กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
“พัชรวาท” สั่งเสริมกำลังคอมมานโดฯ เพิ่มอีก 3 พันนาย รับมือม็อบพันธมิตรฯ เคลื่อนพลใหญ่บุกทำเนียบรัฐบาล ขอยืมแผน “ดาวกระจาย” ตอบโต้ สกัดกั้น5เส้นทาง ยืนกรานไม่ยอมให้ปิดล้อมทำเนียบฯ ขณะที่ “รองฯโฆษกกลาโหม” ชี้ 20 มิ.ย.นี้ บททดสอบครั้งสำคัญของสังคมไทย “สิงห์เหลิม” คำรามลั่นระวังเหตุร้าย ระบุแหล่งข่าว “นายพล” จปร.7กระซิบบอก แฉมีการแอบลักลอบขนอาวุธ แถมระดมทีมรปภ.มือพระกาฬเข้ามาซ่องสุมแล้ว ด้าน “วอร์รูมพปช.” วอนนายกฯเร่งตัดสินใจ ก่อนถึงวันแตกหัก เตือนชาวบ้านถูกหลอเป็นเหยื่อเหมือน “พฤษภาทมิฬ” ส่วนแกนนำพันธมิตรฯ เดินสายป่วนเมือง โจมตี “นพดล” ขับไล่ออกจากกระทรวงต่างประเทศ ลือสะพัดมีคนเห็น “ลูกปลื้ม-ภักดิพร” โผล่ผสมโรงด้วย “จำลอง” ท้าตำรวจจะจับกุม ต้องมีหมายานั้น ชักชวนผู้ชุมนุมพกพากล้องมาบันทึกภาพ
แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงเดินหน้าใช้แผนดาวกระจายป่วนเมือง กดดันรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง หลังจากยกโขยงไปปิดล้อมที่อาคารศรีจุลทรัพย์ สำนักงานของกกต.แล้วก็ยังนัดรวมพลไปยื่นหนังสือที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา นอกจากนี้บรรดาแกนนำพันธมิตรฯ ยังได้ประกาศว่า ถึงเวลาเป่านกหวีดปลุกระดมใหญ่เชิญชวนประชาชน ทั่วประเทศเคลื่อนพลจากสะพานมัฆวานฯ บุกปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
บุกไล่รมว.ต่างประเทศ
ความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 มิ.ย. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายพิภพ ธงไชย เคลื่อนขบวนกลุ่มพันธมิตรฯ มาชุมนุมปิดถนนศรีอยุธยาด้านหน้ากระทรวงการต่างประเทศไปจนถึงแยกเสาวณีย์ โดยแกนนำใช้รถหกล้อปราศรัยเคลื่อนที่ซึ่งมีการติดป้ายผ้าสีเหลืองขนาดใหญ่ ที่มีข้อความว่า “THAILAND NOT FOR SALE” หรือ “ประเทศไทยไม่ได้มีไว้ขาย” มาจอดปักหลักปราศรัยโจมตีนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ อย่างดุเดือดพร้อมเรียกร้องให้นายนพดล ลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ และขอให้กระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยแผนที่เขาพระวิหารฉบับใหม่ที่กัมพูชานำ เสนอต่อไทย ทั้งนี้ได้มีการนำผู้ร่วมชุมนุมที่สามารถพูดภาษาต่างประเทศ มาปราศรัยโจมตีด้วยภาษาต่าง ๆ ได้แก่ ภาษาอังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย ฯลฯ
“ลูกชวน-ภักดิพร”โผล่ม็อบ
ในส่วนการรักษาความปลอดภัยด้านหน้ากระทรวงฯ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ปิดประตูรั้วและนำแผงเหล็กมากั้นอีกชั้น อย่างแน่นหนา และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 สั่งระดมกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายร้อยนายจาก สน.พญาไท สามเสน นางเลิ้ง และดินแดง มาตรึงกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยรอบบริเวณถนนศรีอยุธยาไปจนถึงถนนพระราม 6 สำหรับบรรยากาศภายในกระทรวงการต่างประเทศได้มีข้าราชการและลูกจ้างของ กระทรวงฯ จำนวนมากลงมาสังเกตการณ์พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการชุมนุมดังกล่าว นอกจากนี้ได้มีข้าราชการคนหนึ่งให้กำลังใจผู้ชุมนุมโดยนำเสื้อแจ๊กเกตสี เหลืองมาโบกสะบัดนอกหน้าต่างห้องทำงานที่ชั้น 5 ของอาคารภายในกระทรวงฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ของสำนักรัฐมนตรี
ขณะที่นายนพดลยังไม่ได้เดินทางเข้ามาทำงานพร้อมยกเลิกการพบปะกับเอกอัครราช ทูตเดนมาร์ก ประจำประเทศไทย อย่างไรก็ดีมีกระแสข่าวลือด้วยว่า ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ มีคนเห็นนายสุรบถ หลีกภัย หรือ ลูกปลื้ม บุตรชายนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนางภักดิพร สุจริตกุล มารดาทั้งคู่สวมชุดสีดำเดินอยู่แถว ๆ หน้ากรมทางหลวง ตรงข้ามกระทรวง การต่างประเทศ ทั้งนี้นางภักดิพรได้ผูกผ้าลายธงชาติไว้ที่ข้อมือด้วย
แถลงการณ์อัดยับ “นพดล”
จากนั้นเวลา 12.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวได้ร่วมกันยืนสงบนิ่งเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อ พระราชานุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ สมเด็จกรมพระยาเทววงศ์วโรปการซึ่งทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศคนแรก ก่อนที่จะสลายตัว แกนนำได้อ่านแถลงการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ ถึงนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีใจความว่า นายนพดล หมดความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งรมว.การต่างประเทศ รวมถึงประชาชนไม่มีความไว้ วางใจต่อนายนพดล จากกรณีที่กัมพูชาจะขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก นอกจากนี้ขอให้กำลังใจข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่ทำหน้าที่ปกป้องผล ประโยชน์ของชาติอย่างถึงที่สุด อย่ายอมทำตามคำสั่งที่มิชอบของนักการเมือง และต้องทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของไทย และเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับกรณีแหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนในน่าน น้ำอ่าวไทย โดยไม่ยอมให้มีการเอื้อประโยชน์ต่อ การลงทุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ
มท.1เตือนซ้ำระวังเหตุร้าย
ที่กระทรวงมหาดไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีแกนนำพันธมิตรฯ จะเคลื่อนขบวนไปชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ว่า อยากไปก็ไป ให้พันธมิตรฯ ไปดูไว้ก่อนเผื่อครั้งหน้าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง หากนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้รับเลือกเป็นนายกฯ จะได้ไปมาง่าย โดยการที่พันธมิตรฯ จะเคลื่อนไปทำเนียบฯ กระทรวงมหาดไทยไม่ได้ดูแลดูแลแค่พื้นที่ต่าง จังหวัดเท่านั้น แต่ยืนยันว่าเราจะไม่สกัดคนจากต่างจังหวัดเพื่อเข้ามาชุมนุม แต่ขอให้เข้ามาชุมนุม เยอะ ๆ แต่เชื่อว่าไม่มีใครเห็นด้วยหรอก
“ถือว่าผมเตือนแล้ว การกระทำเช่นนี้ของกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการแสดงให้สังคมเห็นว่าเขายึดครองหัวใจของรัฐบาลที่บริหารประเทศแต่ ปกครองไม่ได้ มั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเพราะการกระทำของพันธมิตรฯ ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย สังคมย่ำแย่ การเมืองผิดเพี้ยนเปลี่ยนรูปแบบ”
แฉแอบขนอาวุธเข้ามาแล้ว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ตนได้รับรายงานว่าได้มีการแอบขนลำเลียงอาวุธเข้ามาแล้ว โดยนายทหาร “จปร.7” เป็นคนบอกตน มีการลำเลียงอาวุธรุนแรงเข้ามาส่วนหนึ่งในเวทีพันธมิตรฯ มี รปภ.ประมาณ 200 คน และเพิ่มเติมอีก 80 คน ในจำนวน รปภ. 280 คนมีผู้ที่ใช้อาวุธคล่องแคล่ว มีประสบการณ์ผ่านสถานการณ์ การรบและเรียนรบพิเศษมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คน โดยอาจจะเป็นอดีตทหารมาก่อน บอกล่วงหน้าไว้เลยว่าในวันที่ 20 มิ.ย. เขากำลังหาวิธีก่อเหตุเพราะเขาชุมนุมแบบนี้รัฐบาลไม่ลงไปปฏิบัติการไม่เข้า ทางเขาก็ต้องสร้างเรื่อง
นายพล “จปร.7”กระซิบบอก
ทั้งนี้หากพันธมิตรฯจะท้าให้เปิดชื่อว่านายทหาร จปร.7 ใครเป็นคนให้ข่าวนั้น รมว. มหาดไทย กล่าวว่า จะขอไปสอบถามก่อนว่า “นายพล จปร.7” คนดังกล่าวจะให้เปิดเผยชื่อได้หรือไม่ บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ที่เชื่อถือได้เพราะเคยร่วมปฏิวัติและติดคุกมาด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2524 อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตำรวจจะสามารถดูแลได้ ผมกำชับให้ตั้งด่านตรวจให้ถี่ขึ้น งานนี้ใครหมดความอดทนก่อนก็ไปก่อน ใครอึดกว่าก็ชนะ
พปช.สะกิดแผลเก่า “มหา”
ส่วนที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะกรรมการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงว่า ขณะนี้มีการสร้างยุทธศาสตร์ 3 แนวรบกับรัฐบาลคือ กลุ่มพันธมิตรฯเดินเกมนอกสภา ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วน ส.ว.ก็ยื่นอภิปรายทั่วไป โดยมีจุดหมายที่จะล้มรัฐบาล และขอเตือนประชาชนว่าอย่าตกเป็นเหยื่อของพันธมิตรฯที่จะนำไปสู่เป้าหมาย เหมือน “พฤษภาทมิฬ’35” ที่มี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ พาคนไปตาย
เร่งตัดสินใจก่อนวันแตกหัก
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน กล่าวเรียกร้องให้นายกฯตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ก่อนที่พันธมิตรฯ จะบุกล้อมทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 20 มิ.ย. โดยคณะทำงานฯวิเคราะห์ว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะใช้ยุทธวิธีล้อมทำเนียบเพื่อให้คนไหลมายังสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งจะเป็นการสลายกำแพงตำรวจกั้นไว้และอาจจะมีการเคลื่อนขบวนตั้งแต่ช่วงค่ำ ของวันที่ 19 มิ.ย. แทนที่จะเป็นวันที่ 20 มิ.ย. ตามที่ประกาศไว้ คิดว่าท่านนายกฯต้องรีบตัดสินใจเพราะถ้าปล่อยให้พันธมิตรฯ ล้อมทำเนียบได้ก็หมายถึงว่ารัฐบาลถึงจุดจบและในวันที่ 20 มิ.ย. จะถือเป็น “วันแตกหัก” ระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเห็นว่าพันธมิตรฯต้องการให้เกิดการปะทะกันเพราะยิ่งชุมนุมคนยิ่งน้อยลง ดังนั้นจึงต้องสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง ขณะที่รัฐบาลก็คงไม่ยอมให้เกิดการปิดล้อมทำเนียบ
นายกฯหารือผบ.ทบ.-ผบ.ตร.
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศจะบุกทำเนียบในวันที่ 20 มิ.ย. เวลา 13.00 น. โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า เป็นเรื่องของพันธมิตรฯไม่ใช่เรื่องของตน ต่อมาได้มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือและรับทราบนโยบายการเตรียมความพร้อมกรณีม็อบพันธมิตรฯ จะเคลื่อนมาที่ทำเนียบรัฐบาล มีการหารือนานกว่า 1 ชม. จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท เปิดเผยว่า นายกฯ ได้สั่งการให้ดูแลทำเนียบซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มกำลังเท่าที่จำเป็น ยืนยันกลุ่มผู้ชุมนุมจะผ่านสะพานมัฆวานฯ ไม่ได้แต่ถ้าจะมาทางอื่นเราก็ต้องป้องกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี รมว.มหาดไทย ระบุว่ามีการเคลื่อนย้ายคนพร้อมอาวุธเข้ามาแล้ว ผบ.ตร. ตอบว่า เท่าที่ตรวจสอบยังไม่ทราบข่าว อย่างไรก็ตามสถานการณ์ไม่น่ามีอะไรรุนแรงประชาชนคนไทยด้วยกัน และตำรวจมีหน้าที่ดูแลประชาชนถ้าหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินตำรวจก็ต้องเป็นผู้ ดูแล
บททดสอบสำคัญสังคมไทย
ก่อนหน้านี้ช่วงเช้าวันเดียวกันที่โรงแรม เอเชีย มีการสัมมนาเรื่อง “บทบาททหารอาชีพ กับประชาธิปไตย” ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า การยึดอำนาจในปี 49 ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะจบลงตรงไหน กองทัพกำลังติดกับตัวเองเพราะการเมืองต้องการลากกองทัพเข้าสู่สถานการณ์และ การยึดอำนาจปี 49 ที่ผ่านมาสังคมไทยได้เรียนรู้อะไรบ้าง ไม่อยากจะโทษทหาร แต่สังคมมักจะมองว่ารัฐประหารเป็นหนทางเลือกที่ดีที่สุดทางการเมืองไทยหากจะ ทำอะไรตอนนี้ก็คิดหน้าคิดหลังให้ดีเพราะบทสรุปของปี 2549 ยังไม่ได้ข้อยุติ ไม่รู้ว่าเราถูกหลอกหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์เอาม็อบมาชนม็อบกัน จริงอาจจะเป็นการสร้างจินตนาการให้ประชาชนเราอาจจะถูกหลอกก็ได้
“ตอนนี้ไม่อยากเห็นคนไทยต้องมาเจ็บตาย ไม่อยากเห็นคนตีกันบนถนน วันที่ 20 มิ.ย. จะเป็นบททดสอบของคนในสังคมว่าพร้อมจะอยู่ร่วมกันหรือไม่ในสังคมที่มีความ เห็นแตกต่างกัน ที่สำคัญเราอย่าตลกจนเกิดเหตุจนทหารต้องออก มา อย่าคิดว่าเราท่อตันและทหารจะต้องเป็นเทศบาลมาล้างท่อ บ้านมีปัญหาต้องซ่อมไม่ใช่ไปเอาทหารมารื้อบ้าน”
ใกล้เหมือน “พฤษภาทมิฬ”
พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ รองโฆษก กระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตอนนี้ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงจะเกิดปัญหาเข้าทางกลุ่มที่อยากให้เกิด ปัญหา ตลอด 1 ปีที่ผ่านมากองทัพได้ยินเสียงชาวบ้านบ่นเข้าหูกองทัพมาตลอด กองทัพต้องปรับตัวตามความต้องการของสังคม แต่ความต้องการของสังคมจริง ๆ คืออะไร ถ้ากองทัพออกไปช่วยจะช่วยได้จริงหรือไม่ ท่าน ผบ.ทบ. เป็นคนหนักแน่น ท่านบอกว่าจะไม่ยุ่ง แต่ก็มีคนมายั่วแทบทุกวัน ตอนนี้กองทัพรู้ว่าถ้ายึดอำนาจรอบ 2 จะดีหรือไม่เพราะแรงต้านจะมีมากกว่าเดิมโดยเฉพาะแรงต่อต้านจากชาติตะวันตก ถ้าดูจาก เหตุการณ์ “พฤษภาปี 35” เหมือนกันมาก ตอนนี้อยู่ที่ว่าใครจะมีขันติมากกว่ากันระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มผู้ชุมนุม ใครจะเริ่มต้นเกมนี้ก่อน วันที่ 20 มิ.ย. จะเป็นบททดสอบสังคมไทยทั้งสังคมว่าถ้าเกิดวิกฤติในบ้าน คนในบ้านจะทำอย่างไร
ตร.ไม่ยอมให้ล้อมทำเนียบ
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่ บช.น. พล.ต.อ. พัชรวาท ผบ.ตร.เป็นประธานประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. รวมทั้งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และตัวแทนหน่วยงานสำคัญ เพื่อวิเคราะห์แก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ผ่านมา โดยใช้เวลากว่า 2 ชม. พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่าตำรวจจะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนไปยังบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.นี้อย่าง แน่นอน และหากกลุ่มผู้ชุมนุมใช้แผนดาวกระจาย ในการเคลื่อนขบวน ตำรวจก็จะใช้แผนดาวกระจายในการรับมือเช่นกัน แต่เน้นย้ำให้หลีกเลี่ยงการปะทะการใช้ความรุนแรง ขอยืนยันตำรวจไม่มีนโยบายการสลายการชุมนุม
วางแผนปิดกั้นทุกเส้นทาง
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก สตช. แถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือวางแนวทางการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุม พันธมิตรฯ ที่จะเดินทางไปปิดล้อมทางเข้าทำเนียบรัฐบาลว่า สตช. ได้ระดมกำลังตำรวจภูธรภาค 1,2,7 ตำรวจนครบาล ตชด. และชุดคอมมานโด กองปราบปราม อีกประมาณ 3 พันนายเพิ่มขึ้นจำนวน 3 เท่าของวันปฏิบัติการปกติ พร้อมอุปกรณ์ที่จำเป็นทุกรูปแบบทั้งโล่กำบัง แก๊สน้ำตา ฯลฯ ไว้พร้อมในการสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลเพราะเป็น สถานที่ราชการสำคัญ โดยปิดกั้นทางเข้าทุกช่องทางที่เป็นทางเข้ามีทั้งหมด 5 จุดโดยรอบเกรงว่าจะไปก่อความวุ่นวายใช้ถ้อยคำหยาบคายกับเจ้าหน้าที่และ ประชาชนที่ผ่านไปมาเหมือนเช่นที่ผ่านมา
“ผู้ชุมนุมมีอาวุธในมือทั้งคันธง ไม้เบสบอล ท่อนเหล็ก ไม้หน้าสาม และอื่น ๆ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้เตรียมไว้แล้ว เจ้าหน้าที่จึงต้องเตรียมอุปกรณ์ในการป้องกันตัวไว้พร้อมรถยกและรถน้ำดับ เพลิงเพื่อเตรียมฉีดแรงดันน้ำสกัดกั้นอีกวิธีการหนึ่งเพื่อป้องกันการก่อ ความไม่สงบซึ่งเป็นวิธีการสากลที่ใช้กัน ยืนยันไม่ใช่การสลายการชุมนุมเพียงแต่เป็นการสกัดกั้นไม่ให้มีการเคลื่อนมา ในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมเท่านั้น”
ต่อข้อถามกรณีมีการสั่งการให้ตำรวจภูธรภาคต่าง ๆ ตั้งด่านสกัดกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาสมทบนั้นจริงหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ท่าน ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยตั้งด่านสกัดตรวจค้นอาวุธและสกัดจับอาวุธทุกชนิด ไม่ให้นำเข้ามาในพื้นที่ กท. โดยเฉพาะเส้นทางในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1,2,7 แต่ไม่ได้มีคำสั่งให้สกัดกั้นประชาชนแต่อย่างใด ทุกคนมีสิทธิเข้ามาร่วมชุมนุมตามรัฐธรรมนูญได้
กกต.โต้ข้อมูลสำนวนมั่วนิ่ม
ส่วนความเคลื่อนไหวที่ กกต. นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวถึงการที่พันธมิตรฯ พยายามแยกกกต.ออกเป็น 2 ฝ่ายว่า ยอมรับว่าลำบากใจ แต่ยืนยันว่าขณะนี้ กกต.ทั้ง 5 คนยังทำงานร่วมกันไม่ได้แบ่งแยกการทำงาน ไม่มีการถูกชักจูงในเรื่องความคิดเห็น เราทำงานโดยอิสระและการพิจารณาก็ไม่ได้เข้าข้างพรรคใดพรรคหนึ่ง ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสำนวนที่มีการยกคำร้องไปแล้วนั้น ยังไม่มีการหารือในที่ประชุม กกต.
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวชี้แจงเรื่องการยกคำร้อง 700 สำนวนว่า เป็นการกล่าวหาที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เพราะสำนวนร้องคัดค้านที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของ กกต. มีทั้งหมดเพียง 648 สำนวนเท่านั้น ซึ่ง กกต. ได้พิจารณาเสร็จสิ้น 328 สำนวน ประกอบด้วย สำนวนที่ยกคำร้องคัดค้าน 248 สำนวน ยกคำร้องคัดค้านและดำเนินคดีอาญา 23 สำนวน ไม่รับคำร้องคัดค้าน 31 สำนวน ถอนคำร้องคัดค้าน 4 สำนวน เลือกตั้งใหม่โดยการให้ใบเหลือง 16 สำนวน มีจำนวน 30 คน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือให้ใบแดง 6 สำนวน จำนวน 8 คน รวมสำนวนที่พิจารณาเสร็จสิ้น 328 สำนวน
จุฬาฯไม่ปิดกั้นขึ้นเวทีม็อบ
ที่อาคารจามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีการประชุมคณบดีของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยประจำสัปดาห์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่ง ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมศ.ดร.จรัส ได้ขอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในคณะรัฐศาสตร์ให้คณบดีต่าง ๆ รับทราบตามที่ มีข่าวอยู่ในสื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคณบดีต่าง ๆ ให้กำลังใจ ศ.ดร.จรัสและเข้าใจดีว่าการขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ ซึ่งจุฬาฯไม่ปิดกั้นพร้อมให้เสรีภาพและไม่ว่าคณาจารย์หรือคณบดีคนใดจะขึ้น เวทีพันธมิตรฯ หรือเวทีใด ๆ ก็ตามก็เป็นสิทธิเสรีภาพทางวิชาการเช่นกัน แต่ทุกคนต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองพูด ส่วนเรื่องภายในคณะรัฐศาสตร์ก็เชื่อว่าจะคลี่คลายได้ โดยเฉพาะเรื่องรองคณบดีที่ยื่นใบลาออกก็กำลังพูดคุยทำความเข้าใจกันอยู่ เรื่องนี้ยังไม่จบและยังไม่อนุมัติใบลาออก
พันธมิตรฯเมืองคอนสมทบ
ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายโอสถ สุวรรณเศวต กรรมการพันธมิตรฯ 14 จังหวัดภาคใต้ เปิดเผยว่า ตลอดทุกคืนที่ผ่านมาได้มีการรวมตัวกันติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม พันธมิตรฯ มาโดยตลอด และล่าสุดนั้นในส่วนของนครศรีธรรมราช ได้มีข้อสรุปคือการรวมพลผู้ที่สนใจเดินทางไปยัง กท. สมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ เพื่อที่จะร่วมกันบุกทำเนียบรัฐบาลตามที่ได้มีการนัดหมายของแกนนำ ในส่วน จ.นครศรีธรรมราช นั้นได้นัดหมายรวมตัวกันที่ศาลาประดู่หก ถนนราชดำเนิน อ.เมืองนครศรีธรรมราช เวลา 10.00 น. วันที่ 19 มิ.ย. เพื่อเช็กยอดจำนวนก่อนจะร่วมกันเดินทางไปยังกรุงเทพฯแต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะ เดินทางไปโดยวิธีใด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเข้ามาแทรกแซงของทางราชการ และป้องกันการสกัดกั้นที่อาจจะเกิดขึ้นได้
“ศิริชัย”นำกฟผ.ร่วมชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่เวทีปราศรัยสะพานมัฆวานฯ ยังคงมีการชุมนุมกล่าวโจมตีรัฐบาลต่อเนื่อง ต่อมาเวลา 18.00 น. แกนนำพันธมิตรฯได้เปิดเวทีแถลงข่าว โดยนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ แถลงว่า ในวันที่ 20 มิ.ย. คาดว่าจะมีกลุ่มแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ทั่วประเทศเข้าร่วมชุมนุมที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลไม่ต่ำกว่า 3,000 คน โดยในวันนั้นตนอนุญาตให้พนักงาน กฟผ. ในส่วนของ กท. ลางานได้ครึ่งวัน
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าการเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบไม่ได้เป็นการหาทางลงของแกนนำ พันธมิตรฯ แต่ต้องการหาสิ่งที่ดีกว่า เนื่องจากเราชุมนุมมา 26 วันแล้วรัฐบาลยังไม่ทำตามที่เราเรียกร้อง แต่พันธมิตรฯจะไม่ยึดทำเนียบจะไปเพื่อยื่นหนังสือต่อนายกฯ เพื่อแสดงพลัง ส่วนจะปักหลักชุมนุมข้างทำเนียบเลยหรือไม่ยังตอบไม่ได้เพราะต้องขึ้นอยู่กับ สถานการณ์
“มหา”โวตร.จับต้องมีหมายศาล
เมื่อถามถึงกรณีตำรวจประกาศสกัดไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ ไปถึงทำเนียบรัฐบาลนั้นคิดเห็นเช่นไร พล.ต.จำลอง ตอบว่า แผ่นดินนี้เป็นของประชาชน ตำรวจไม่มีทางมายับยั้งเราได้ นี่ไม่ใช่การท้าทายแต่การจะจับต้องมีหมายศาล ถ้าตำรวจไม่ให้เราไปเราก็จะไปและถ้ามีการใช้ความรุนแรงจะถือว่าตำรวจและ รัฐบาลเป็นผู้ผิด ส่วนที่รมว.มหาดไทย และตำรวจ บอกตรงกันว่ามีการขนอาวุธเตรียมก่อความรุนแรงนั้นถือว่าเป็นการชี้ช่องที่ เขาทำมาโดยตลอด ซึ่งรัฐบาลและตำรวจต้องทำหน้าที่ป้องกันเขาพูดเพื่อหยุดยั้งเรา ขอเรียกร้องให้ประชาชนที่มาชุมนุมพกกล้องถ่ายรูป คอยถ่ายภาพตำรวจเข้ายับยั้งการชุมนุมด้วยเพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิด กฎหมายดังนั้นในวันที่ 20 มิ.ย. เวลา 13.00 น. ขอให้ประชาชนมาพร้อมกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล.
ที่มา เดลินิวส์
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
