อดีตโฆษกคตส. สัก กอแสงเรือง แนะตั้งเงินรางวัลนำจับทักษิณ ติงอัยการกับตำรวจอย่าโยนกันไปมา
นายสัก กอแสงเรือง อดีตโฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาดำเนินคดี หลังประเทศอังกฤษถอนวีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณ กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ว่า เป็นหน้าที่ของอัยการโดยตรงที่ต้องคอยจับตาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน
ทั้งนี้อาจเป็นเรื่องที่ยากขึ้นแต่ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลย เพราะสถานทูตประเทศไทยในต่างประเทศมีจำนวนมาก กระทรวงการต่างประเทศต้องขอความร่วมมือไปยังทูตทุกประเทศ ให้ช่วยกันสอดส่องติดตามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปไหนบ้าง และการตรวจสอบผ่านสายการบินก็ทำได้ด้วยว่าเดินทางไปไหนบ้าง
ส่วนกรณีที่ นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ ระบุว่าการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีทำได้ยาก นายสัก กล่าวว่า อัยการทำได้อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของอัยการที่น่าจะทำได้ ทำไมจะทำไม่ได้ เห็นอัยการออกมาระบุว่ามีสองช่องทางที่ทำได้ คือการส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญา และเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน ขณะที่ตำรวจก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามหมายศาล และควรออกมาร่วมมือกับอัยการ ไม่ใช่โยนกันไปมา ถ้ารัฐบาลหรือตำรวจให้ความสนใจเรื่องนี้ก็สามารถตั้งรางวัลนำจับได้ ที่ผ่านมาตำรวจยังตั้งรางวัลบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องของตำรวจและรัฐบาลว่าจะมีการตั้งรางวัลนำจับในกรณีนี้หรือไม่
ส่วนการอุทธรณ์คดีที่ดินรัชดาซึ่งเหลือเวลาเพียง 1 สัปดาห์ เมื่อจำเลยไม่มีที่อยู่ที่ชัดเจนจะส่งผลต่อการอุทธรณ์หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า การไม่มีที่อยู่ที่ชัดเจนไม่เกี่ยวกับการยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี เป็นสิทธิ์ของจำเลย ถ้าไม่ใช้ก็ถือว่าสละสิทธิ์ ถ้าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานใหม่ก็ไม่ใช้สิทธิ์ และถ้าพ้น 30 วันแล้วจำเลยไม่ใช้สิทธิ์ก็ถือว่าสละสิทธิ์ ถ้ามีหลักฐานหลังจากพ้นระยะอุทธรณ์ไปแล้วก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ เพราะการอุทธรณ์ของศาลฏีกาฯ ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขเรื่องเวลา
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก โพสต์ทูเดย์