• ทหารไทย-เขมร หวิดปะทะ เล็งปืนเข้าใส่กัน |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 19 ก.ค. 51 เวลา 10:55:55 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
“ชวน” กรีดนายกฯคนหวงชาติไม่บ้า
โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่สถาบันเนติบัณฑิตยสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็น ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ต้องเป็นมิตรกัน แต่ประเด็นที่น่าสนใจขณะนี้คือกรณีพื้นที่ทับซ้อน ที่หากเป็นพื้นที่ทับซ้อนจริงๆ ย่อมหมายถึงว่า ต่างฝ่ายต่างไม่มีสิทธิ ดังนั้น ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้มีการหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันให้ชัดเจนระหว่าง 2 ประเทศว่า จริงๆแล้วยอมรับเป็นพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ ถ้ายอมรับตรงกันก็ต้องทำตามข้อตกลงร่วมในบันทึกช่วยจำ ปี 2543 ที่ว่าด้วยการกำหนดการปฏิบัติในพื้นที่ทับซ้อน โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รมช.ต่างประเทศ ในขณะนั้น ลงนามไว้กับกัมพูชา เมื่อถามว่า ประเด็นดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนในประเทศด้วยกันเอง นายชวนตอบว่า ไม่อยากให้มองในแง่ร้าย อย่าไปหาว่าคนที่เข้าไปเป็นคนบ้า ต้องคิดว่าเขาก็มีความหวงแหน และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำความเข้าใจ อย่าปฏิเสธเสียทั้งหมด ต้องดูว่าความจริงคืออะไร ไม่ใช่ใครเดินไป ตรงไหนก็ด่าเป็นไอ้บ้า เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น ขอให้ดูและฟังเหตุผลของเขาแล้วพูดกันดีๆ
“ปองพล” จวก “อดุล” จ้องซ้ำเติม
ด้านนายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการมรดกโลกไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอดุล วิเชียรเจริญ อดีตประธานคณะกรรมการมรดกโลกไทย ออกบทความวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดก โลก โดยโจมตีการดำเนินการของประธานคณะกรรมการมรดกโลกไทยคนปัจจุบันว่า เป็นการกระทำที่เลอะเทอะ ไม่ยอมหยุด ต่อว่าเพียงฝ่ายเดียวหลายครั้งหลายหน เมื่อมารับตำแหน่งก็ศึกษาหาข้อมูลมาโดยตลอด และตัดสินใจดำเนินการเพื่อให้เกิดผลดีที่สุด แต่วันนี้นอกจากจะไม่ช่วยเหลือกัน ยังเอาแต่ซ้ำเติม พยายามออกมาพูดให้เกิดความคลุมเครือ อยากถามเหมือนกันว่าพวกที่ออกมาแสดงความเห็นกันวันนี้ ก่อนหน้านั้นทำไมไม่ออกมากันเลย เรายอมเขามา 46 ปี คนที่เกี่ยวข้องทำไมไม่ออกมาคัดค้านบ้าง
ข้องใจนั่งประธาน 18 ปีทำอะไรอยู่
นายปองพลกล่าวว่า กรณีที่นายอดุลออกมาท้วงติงว่าไม่ทำการคัดค้านร่างมติการประชุมที่แคนาดา นั้น การประชุมดังกล่าวประธานในที่ประชุมรวบรัดประชุมเพียง 20 นาที โดยนำข้อมูลให้คณะกรรมการ 21 คน เราเป็นเพียงแค่ผู้สังเกตการณ์เท่านั้น ซึ่งในที่ประชุมก็ไม่มีใครพูด ไม่มีใครคัดค้านเลย ในที่สุดก็เอาค้อนทุบ ขึ้นทะเบียนได้ แต่เราก็แจ้งว่าจะขอพูด 2 คน คือ ตนกับนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ก็ได้คัดค้านไปในเรื่องของกฎเกณฑ์ต่างๆ ส่วนตัวเพิ่งรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ก่อนการประชุมเพียงสัปดาห์เดียว แต่นายอดุลเป็นประธานคณะกรรมการมรดกโลกของไทยมานานถึง 18 ปี ทำอะไรอยู่ รู้สึกข้องใจเหมือนกัน เหตุใดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงต้องเปลี่ยนตัว เมื่อดูก็พบว่าการทำงานไม่มีความคืบหน้า การประชุมครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ส.ค. 2550 ทั้งๆที่จะมีเรื่องสำคัญคือ ปราสาทพระวิหาร แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรออกมาเลย
เขมรปอยเปตเร่งตุนอาหาร
ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และในฝั่งปอยเปต อ.โอวโจวโรว จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่างได้รับผลกระทบจากข้อพิพาทปราสาทพระวิหารเช่นกัน โดยต่าง ฝ่ายก็หวั่นวิตกกลัวเหตุการณ์บานปลายจนถึงขั้นสั่งปิดพรมแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ทำให้ ตั้งแต่เช้าวันที่ 18 ก.ค. ที่ตลาดโรงเกลือ และหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ยังคงมีชาวเขมรเดินทางเข้ามาค้าขายและซื้อสินค้าในตลาดโรงเกลือกันตามปกติ แต่ถือว่าบางตากว่าทุกวัน นักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทาง ไปท่องเที่ยวในนครธม-นครวัด จ.เสียมเรียบ ของกัมพูชา ถูกสั่งงดการเดินทางจำนวนมาก มีเพียงกลุ่มเล็กๆที่เดินทาง เข้าไปเที่ยวในฝั่งกัมพูชา แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ามีชาวเขมร ที่เดินทางเข้ามาในตลาดโรงเกลือ ต่างหาซื้อสินค้าประเภท อาหารแห้ง เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กลับไปแทบทุกคน
หวั่นปิดด่านแห่ซื้อน้ำมันจากไทย
นางโย รา อายุ 38 ปี แม่ค้าชาวกัมพูชาที่มาค้าขาย จำหน่ายกระเป๋ามือสองในตลาดโรงเกลือ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ทำให้เหตุการณ์ ตึงเครียดทั้งสองประเทศ ขณะนี้ชาวกัมพูชาในปอยเปต ที่มาค้าขายและรับจ้างอยู่ในตลาดโรงเกลือ ต่างหวั่นวิตก ว่าเหตุการณ์จะรุนแรงถึงขั้นมีการสั่งปิดพรมแดน จึงเดินทาง เข้ามาซื้อสินค้าประเภทข้าวสารอาหารแห้งไปตุนไว้ หากเกิดการปิดด่านจะได้มีอาหารกินกัน นอกจากนี้ยังมีชาวเขมรจำนวนมากที่มีรถ จยย.และรถยนต์ในปอยเปต ต่างพยายามสั่งซื้อน้ำมันจากไทยเพื่อไปตุนไว้ เกรงปิดด่านแล้วไม่มีใช้
ส่ง ตร.อารักขาสถานกงสุลเขมร
ขณะเดียวกันที่บริเวณสถานกงสุลใหญ่กัมพูชา ประจำอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว ยังคงส่ง จนท.ตร.ไปอารักขา และรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และ พ.ท.เอกรัติ เมธาวัฒนานันท์ รอง ผบ.ฉก.กรม.ทพ.ที่ 12 กกล.บูรพา ได้สั่งการให้ พ.ต.ศลิษฏพงษ์ แก้วพิลา ผบ.ร้อย ทพ.ที่ 1201 ฉก.กรม.ทพ.ที่ 12 กกล.บูรพา ออกตรวจสอบและตรวจค้นรถยนต์ของชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามาและจะกลับออกไป หลังมีกระแสข่าวลือทั่วปอยเปตว่าอาจจะมีการปิด ด่านพรมแดนอรัญประเทศ ทำให้ชาวเขมรเดินทางเข้ามา เพื่อซื้ออาหารแห้งไปกักตุนและจะมีการตุนน้ำมัน ซึ่งจาก การตรวจสอบของ จนท.พบว่าเป็นข่าวลือที่ออกมาจาก ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา จึงสั่งให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวด กลัวมีการสร้างสถานการณ์ จนเกิดความกลัวและ ความสับสนในพื้นที่
นายกฯ เรียก ผบ.เหล่าทัพถกเขาพระวิหาร
ต่อ มา เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เรียกประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประกอบด้วย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุขผบ.ทอ. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ตลอด จนผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กรณีเขาพระวิหารที่ทั้งสองฝ่ายมีการเสริมกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่ชายแดนภาย หลังคนไทย 3 คน ถูกจับเพราะบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อน รวมถึงหารือถึงแผนการเตรียมการเจรจา ต่อที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ร่วมกับ พล.อ.เตีย บันห์ รมว.กลาโหมกัมพูชา ที่โรงแรมอินโดจีน จ.สระแก้ว ในวันที่ 21 ก.ค.นี้
มอบ “ผบ.สส.” เจรจาเขมรจันทร์นี้
ภายหลังการประชุมเป็นเวลาชั่วโมงครึ่ง พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงเรื่องการเตรียมไปเจรจาต่อที่ประชุมจีบีซี ในวันที่ 21 ก.ค. ที่ จ.สระแก้ว และปัญหาเขาพระวิหารที่ เป็นปัญหาเร่งด่วนในขณะนี้ ซึ่งได้กรอบในการไปเจรจาแล้ว โดย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด จะรู้เรื่องนี้ดี ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯแสดงความกังวลภาวะตึงเครียดของกำลังทหารทั้งสองฝ่ายที่ตรึงตามแนวชาย แดนหรือไม่ พล.ท.สุรพลตอบว่า “แน่นอน ท่านรับผิดชอบบ้านเมือง ท่านต้องเป็นห่วงแน่นอน ซึ่งแนว โน้มคือการเจรจาแน่นอนไม่มีทิศทางการที่จะเผชิญหน้าส่วนเรื่องการถอนกำลัง หรือไม่นั้น รายละเอียดต้องรอผล การเจรจาระหว่างกัน ซึ่งอาจมีทางออกที่ดีร่วมกัน”
เชื่อโอกาสดีเจรจาได้ทุกเรื่อง
ขณะที่ พล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมเช่นกันว่า เป็น การทำความเข้าใจของฝ่ายไทย และการกำหนดท่าทีในการที่จะพูดจากับทางกัมพูชา ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นความเข้าใจที่ดี ซึ่งเรื่องนี้นายกฯมอบ หมายเป็นการเฉพาะให้ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด ในฐานะรองประธานคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา เป็นผู้แทนในการประชุม ซึ่งจะเดินทางไปพร้อมกับปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ ส่วนจะมีการหยิบยกปัญหาคนไทยกับคนกัมพูชาในพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่นั้น คิดว่าเมื่อตัวแทนทั้ง 2 ประเทศได้เจอกันเป็นโอกาสดีที่จะได้พูดจากันทุกเรื่อง ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างคน ไทยกับกัมพูชาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะ ผบ.ทบ.ได้ร่วมชี้แจงสถานการณ์อย่างชัดเจน ซึ่งระบุว่าการแก้ปัญหาที่ ผ่านมา ทำได้ด้วยความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ
วางกรอบคุยเน้นสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เมื่อถามว่า นายกฯได้ชี้แจงเกี่ยวกับสารที่นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งมาเพื่อขอให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่ชายแดนหรือไม่ พล.ท.นิพัทธ์ กล่าวว่า ได้มีการพูดจากับนายทหารชั้นผู้ใหญ่แล้วที่จะ เดินทางไปประชุมในครั้งนี้ โดยจะนำไปพูดจากับกัมพูชา ในเวทีที่ประชุมคณะกรรมการจีบีซี ซึ่งหลังจากการประชุมจะมีการแถลงข่าวร่วมที่ อ.อรัญประเทศ อีกครั้ง อย่างไร ก็ตาม นายกฯได้มอบหมายว่าในการพูดจากันทุกอย่างต้องดำรงอยู่บนความสัมพันธ์ที่ดี ของทั้ง 2 ประเทศ นอก จากนี้ นายสมัครยังได้เขียนบันทึกข้อความถึง พล.อ.เตีย บันห์ โดยฝากให้ พล.อ.บุญสร้างดำเนินการส่งไปให้ ขณะ ที่กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการชี้แจงตามช่องทางของตนเอง
สื่อนอกตีข่าวไทย-เขมรหวิดปะทะ
ด้านสำนักข่าวเอพีและเอเอฟพี รายงานอ้างคำกล่าวพลจัตวาเจีย เกียว ผบ.กองทัพกัมพูชา ในจังหวัดพระวิหาร ระบุว่าเกิดความตึงเครียดขึ้นเมื่อคืนวันพฤหัสฯ เมื่อทหารไทยกับกัมพูชายกปากกระบอกปืนเข้าใส่กัน เหตุเกิดหลังทหารกัมพูชาราว 50 นาย เข้ามาในเขตพระเจดีย์ที่อยู่ในบริเวณปราสาทพระวิหารและเป็นเขตแดน “พิพาท” เพื่ออารักขาพระสงฆ์ แม่ชี และฆราวาสชาวกัมพูชา ที่เข้ามาทำพิธีทางศาสนาตลอดคืน แต่ทหารไทยได้เข้าไปเพื่อผลักดันให้ถอยกลับจนมีการหันอาวุธเล็งใส่กันและกัน แต่หลังนายทหารระดับผู้บัญชาการของทั้งสองฝ่ายมีการหารือกันราวหนึ่งชั่วโมง เหตุการณ์จึงคลี่-คลาย โดยทหารกัมพูชายอมอยู่ด้านนอกพระเจดีย์เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า อย่างไรก็ดี แม้มีข่าวว่าในวัน จันทร์นี้ ไทยและกัมพูชาจะมีการหารือกัน แต่กลับมีการเสริมกำลังทหารเข้าพื้นที่เขตแดน “พิพาท” กันอยู่ ขณะที่สถานทูตสหรัฐฯออกแถลงการณ์เตือนชาวอเมริกันระงับการเดินทางไปยัง พื้นที่ดังกล่าว จนกว่าสถานการณ์ จะได้รับการแก้ไข
“พิภพ” ตำหนิ ผวจ.ปล่อยไทยตีกันเอง
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตร จ.ศรีสะเกษ ปะทะกับม็อบชาวบ้านในพื้นที่ว่า เป็นการรวมตัวของประชาชนในต่างจังหวัด ทั้งที่เป็นกลุ่มพันธมิตรฯ และประชาชนในพื้นที่เพื่อแสดงตัวปกป้องอธิปไตยของชาติ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ประชาชนที่บริสุทธิ์ และประชาชนที่มีนักการเมืองจัดตั้งเข้ามา ซึ่งกลุ่มหลังเป็นกลุ่มที่สร้างสถานการณ์ทำให้เกิดความรุนแรง จนเกิดการปะทะกัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจของจังหวัดศรีสะเกษ จะต้องมีนโยบายชัดเจนว่าเข้ามาแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างนี้อย่างไร ความจริงแล้วการมีความคิดต่างกันไม่จำเป็นต้องทะเลาะกัน เจ้าหน้าที่จะต้องทำความเข้าใจและให้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องปราสาทพระ วิหารแก่ประชาชน รวมทั้งนักวิชาการ สถาบันการศึกษาต้องมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งขอตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ขอถามนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ว่าจะมีนโยบายการแก้ปัญหากรณีปราสาทพระวิหารและความขัดแย้งของประชาชนอย่าง ไร ในเมื่อปัญหาที่เกิดขึ้น มาจากฝีมือของรัฐบาลที่ดำเนินนโยบายผิดพลาด จนก่อให้เกิดความคิดที่แตกต่างกันในหมู่ประชาชน ทั้งในพื้นที่และจังหวัดอื่นทั่วประเทศ รัฐบาลปล่อยให้คนไทย 3 คน ที่เข้าไปในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร จนถูกทหารกัมพูชาจับได้อย่างไรทั้งที่เป็นพื้นที่ของประเทศไทย
โยนรัฐบาลอย่าปัดสวะพ้นตัว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่นายกรัฐมนตรีมองว่า เรื่องการปะทะกันเป็นเรื่องของคนบ้า นายพิภพสวนทันควันว่านายสมัครไม่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มองประเด็นนี้เป็นเรื่องวิปริต เพราะตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นคนสร้างปัญหานี้ขึ้นมาเอง และเป็นความผิดของรัฐบาลทหารในอดีต ที่สร้างปัญหานี้ในเรื่องรั้วเขตแดน พูดอย่างตรงไปตรงมา รัฐบาลในอดีตและปัจจุบันไม่แก้ปัญหาและยังสร้างความสับสนและเคลือบแคลงใจให้ แก่ประชาชน รวมทั้งวิธีการแก้ปัญหายังถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และกลุ่มทุนที่ไปลงทุน ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ทำให้เสียอธิปไตยไป 4.6 ตารางกิโลเมตร และจะเสียอธิปไตยลุกลามไปอีกกว่า 100 จุด เพราะฉะนั้นรัฐบาลอย่ามาปัดสวะในเรื่องนี้ ต้องออกมารับรับผิดชอบ
หยันนายกฯ ไทยสู้ฮุนเซนไม่ได้
ต่อข้อซักถามที่ว่า นายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะเข้ายึดศาลากลางจังหวัด เพื่อให้ทหารออกมาคุมสถานการณ์ จริงหรือไม่ แกนนำพันธมิตรฯ ตอบว่า นายกรัฐมนตรีแต่งเรื่องขึ้นเอง รู้อยู่แล้วว่านายกรัฐมนตรีคนนี้สามารถทำความจริงให้เป็นความเท็จและทำความ เท็จให้เป็นความจริงได้ คนเป็นนายกรัฐมนตรีพูดอย่างนี้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้านายสมัครทราบข้อเท็จจริงก็ให้นำหลักฐานออกมาแสดงต่อประชาชน และอย่าปัดสวะ หรือเฉไฉ หาว่าประชาชนและกลุ่มพันธมิตรฯต้องการสร้างเงื่อนไขความรุนแรง เพื่อนำไปสู่การปฏิวัติ ซึ่งหากจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นายกรัฐมนตรีจะต้องแถลงต่อประชาชนว่าจะมีนโยบายในการบริหารจัดการพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรออกมาให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร ขอถามถึงความรักชาติของนายกรัฐมนตรีว่าอยู่ตรงไหน หากเทียบกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะขณะนี้ตนรู้สึกช้ำใจมาก ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นคนเช่นนี้
มอบเงิน ทพ.เหยียบระเบิดขาขาด
เวลา 12.30 น. ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ พร้อมด้วยตัวแทนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำนวน 4 คน เดินทางเข้าเยี่ยม ทพ.วิลัย อารมย์ อายุ 48 ปี ทหารพรานสังกัดค่ายน้ำเย็น กรมทหารพราน 23 กองทัพภาคที่ 2 หลังจากพลาดท่าเหยียบกับระเบิดขณะออกลาดตระเวนบริเวณริมชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหาร จนทำให้ขาข้างขวาขาดขึ้นมาถึงหัวเข่า โดย นายปานเทพได้มอบเงินให้กับ ทพ.วิลัยจำนวน 1 แสนบาท พร้อมกล่าวว่า เงินที่นำมามอบให้ส่วนหนึ่งเป็นเงินที่ประชาชนร่วมกันบริจาคจำนวน 6 หมื่นบาท และเป็นเงินส่วนตัวของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ อีก 4 หมื่นบาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจที่มีความเข้มแข็งในการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นการต่อสู้เพื่ออธิปไตยของชาติ ซึ่งหากใครทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯก็พร้อมที่จะปกป้องอย่างเต็มที่
กองทัพแจงภารกิจกู้ทุ่นระเบิด
ในวันเดียวกัน กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ส่งคำชี้แจงกรณีการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ในพื้นที่ใกล้เคียงประสาทพระวิหาร ความว่า ตามที่ประเทศไทยร่วมลงนามเป็นสมาชิกในอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิตและโอน และการทำลายทุ่น ระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2540 และได้ให้สัตยาบันในเวลาต่อมา ทำให้อนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2542 ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ อันเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นในกองบัญชาการกองทัพไทยได้ปฏิบัติการเก็บกู้ ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยบริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมาตาม ลำดับ ตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน เหตุการณ์ที่มีอาสาสมัครทหารพรานประสบเหตุเหยียบกับระเบิดที่บริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลตระหนักถึงอันตรายเกี่ยวกับทุ่นระเบิดที่ตกค้างในพื้นที่และสั่ง การให้ศูนย์ฯปรับแผนไปดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวก่อน โดยมีการเข้าไปเก็บกู้ทุ่นระเบิดบริเวณพื้นที่อันตรายหมายเลข 436 (บริเวณทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหาร) และพื้นที่ใกล้เคียงบ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแผนที่วางไว้แล้ว เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนในประเทศไทย มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่ อย่างใด
ทหารเขมรเสริมกำลังเพิ่มอีก
ด้านบรรยากาศที่บริเวณผามออีแดง อ.กันทรลักษ์ ตั้งแต่เช้า พลโทสุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางตรวจแนวชายแดนที่ผามออีแดง ซึ่งพบรถบรรทุกทหารของกัมพูชา จำนวน 8 คัน มาจากอำเภอจอมกะสาน จ.พระวิหาร ตามถนนช่องโกมุย มุ่งหน้าสู่ปราสาทพระวิหารเป็นการเสริมกำลังทหารของฝ่ายกัมพูชา จากนั้น พลโทสุจิตรเปิดเผยว่า วันนี้มาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลและติดตามการดำเนินงานของกองกำลังสุ รนารีที่ปฏิบัติภารกิจอยู่พื้นที่ที่มีปัญหาไม่ ชัดเจนในเรื่องเขตแดน ซึ่งทั้งสองฝ่ายถือแผนที่คนละฉบับ และฝ่ายทหารได้เจรจาหาข้อยุติในเรื่องพื้นที่ ทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านกัน มีความสัมพันธ์ค้าขาย ท่องเที่ยวกันมา ทหารได้พูดจามีความสัมพันธ์กันอยู่ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ขัดแย้งจนต้องใช้กำลังรุนแรง ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องยกระดับในการเจรจาในระดับที่สูงขึ้น ระดับพื้นที่คงเจรจากันไม่มีข้อยุติ ต้องมีการตั้งคณะกรรมการดำเนินการเจรจาปักปันเขตแดนอย่างมีขั้นตอนและต้อง ใช้ระยะเวลา
รู้ทุกคนรักชาติแต่ขอให้มีเหตุผล
พลโทสุจิตรยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ชุมนุมปะทะกันว่า เป็นความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ให้ทุกฝ่ายใช้เหตุผล เพราะทุกคนมีความรักชาติบ้านเมืองกันทุกคน ทหารก็กำลังทำหน้าที่ในการรักษาอธิปไตย อยากให้ทุกฝ่ายสามัคคีกัน ทุกคนสามารถแสดงออกของความรักชาติได้ การชุมนุมที่มีจำนวนคนมากๆ และมาอยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหาสร้างความยุ่งยากให้กับการรักษาความปลอดภัยของ ทหาร ควรชุมนุมกันในพื้นที่ที่เหมาะสม
ธรรมยาตราแจ้งความเอาผิดเขมร
ต่อมาคณะธรรมยาตรา นำโดยนายสมาน ศรีงาม ได้นำช่อดอกไม้และข้าวสารอาหารแห้งมามอบให้ตัวแทนทหารพราน เป็นการขอบคุณที่ช่วยเหลือสมาชิก 3 คนที่ถูกทหารเขมรจับตัวไปให้กลับมาอย่างปลอดภัย จากนั้นทั้งหมดได้กลับไปจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญให้คนทั้งสาม ก่อนที่จะพาเข้าพบ พ.ต.ท.คมสัน ทันนา พนักงานสอบสวน สภ.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับทหาร ตำรวจ ชาวกัมพูชา ในข้อหาหน่วงเหนี่ยว หรือกระทำการใดให้ไร้อิสรภาพ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน ไม่ใช่ดินแดนของกัมพูชา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ทั้งหมดจึงเดินทางกลับ โดยพนักงานสอบสวนได้บริการนำรถยนต์ไปส่ง โดยไม่มีเหตุรุนแรงจากกลุ่มต่อต้านแต่อย่างใด
ที่มา ไทยรัฐ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1374 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 19 ก.ค. 51
เวลา 10:55:55
|