ชินวัฒน์ หาบุญพาด หนึ่งในแกนนำ นปช. ถูกหลานชายเมา-บันดาลโทสะ ชักลูกซองยิงกลางสถานีวิทยุ ย่านวิภาวดี กระสุนฝังท้องโชคดีแพทย์ช่วยจนพ้นขีดอันตราย รองผบช.น.ระบุเป็นเรื่องในครอบครัวอย่าโยงเป็นการเมือง สั่งตามล่าหลานชายมือลั่นไกคาดได้ตัวเร็วนี้
เหตุการณ์ที่แกนนำนปช.ถูกหลานชายยิงได้รับบาดเจ็บเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 26 กันยายน พ.ต.ต.นิติเวช เสาะแสวง พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.บางซื่อ รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บภายในอาคารพาณิชย์ เลขที่ 579/6 ซอยวิภาวดี ซอย 3 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 2 ชั้นขนาดเล็ก ใช้เป็นห้องส่งจัดรายการของ สถานีวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ 92.75 FM Radio บริเวณประตูด้านหน้าพบรอยกระสุนถูกยิงทะลุจำนวน 1 รูใกล้กันพบกองเลือดจำนวนหนึ่ง ส่วนคนเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลเปาโล เมมโมเรียล ทราบชื่อต่อมาคือ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อายุ 56 ปีนายกสมาคมพิทักษ์ผลประโยชน์ผู้ขับรถแท็กซี่ และหนึ่งในแกนนำ นปช. ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษย์ขนาด 9 มม.เข้าบริเวณหน้าท้องด้านซ้าย 1 นัด แพทย์ให้การช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตรายแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่นายชิวัฒน์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บแล้วได้มีสมาชิกกลุ่มคนรักแท็กซี่ นำรถแท็กซี่มาจอดบริเวณริมถนนพหลโยธิน หน้าโรงพยาบาลเปาโล ประมาณ 30 คัน เพื่อมาให้กำลังใจนายชิวัฒน์ นอกจากนี้ยังมีพล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) เดินทางมาตรวจสอบติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเอง
พล.ต.ต.สุชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องความขัดแย้งภายในครอบครัว ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองแต่อย่างใด จึงไม่อยากให้เป็นน้ำผึ้งเพียงหยดเดียว จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายสายชล สีทัน อายุ 39 ปี มีศักดิ์เป็นหลานชายของนายชินวัฒน์ จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายสายชล อยู่ในอาการมึนเมามีเรื่องทะเลาะกับช่างคอมพิเตอร์ภายในสถานีวิทยุ แต่ไม่ทราบมีปัญหากันเรื่องใด ระหว่างนั้นนายชินวัฒน์ กำลังจัดรายการสถานีวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่อยู่ เมื่อได้ยินเสียงหลานมีปากเสียงกับช่างคอมพิวเตอร์ จึงออกมาห้ามปรามแต่หลานชายไม่ฟัง บันดาลโทสะยิงสวนออกมาจนถูกนายชินวัฒน์ ได้รับบาดเจ็บก่อนที่จะหลบหนีไป
รองผบช.น. กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุนายสายชล ผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์ติดต่อทางญาติว่ามีเงินไม่มากพอที่จะใช้ในการหลบหนี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประสานตำรวจทุกท้องที่ในเขตนครบาล และปริมณฑล ติดตามจับกุมตัวอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีเร็วๆนี้
"เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่อยากให้มองเป็นประเด็นการเมืองเพราะจะทำให้เหตุการณ์บานปลาย เท่าที่สืบทราบเป็นเรื่องการเข้าใจผิดภายในครอบครัว ส่วนสาเหตุทะเลาะวิวาทยังไม่แน่ชัดต้องติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาสอบสวนอีกครั้ง"พล.ต.ต.สุชาติ กล่าว
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก คมชัดลึก