห็น โดย กรรมกรข่าว IP: Hide ip , วันที่ 17 มิ.ย. 51 เวลา 10:30:20
 

 

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 

 
กรุณาอ่าน
ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถ ระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใด ที่ขัดต่อกฎหมายและ ศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ 08-0500-1180 เพื่อให้ผู้ควบคุม ระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
 
 


จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 


หน้าแรก l หางานเชียงใหม่ | ตลาดออนไลน์ | เว็บบอร์ด | อัตราค่าลงโฆษณา | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี | ติดต่อเรา


เพื่อนบ้านเราทั้งหมด วิธีแลก Link

© cmprice.com since 14 Jan 2005
E-mail: info@cmprice.com
FaceBook : facebook.com/cmprice.fc
TEL. 08-0500-1180
Line id: cmprice









www.cmprice.com ที่นี่มีสิ่งดีๆ รอคุณอยู่
ผู้สนับสนุน แบบพิเศษ

บ้านหนองช้างคืน | เครื่องฟอกอากาศ เชียงใหม่-ลำพูน | ผ้าพันคอราคาถูก | ของชำร่วย | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี