พันธมิตรฯ ประกาศ10 ข้อ จี้ตร.หยุดเป็นทาส 'ระบอบทักษิณ' หลังปิดล้อมหน้า สตช.ทวงถามความคืบหน้าคดี 'แม้ว' 'สนธิ' แฉ 'จงรัก' รับใบสั่งเป็นหัวหน้าทีมกลั่นแกล้ง ปชช. ตั้ง 'เพรียวพันธุ์' ดูแลคดี 'จักรภพ' หมิ่นเบื้องสูง หวังช่วยเหลือกันเอง จี้ยึดหลักยุติธรรมให้แน่วแน่
      
เมื่อ เวลาประมาณ 11.10 น. หลังจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาชุมนุมที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ ถนนพระราม 1 นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้อ่านประกาศพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องให้ตำรวจหยุดเป็นทาสรับใช้ระบอบทักษิณ ดังนี้
      
คำประกาศ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เรื่อง เรียกร้องตำรวจหยุดเป็นทาสรับใช้ระบอบทักษิณ
      
ณ บัดนี้ พวกเราพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพร้อมด้วยพ่อแม่พี่น้องประชาชนจำนวน มากผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเดินทางมาที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว
      
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในฐานะที่เป็น ปากเสียงของประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทั่วประเทศขอประกาศต่อพี่น้องข้าราชการตำรวจให้ทราบโดยทั่วกันว่า
      
ตำรวจ เป็นผู้พิทักษ์ สันติราษฎร์ เนื้อหาคือ เป็นผู้พิทักษ์ปกป้องประชาชนให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ ให้มีความสงบสุขในการดำรงชีวิต และการประกอบสัมมาอาชีพ เพราะหน้าที่เช่นนี้ ตำรวจจึงมีสิทธิที่จะได้รับเงินเดือนจากภาษีของประชาชน และประชาชนก็คือเจ้าของอำนาจอธิปไตยและผู้มีพระคุณที่แท้จริงของพี่น้อง ตำรวจทั่วประเทศ
      
ตำรวจเป็นต้นกระแสธารของความยุติธรรมในบ้าน เมือง ทำให้กฎหมายของบ้านเมืองแข็งแรง และเกิดความปลอดภัยในบ้านเมืองได้ หากตำรวจไม่ตั้งตนอยู่ในความยุติธรรม ประพฤติตนเป็นทาสรับใช้ของนักการเมือง หรือเหล่าพาลแล้ว ย่อมไม่สามารถทำให้การบังคับใช้กฎหมายดำเนินไปตามปกติได้ ทำให้กฎหมายของบ้านเมืองพังทลายลง ทำให้บ้านเมืองถึงกาลอวสาน และทำให้พี่น้องประชาชนตกอยู่ในกลียุค ดังนั้น ประชาชนทั้งหลายย่อมหวังให้พี่น้องตำรวจเป็นที่พึ่งอันไว้วางใจได้ ในการรักษาและบังคับใช้กฎหมาย ทำให้กฎหมายของบ้านเมืองมั่นคงและศักดิ์สิทธิ์ ทั้งจะเป็นเกียรติต่อพี่น้องตำรวจทั่วประเทศด้วย
      
ตลอดระยะ เวลาในรอบหลายปีที่ผ่านมาข้าราชการตำรวจบางส่วนได้ประพฤติปฏิบัติตนไม่สมกับ เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ยอมตกเป็นทาสรับใช้นักการเมืองแห่งระบอบทักษิณอย่างไร้เกียรติและศักดิ์ศรี ดังต่อไปนี้
      
1. โยกย้ายข้าราชการที่ซื่อสัตย์สุจริตซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบคนในฝ่ายรัฐบาลไม่ ให้มีอำนาจ ในทางตรงกันข้ามกลับโยกย้ายตำรวจของตัวเองและพวกพ้องให้มีตำแหน่งและอำนาจ เพื่อกลั่นแกล้งรังแกฝ่ายที่ตรงกันข้าม
      
2. ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องมีมลทิน มัวหมอง ด้วยการปกป้องพวกพ้องไม่ให้ได้รับผิดในการฆ่าตัดตอนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากใน คดียาเสพติด ปกปิดและปกป้องเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้สั่งการอุ้มฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังเช่น คดีการอุ้มฆ่าทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่ยังไม่มีความคืบหน้าแต่ประการใด
      
3. ขัดขวางเสรีภาพของประชาชนในหลายจังหวัดไม่ให้เดินทางใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่กรุงเทพมหานคร
      
4. กระทำการเลวทรามต่ำช้า ก่อกวน ยั่วยุ การชุมนุมของประชาชนที่มีเจตนารมณ์พิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ใช้พฤติกรรมสกปรกด้วยการใช้รถเครื่องเสียงที่ได้มาจากภาษีประชาชนเปิดเสียง ดังเพื่อรบกวน ขัดขวาง และยั่วยุการปราศรัยบนเวที ต่อหน้า สื่อสารมวลชน ต่อหน้าผู้ชุมนุม และต่อหน้าผู้รับชมผ่านสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีอย่างอุกอาจ
      
5. มีพฤติกรรมปิดกั้นรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ข่มขู่คุกคามผู้ประกอบการทีวีเคเบิลท้องถิ่นไม่ให้ถ่ายทอดออกอากาศการชุมนุม ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
      
6. สมคบรู้ร่วมคิดกับอันธพาลแห่งระบอบทักษิณทำร้ายร่างกายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่สนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจหลาย ครั้ง โดยไม่มีใครออกมารับผิดชอบ
      
7. พยายามที่จะหยุดยั้งการชุมนุมของประชาชนผู้รักชาติหลายครั้ง ทั้งการให้สัมภาษณ์บิดเบือนข้อกฎหมายดูถูกหลอกลวงประชาชนเพื่อมุ่งหวังที่จะ รื้อและทำลายทรัพย์สินของการชุมนุม
      
8. เลือกปฏิบัติในการดำเนินคดีความ ถ่วงเวลาและบิดเบือนสอบสวนคดีความของคนในระบอบทักษิณให้เป็นไปอย่างล่าช้า ทั้งคดีกุหลาบแก้ว คดีทุจริตลำไย คดีบุกรุกและครอบครองที่ดินกรณีเขากระโดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย การบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์ในอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ฯลฯ ในทางตรงกันข้ามกลับสมคบกับฝ่ายการเมืองใส่ความและเร่งรัดคดีความฝ่ายที่ ตรวจสอบรัฐบาลโดยปราศจากข้อเท็จจริง ทั้งต่อนักการเมือง ต่อหน่วยงานองค์กรตรวจสอบอิสระตามรัฐธรรมนูญ และต่อภาคประชาชน ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วในความพยายามออกหมายจับเพื่อกลั่นแกล้ง นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) อันเป็นที่น่าอัปยศอย่างยิ่ง
      
9. เฉื่อยชาต่อการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และขบวนการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังจะเห็นได้จากความไม่คืบหน้าในคดีดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ของนาย จักรภพ เพ็ญแข เมินเฉยต่อกรณีการเผยแพร่คำแปลที่แสดงทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหา กษัตริย์ของนายจักรภพ เพ็ญแขในเว็บไซต์ของรัฐบาล ซึ่งตรงกันข้ามกับการเร่งรัดดำเนินคดีความต่อฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยเพื่อเอาใจนักการเมืองในระบอบทักษิณ
      
10. เพิกเฉยต่อคดีความคนที่เกี่ยวข้องกับคนในอำนาจรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินคดีอาญากับลูกชาย 2 คน ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ฐานปลอมแปลงเอกสารราชการใบนำผ่านการคัดเลือกการเกณฑ์ทหาร สด.43 ตลอดจนไม่ติดตามผู้กระทำความผิดทางอาญาในคดีฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุต หรือ ดาบยิ้ม มาลงโทษจนถึงที่สุด
      
เราขอ ประณามว่า การกระทำดังกล่าวข้างต้นนั้น คือการทรยศต่อประชาชน ทรยศต่อชาติ และทรยศต่อการเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะต้องรับผิดและถูกลงโทษทางกฎหมายทางสังคม และทางการเมืองในอนาคต อย่างสาสม
      
เรา เรียกร้องให้ข้าราชการตำรวจผู้ซื่อสัตย์สุจริต ยืนหยัดในหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่เป็นธรรม ต้องยินยอมพร้อมใจถูกโยกย้าย ดีกว่าที่จะตกเป็นทาสและติดคุกตารางในภายหลัง ทั้งจะได้รับความเป็นธรรมในที่สุด
      
เราเรียกร้องให้พี่น้อง ตำรวจ และครอบครัวตำรวจทั่วประเทศ ต่อต้านคัดค้านการฟื้นฟูและสร้างรัฐตำรวจของรัฐบาลหุ่นเชิดร่วมกับพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และทำให้ตำรวจเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างแท้จริง โดยให้ระลึกอยู่เสมอว่า การทำตามคำสั่ง ของตำรวจผู้ทรยศชาติ คือการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชาติ รวมทั้งตำรวจเอง จะต้องต่อต้านและขัดขวางคำสั่งทั้งปวงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นธรรม
      
เรา ขอเรียกร้องต่อท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ให้ยุติปัญหาดังที่กล่าวมาข้างต้นโดยทันที ด้วยการลงโทษข้าราชการที่ประพฤติมิชอบอย่างรวดเร็ว คืนความเป็นธรรมในการโยกย้ายข้าราชการที่ซื่อสัตย์ให้มาพิทักษ์สันติราษฎร์ โยกย้ายข้าราชการที่ประพฤติเลวทรามทั้งหลายไม่ให้มีอำนาจ ดำเนินคดีความต่อนักการเมืองในระบอบทักษิณและคนเกี่ยวข้องโดยเร็ว และหยุดพฤติกรรมข่มขู่ คุกคาม และกลั่นแกล้งการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อสร้างสันติสุขและความเป็นธรรมให้กลับคืนสู่แผ่นดิน
      
ด้วยความรักชาติ
      
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม 2551
 
ก่อ หน้านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานการเคลื่อนขบวนปิดล้อมหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า นำโดยแกนนำ 4 คน ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายพิภพ ธงไชย เดินทางมาด้วย ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้อยู่ดูแลเวทีที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
      
อย่าง ไรก็ตาม สตช.ไม่ได้เปิดประตูให้พันธมิตรฯ เข้าไปยื่นหนังสือ จนเวลาประมาณ 10.00 น. มีประชาชนมารวมตัวกันที่ถนนพระราม 1 หน้า สตช.หลายหมื่นคน จึงมีการปิดถนนพระราม 1 ตั้งแต่แยกอังรีดูนังต์ถึงแยกเพลินจิตเป็นสถานที่ชุมนุมปราศรัยชั่วคราว โดยมีนายศรัณยู วงศ์กระจ่าง ดาราชื่อดัง และนางสาวอัญชลี ไพรีรัก ขึ้นเวทีชั่วคราวบนรถบรรทุก ทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมเพื่อไม่ให้มีการทำลายต้นไม้ริมถนน และชุมนุมกันอย่างเรียบร้อย
      
จนเวลาประมาณ 10.05 น. นายสนธิ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีชั่วคราวว่า การมาปราศรัยที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ตนมาแต่ละครั้ง ล้วนเป็นเพราะประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม และตนรู้ว่าตำรวจคนไหนที่กลั่นแกล้งประชาชน ตั้งแต่สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ หัวหน้าทีมตำรวจที่คอยจัดการกับตนคือ พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ และวันนี้ คือ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ซึ่งเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังรถเครื่องเสียงก่อกวนพันธมิตรฯ ที่สะพานมัหวานด้วย ขอให้พี่น้องประชาชนจำชื่อไว้ด้วย
      
หลัง จากนั้น นายสนธิได้เปิดโปงถึงความพยายามที่จะช่วยเหลือนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.สำนักนายกฯ ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยเอา พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ พี่ภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนมาดูแลคดีนี้ และกล่าวว่า ที่มาวันนี้เรื่องเดียวที่อยากจะขอคือให้ตำรวจยึดถือความยุติธรรมให้แน่วแน่ เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเข้าข้างรัฐบาล หรือมาเข้าข้างพันธมิตรฯ