นาย สุริยะใสกตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร ได้ส่งอีเมลชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า ปัญหาเรื่องการออกหมายจับข้อหากบฏครั้งนี้ยังไม่ได้ข้อยุติว่า ชอบธรรมหรือไม่เพราะผู้ต้องหาทั้ง 9 คนยื่นอุทธรณ์เพื่อให้เพิกถอนหมายจับ และศาลอุทธรณ์กำลังไต่สวนว่า
หมายจับชอบด้วยกฎหมายและรัฐ ธรรมนูญหรือ ไม่ ซึ่งคาดว่าสัปดาห์ศาลอุทธรณ์จะอ่านคำสั่ง ฉะนั้นในระหว่างนี้ตำรวจจึง ไม่มีอำนาจจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ เพราะต้องรอศาลอ่านคำสั่งก่อนว่าหมาย จับชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นาย สุริยะใสกล่าวอีกว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้จึงถือ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งตำรวจจะต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน และถ้า ไม่ได้รับไฟเขียวจากฝ่ายการเมือง ตำรวจคงไม่กล้าจับกุม นอกจากนี้เหตุการณ์
ครั้งนี้ยอมรับว่าทำลายบรรยากาศของการ สมานฉันท์อย่างรุนแรง เพราะสังคมกำลัง คาดหวังผลการเจรจาระหว่างแกนนำพันธมิตรกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายก รัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่าการพูดคุยเป็นไปด้วยดีพอสมควร และพันธมิตร ก็ไม่เคยยกเรื่องหมายจับมาเป็นเงื่อนไข เพราะพวกเรามั่นใจว่าข้อหากบฏเป็น ข้อหาที่เกินเลยและมิชอบ
"เหตุการณ์จับกุมคุณไชยวัฒน์ ถือว่ากระทบการเจรจาหรืออาจถึงขั้น สะดุดหยุดลงได้ในที่สุด เพราะรัฐบาลไม่ได้จริงใจสมานฉันท์ ตีสองหน้า ปากบอกว่าจะสมานฉันท์ แต่ลับหลังก็ใช้อำนาจรัฐรังแกประชาชนที่ออกมาเคลื่อน ไหวโดยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญซึ่งถือเป็นนโยบายสมานฉันท์จอมปลอม" ผู้ประสาน งานพันธมิตรระบุ
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่าอาจเป็นไปได้ที่การจับกุม ครั้งนี้เป็นเกมการ เมืองในรัฐบาลนอมินี เพื่อตบหน้า พล.อ.ชวลิต ซึ่งหากเจรจาพันธมิตร สำเร็จ บทบาท พล.อ.ชวลิต จะโดดเด่นขึ้นทันที ส่วนเรื่องนี้ 5 แกนนำ พันธมิตรจะรอการเจรจาของทีมทนายก่อน แต่ก็คงมีประชาชนจำนวนมากทยอยไปเยี่ยม นายไชยวัฒน์ ซึ่งตำรวจก็ต้องรับมือเอาเอง
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก