เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 6 มี.ค. ที่ บช.ภ.7 พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ศักดิ์ชัย ตันบุญเอก ผบก.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.อ.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบก. ภ.จ.นครปฐม พ.ต.อ.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล ผกก.สภ.บางเลน จ.นครปฐม พ.ต.ท.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผกก. กสส.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม สว.กสส. และ พ.ต.ท.พงษกร อุปพงษ์ สว.หน.นปพ.ภ.จ.นครปฐม ร่วมกันแถลงจับกุม 3 ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าและร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหรือหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นและยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน
ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ประกอบด้วยนายสุรศักดิ์ หรือเอ็ม โพธาลู อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137/1 หมู่ 1 ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมืองนครปฐม นายสันต์ชัย หรืออ็อด ช่อจำปา อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/10 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และนายกิตติพงษ์ หรือแบงค์ อยู่คง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 8 ต.ไทรงาม อ.บางเลน จ.นครปฐม พร้อมด้วยของกลางปืน .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน .38 จำนวน 6 นัด รถ จยย.ฮอนด้า สีขาว ทะเบียนป้ายแดง 1 คัน รถกระบะโตโยต้า วีโก้ ทะเบียน บพ 7478 สุพรรณบุรี และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง หลังทั้งหมดร่วมกันฆ่านายวัชรพล ปานวิลัย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ถนนเพชรเกษม ต.พระประโทน อ.เมืองนครปฐม เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา บริเวณถนนสายบางเลน-บางหลวง หมู่ 1 ต.ไทรงาม อ.บางเลน จ.นครปฐม
พล.ต.ท.ถวิลเปิดเผยถึงพฤติกรรมการก่อเหตุว่า สืบเนื่องจากช่วงก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 อาทิตย์ นายกิตติพงษ์ 1 ในผู้ต้องหาจับได้ว่า น.ส.มณประภา หรือบัส พวงมาลี อายุ 21 ปี ภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและมีลูกด้วยกัน 1 คนได้เล่นอินเตอร์เน็ตทางเว็บไซต์ไฮไฟว์และแอบติดต่อรู้จักกับนายวัชรพล ผู้ตาย ซึ่งทำงานเป็นช่างคอมพิวเตอร์ และเป็นคนขับรถให้เจ้าอาวาสวัดพระประโทนเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม รวมทั้งยังเป็นอาสาสมัครให้กับมูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ อ.เมืองนครปฐม โดยแลกเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกันจนสนิทสนม แต่ยังไม่เคยนัดเจอกันมาก่อน ด้วยความหึงหวงนายกิตติพงษ์ จึงวางแผนฆ่านายวัชรพล โดยออกอุบายลวงให้ น.ส.มณประภาโทรศัพท์นัดให้นายวัชรพลมาเจอกันครั้งแรก
ผบช.ภ.7 กล่าวว่า จากนั้นนายกิตติพงษ์ได้ติดต่อนายสุรศักดิ์ ผู้ต้องหาอีกคนทำหน้าที่เป็นมือปืน และให้นายสันต์ชัยเป็นคนขี่รถ จยย. โดยทั้ง 3 คนรู้จักกันเมื่อครั้งถูกควบคุมอยู่ในสถานพินิจฯด้วยกัน โดยนายสุรศักดิ์เคยต้องโทษคดีฆ่าคนตายมาแล้วเมื่อปี 2547 ขณะอายุเพียง 17 ปี ส่วนนายสันต์ชัยเคยต้องโทษคดี
ลักทรัพย์ ขณะที่นายกิตติพงษ์เคยก่อคดีถึง 7 คดีคือร่วมกันพยายามฆ่า ปล้นทรัพย์ ลักทรัพย์ คดีอาวุธปืน และคดีครอบครองยาบ้า โดยออกจากสถานพินิจฯพร้อมกันเมื่อปี 2551 กระทั่งก่อนเกิดเหตุนายกิตติพงษ์ได้พา น.ส.มณประภานั่งรถกระบะออกจากบ้าน และบังคับให้ โทรศัพท์ติดต่อนายวัชรพลมาพบตามจุดนัดหมาย โดยสอบถามรูปพรรณ ลักษณะการแต่งกาย มาคนเดียวหรือมีเพื่อนมาด้วย
เมื่อรู้ว่านายวัชรพลขี่รถ จยย.มากับเพื่อนอีกคนคือนายสมโรจน์ ทองเพิ่ม อายุ 41 ปี อาชีพขี่รถ จยย.รับจ้างอยู่หน้าห้างบิ๊กซีฯ สาขานครปฐม จึงโทรศัพท์ติดต่อให้ นายสันต์ชัยขี่รถ จยย.พานายสุรศักดิ์ มือปืน ประกบยิงทันที กระสุนถูกหน้าอกและหัวไหล่นายวัชรพลกระเด็นตกรถเสียชีวิตคาที่ ส่วนนายสาโรจน์ถูกยิงที่แขน 2 ข้าง แต่แกล้งตายเลยรอดชีวิตมาได้ หลังเกิดเหตุนายสันต์ชัยกับนายสุรศักดิ์นำปืนที่ก่อเหตุไปคืนนายกิตติพงษ์ พร้อมกับรับเงินค่าจ้าง 1,500 บาท แล้วพากันหลบหนีไป หลังเกิดเหตุได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จ.นครปฐม ประสานกับตำรวจท้องที่ร่วมคลี่คลายคดี
พล. ต.ท.ถวิลกล่าวต่ออีกว่า ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์พบว่าผู้ตายติดต่อกับ น.ส.มณประภา โดยเชื่อว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากเรื่องชู้สาว ชุดสืบสวนเฝ้าดูพฤติกรรมจนทราบว่า น.ส.มณประภาอยู่กินกับนายกิตติพงษ์ สามีซึ่งมีประวัติเคยต้องโทษหลายคดี จึงนำตัวนายกิตติพงษ์มาสอบสวนที่ ภ.จ.นครปฐม หลังถูกสอบเค้นอย่างหนัก นายกิตติพงษ์ยอมรับสารภาพว่า ร่วมกับผู้ต้องหาอีก 2 คน ฆ่านายวัชรพล โดยมีสาเหตุจากความหึงหวงที่ผู้ตายแอบติดต่อกับเมียทางอินเตอร์เน็ต จากนั้นพาไปเอาปืนซึ่งได้ให้เมียนำไปซ่อนไว้ในบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอหมายศาลเข้าจับกุมนายสุรศักดิ์ และนายสันต์ชัย และตามยึดของกลางมาได้ ส่วน น.ส.มณประภา เมียนายกิตติพงษ์ จากการสอบสวนพบว่า มีส่วนรู้เห็นด้วยแม้จะถูกผัวบังคับ แต่ก็เป็นคนนำปืนไปเก็บซ่อนไว้ คุมตัวไว้ดำเนินคดีอีกคน
ต่อมาเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล ผกก.สภ.บางเลน พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประจักษ์ พรหมศิริ สวป. และ พ.ต.ท.สันติ พลายโถ สว.สป. คุมตัวนายสุรศักดิ์ นายสันต์ชัย นายกิตติพงษ์ และ น.ส.มณประภา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณถนนสายบางเลน-บางหลวง หมู่ 1 ต.ไทรงาม อ.บางเลน ตลอดเวลากลุ่มผู้ต้องหามีสีหน้าเคร่งเครียด ท่ามกลางญาติของผู้ตายและชาวบ้านมุงดูจำนวนมาก โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ไทยรัฐ