ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
บอกตรงๆว่าผิดหวังมากๆเมื่อมีข่าวแน่ชัดว่า ทักษิณ ตัดสินใจลี้ภัย ไม่กลับประเทศไทย ขอฟันธงไปเลยว่ายุทธศาสตร์นี้เป็นยุทธศาสตร์แห่งความพ่ายแพ้ที่ไม่มีวันชนะ
จริงอยู่ มีข่าวว่า ทักษิณต้องกลืนเลือดจำใจต้องสู้โดยวิธีลี้ภัย เพราะลูกน้องทรยศ จึงจำเป็นต้องถอยออกไปเพื่อคัดกรองมิตรแท้ มิตรเทียม มิตรทรยศ แล้วค่อยคิดสู้ใหม่ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ยุทธศาสตร์การย้ายทำเล
ที่ตั้งของทัพหลวงครั้งนี้ ผิดอย่างใหญ่หลวง
มีผู้กล่าวว่า ไม่มีอุปสรรคใดสามารถกีดขวางวีรบุรุษได้..คำพูดนี้เป็นจริงหรือ? ถ้าเป็นจริง ทักษิณก็ไม่ใช่วีรบุรุษซิ
สื่อไทย ให้ฉายาว่า ทักษิณ คือ อัศวินลูกที่สาม จริงๆแล้ว ทักษิณ ก็ไม่ใช่อัศวิน น่ะซิ
เหตุผลเพราะ ทักษิณกลัวที่จะต้องเดินผ่านอุปสรรค คือ การตัดสินของศาลซึ่งต้องติดคุกแน่นอนโดยดูแนวโน้ม
ของคดี
เนลสัน แมนเดอร่า ..อองซานซูจี บุคคลเหล่านี้ คุก ไม่ใช่อุปสรรคสามารถกีดกั้นการต่อสู้ของพวกเขาได้เลย
เนลสัน ถูกจำคุก 20 ปี พอออกจากคุกมาเขาคือวีรบุรุษ และได้เป็นถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ
อองซานซูจี ถูกคุมขังกักบริเวณ ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้รับการปล่อยตัว แต่เขาก็ยังสู้โดยยอมถูกกักขัง เพราะรู้ว่า ถ้าลี้ภัยออกนอกประเทศเธอจะไม่มีวันชนะเลย
ทักษิณ คือคนที่ทำให้ผมสนใจการเมือง และศึกษาย้อนหลังอย่างเข้มข้น เพื่อให้รู้ถึงบริบทความเป็นมาเป็นไปเมื่อติดตามอย่างใกล้ชิด ผมยกให้คุณทักษิณเป็นครู ในเรื่องการสร้างยุทธศาสตร์ เพราะท่านมีรูปแบบหลากหลาย แต่ละกลยุทธโดนจริงๆ แหล่ม มาก
มาบัดนี้ ผมได้ข้อสรุปใหม่แล้วว่า ในเรื่อง กลยุทธ์ คุณทักษิณเก่งเฉพาะยุทธศาสตร์เชิงรุกเท่านั้น แต่ยุทธศาสตร์เชิงรับ คุณทักษิณ อ่อนด้อยมาก ผิดพลาดเพรี่ยงพร้ำตลอดเมื่อตกเป็นฝ่ายรับ ยิ่งออกแถลงการณ์ 3 ข้อมีอยู่ข้อหนึ่งที่ให้ร้ายศาลยุติธรรม ยิ่งผิดซ้ำผิดซ้อนเข้าไปใหญ่
ทำไม ผมจึงตั้งชื่อกระทู้ว่า.... ทักษิณ ชินวัตร...... คนฉลาดผู้ขลาดเขลา…. เพราะเขาขลาดเกินไปที่จะกล้า เดินผ่านกระบวนการยุติธรรม อยากถามคุณทักษิณว่า คำตัดสินของศาลตรงใหนหรือที่ไม่ยุติธรรม ถ้าอ่านคำพิพากษาแล้วพิจารณาเยี่ยงวิญญูชน ต้องสรุปว่าศาลท่านพิพากษาโดยชอบแล้ว
ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงกลัวทำไมกับเรื่องแค่นี้ การติดคุก สามารถสร้างความกลัวให้ผู้ยิ่งใหญ่ได้หรือ การยอมรับผิดผ่านกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่การล้างกรรมผิดที่ตัวเองได้ก่อไว้หรือ และเมื่อล้างมลทินเก่าหมดแล้วจะคงเหลือแต่กรรมดีที่ตัวเองเคยได้สร้างไว้ไม่ใช่หรือ และถ้าวันนั้นมาถึง ซึ่งผมเชื่อว่า ตอนนั้นทักษิณคงอายุประมาณ 65 ปียังหนุ่มเพียงพอที่จะบริหารประเทศมิใช่หรือ
ที่ผมแสดงความเห็นอย่างนี้ คงมีคนคิดว่าผมไม่อยากให้บ้านเมืองสงบหรือ เพราะถ้าทักษิณไม่อยู่แล้ว และพ่ายแพ้อย่างราบคาบ การแตกแยกก็จะค่อยๆลดลงตามลำดับ บ้านเมืองก็จะสงบเข้าสู่สภาวะปกติ เพื่อเริ่มต้นพัฒนาประเทศกันใหม่
ขอตอบว่าผมก็ อยากให้บ้านเมืองสงบและคนไทยมารักกันเหมือนเดิมครับ ซึ่งถ้าคุณทักษิณ สู้โดยเอาสัจจธรรมเป็นตัวตั้งโดยยอมในสิ่งที่ต้องยอม เพราะผิดจริง แล้วรอคอย พร้อมกับบอกผู้สนับสนุนทั้งมวลให้เอาความสงบกลับมาให้ชาติบ้านเมือง ในช่วงที่อยู่ในคุก วิธีนี้การต่อสู้ทั้งสองฝ่ายก็จะสงบได้เช่นกัน
สำหรับเหตุผลว่า ทำไมผมจึงยังอยากให้ คุณทักษิณ กลับมาทำการเมืองอีก เพราะประเทศเราขาดผู้นำที่มี
คุณสมบัติที่เป็นนักบริหารองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมกับมีภาวะความเป็นผู้นำสูงอย่างคุณทักษิณ แน่นอนครับ
ความบกพร่องของคุณทักษิณที่ต้องแก้ไขอย่างหนักและต้องเปลี่ยนวิธีคิดให้ได้คือ ต้องเปลี่ยนวิธีคิดที่อยาก
เป็น มหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่ เป็น มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งในทางปฏิบัติคือ ต้องมีจิตสาธารณะอย่างแท้จริง ไม่ใช่
ใช้วิธีการสร้างภาพเหมือนในอดีตว่าตัวเอง มีจิตสาธารณะ เพราะในที่สุดก็จะแพ้ภัยตัวเองอีก การสร้างจิตสาธารณะอาทิเช่น ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการเสียภาษีอย่างถูกต้อง แต่ไม่ใช่กระทำตนเยี่ยงพ่อค้าทั่วไปที่หาวิธีการสารพัดว่าทำอย่างไรถึงจะไม่เสียภาษี เพราะผู้นำประเทศทำอย่างนั้นไม่ได้
ลองมองไปแต่ละบุคคลในแวดวงการเมืองดูว่า ใครบ้างหรือ ที่มีคุณสมบัติถึงพร้อมเพียงพอที่จะนำพาชาติให้มีความเร่งของความเจริญ ไม่แพ้ชาติอื่น โดยขอแยกแต่ละบุคคลดังนี้
1.คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ความดี ความซื่อสัตย์ เป็นที่ยอมรับ องค์ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา เพียงพอ แต่คุณ
อภิสิทธิ์ มีคุณสมบัติที่จะเป็นนักวิชาการ มากกว่า คุณอภิสิทธิ์ ยังมีภาวะความเป็นผู้
นำไม่สูงพอที่จะขับเคลื่อน คณะรัฐมนตรีและข้าราชการให้ทำงานอย่างเต็มกำลัง
และตระหนักในภาระหน้าที่ ยังขาดภาวะความเป็นผู้นำที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้
ประชาชนเกิดพลังใจที่จะเดินหน้าพัฒนาประเทศไปด้วยกัน
2.พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนักการทหารที่มีความเป็นผู้นำพอประมาณและสูงกว่าคุณอภิสิทธิ์ แต่ขาดความ
เด็ดขาด พล. อ.ชวลิต เป็นนักคิดที่ล้ำลึก แต่ไม่มีความสามารถแปรรูปความคิดมาเป็น
ภาคปฏิบัติ และขาดองค์ความรู้ในการบริหารจัดการองค์กรขนาดใหญ่
3.สมัคร สุนทรเวช มีความเป็นผู้นำระนาบใกล้เคียงกับพล.อ. ชวลิต แต่ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์(ข้อเสียข้อ
นี้อยู่ในระนาบเดียวกับคุณทักษิณ) คุณสมัครขาดองค์ความรู้ในการบริหารจัดการ
องค์กรขนาดใหญ่อย่างมากมาย ถ้าใครได้รู้จักคนเก่าๆที่เคยเป็นลูกน้องคุณสมัคร จะรู้
ว่าการบริหารจัดการ ข้าวสาร น้ำปลา ประชากรไทย ในอดีตเป็นอย่างไร ลองดูวาระ
แห่งชาติเรื่อง E 85 ก็ได้ ว่าไปถึงใหนแล้ว เพราะบูรณาการไม่เป็น การขับเคลื่อนจึง
เป็นไปช้า
4.สนธิ ลิ้มทองกุล คุณสนธิ มีความเป็นผู้นำในระนาบเดียวกับคุณสมัคร และทั้งสองท่านนี้มีคุณสมบัติที่
คล้ายกันอีกประการหนึ่งคือ การจับประเด็นแล้วเอามาถ่ายทอดอย่างเข้าใจง่าย ซึ่ง
คุณสมบัติตรงนี้ เป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากของผู้นำอย่างหนึ่ง และจุดด้อยของคุณสนธิ
ก็คล้ายกับคุณสมัครอยู่ข้อหนึ่งคือ ขาดทักษะการสร้างนวัตกรรมทางความคิดที่แปรรูปมา
เป็นภาคปฏิบัติ คุณสนธิขาดองค์ความรู้การสร้างยุทธศาสตร์การจัดการองค์กรขนาด
ใหญ่แม้ว่าจะเคยบริหารบริษัทมหาชนแล้วก็ตาม แต่ก็ล้มเหลว เพราะขยายงานโดยไม่
สร้างฐานรากที่มั่นคงเพียงพอ พอเกิดวิกฤตปี 40 ธุรกิจจึงล้มเหมือนปราสาททราย
ผมคิดว่า คุณสนธิ คงไม่เข้ามาสร้างพรรคการเมือง เพราะ ยากเกินกำลัง แม้จะตั้งได้ก็
จะเพียงแค่ตัวประกอบเล็กๆ
ถ้าจะมองคนที่อยู่ในแวดวงทั้งหมด คนที่มีองค์ความรู้การบริหารจัดการสูงพอที่จะบริหารประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้ ในระนาบใกล้เคียงกับคุณทักษิณ คือ คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน แต่คุณอภิรักษ์ ยังมีภาวะความเป็นผู้นำไม่มากพอ เมื่อมีภาวการณ์เป็นผู้นำไม่มากพอแล้ว แม้จะกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารดีเพียงใด แต่ไม่สามารถสั่งคนหรือให้คนเกรง แล้วเอาไปปฏิบัติอย่างเต็มกำลัง ยุทธศาสตร์นั้นก็ไม่เกิดพลังขับเคลื่อนและประกอบกับเป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นมาเพราะตอนนี้คุณอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค
ถ้าจะมองเรื่องความเป็นผู้นำที่มีระนาบใกล้เคียงกับคุณทักษิณ คือ พล.อ.ชวลิต แต่พล.อ.ชวลิต ขาดเรื่อง
ความเด็ดขาดและขาดองค์ความรู้ทางการบริหารจัดการอย่างน่าเป็นห่วงและทำงานไม่ได้
คนที่มีทั้งความเป็นผู้นำ และองค์ความรู้การบริหารจัดการองค์กรขนาดใหญ่ที่มีคุณสมบัติ พร้อมกว่าคุณ
ทักษิณมีหรือไม่ .... ตอบว่า มี คือ คุณ อานันท์ ปัญญารชุน แต่คุณอานันท์ อายุมากแล้ว และคุณอานันท์ ไม่มีทางที่จะลงมาเล่นการเมืองให้เปลืองตัวแน่นอน
ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ ผมจึงมองว่า ถ้าตัวเลือกเท่าที่เห็นนี้ ทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นตัวจักรอันสำคัญที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้ นักการเมืองที่อยากจะเข้ามาบริหารประเทศต้อง พัฒนาตัวเองอย่างหนัก เพื่อให้ดีกว่า เก่งกว่าให้ได้
แต่ถ้าขาด คุณทักษิณ นักการเมืองก็จะเข้าสู้สภาวะเดิม เรื่อยๆมาเรียงๆ เพราะแต่ละคนที่เหลืออยู่ไม่มีอะไรที่โดดเด่นเหนือกว่ากันมากมาย จึงขาดสิ่งเร้า กระตุ้นให้ต้องพัฒนาตัวเองขึ้นมา
หรือว่า พวกเราต้องการให้บ้านเมืองมีการเจริญแบบค่อยเป็นค่อยไป ปลอดภัยดี ไม่อันตราย แล้วปล่อยให้ประเทศเพื่อนบ้าน เจริญ แซงไปเรื่อยๆ เหมือนกับ เมื่อก่อนเราแข่งกับเกาหลี แล้วแพ้อย่างหลุดลุ่ย แล้ว เราก็มาแข่งกับ มาเลเซีย ก็แพ้อีก ต่อไปก็จะแพ้เวียตนาม ขยับมาแข่งกับ ลาว กัมพูชา พม่า อยากเป็นเช่นนี้หรือ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|