• ทักษิณ ชืนวัตร จาก..อัศวินคลื่นลูกที่สาม.สู่นายกรัฐมนตรีผู้โด่งดัง..สุดท้าย นักโทษชายและผู้ต้องหาคดีทุจริตคอรัปชั่น |
โพสต์โดย พี , วันที่ 16 มี.ค. 52 เวลา 09:18:03 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ก่อนจะไปถึง บริบทแห่ง ทักษิณ ชินวัตร ที่จะอธิบายความถึงเหตุถึงผลตามที่ตั้งกระทู้ไว้ ขอแสดงความเห็นแย้งต่อการโฟนอินของทักษิณ ชินวัตร ที่อยุธยา เมื่อคืนวานนี้ ในเรื่องที่ ทักษิณ กล่าวว่า "ถ้าเป็นผม ผมจะไม่กู้" ซึ่งผมเชื่อว่า ทักษิณ ไม่พูดความจริง พูดเพื่อหาคะแนนนิยมเท่านั้น เพราะคนที่รอบรู้อย่างเขา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเป็นอย่างไร สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศเป็นอย่างไร
เพื่อให้เข้าใจเศรษฐศาตร์ง่ายๆ ขอเปรียบเทียบ กับร่างกายมนุษย์ เงินในระบบเศรษฐศาสตร์ เปรียบเหมือน เลือดในร่างการคน ซึ่งต้องเกิดการไหลเวียนจึงจะมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าร่างกายเสียเลือดมาก ก็จะไม่เพียงพอให้หัวใจปั้มไหลเวียนครบวงจรเลือดที่ไหลวนในร่างกาย คุณหมอจึงต้องให้เลือดใหม่เข้าไป ไม่เช่นนั้นคนไข้ก็จะเสียชีวิต
เราได้ยินข่าวอยู่บ่อยๆใช่ใหมว่า เมื่อมีอุบัติเหตุรุนแรงที่ต้องใช้เลือดมากๆ สภากาชาดต้องออกประกาศรับบริจาคเลือดทุกครั้ง ทั้งๆที่ปริมาณเลือดในธนาคารเลือด มีพอสำหรับใช้ในครั้งนั้น เหตุผลเพราะต้องมีเกณฑ์สต็อคต่ำสุดเลือดเพื่อความปลอดภัยในภาวะฉุกเฉินเสมอ
ระบบเศรษฐกิจประเทศไทย ที่มีเงินขับเคลื่อนในปริมาณ 7.7ล้านล้านบาท นั้น 75% เป็นเงินจากการส่งออก ปี2551 เราได้เงินจากการส่งออก 5.85 ล้านล้านบาท พอมาเดือน มกราคม กุมภาพันธ์ ยอดเงินที่เคยได้หายไป เดือนละแสนกว่าล้าน และเมื่อพิจารณาไปยังลูกค้ารายใหญ่ของเรา อันดับ1 อเมริกา อันดับ2 ญี่ปุ่น ต่างก็มีปัญหาทางเศรษฐกิจ ปริมาณการซื้อลดลงอย่างน่าใจหาย และในขณะนี้ยังไม่รู้เลยว่า ลูกค้ารายใหญ่เหล่ามีจะมีความสามารถซื้อได้เหมือนเดิมเมื่อไร
การที่เราสูญเสียรายได้จากต่างประเทศ ซึ่งเราพึ่งพิงอยู่ถึง75%นั้นก็เปรียบเหมือนร่างกายขาดเลือดอย่างที่อธิบายไว้แล้ว จึงมีความจำเป็นต้องให้เลือดคือเงิน เติมเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งต้องเร็วและทันต่อเหตุการณ์เพราะนี่เป็นกรณีฉุกเฉิน
ต่อกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตรบอกว่า "ถ้าเป็นผม ผมจะไม่กู้" คำถามก็คือถ้าไม่กู้จะเอาเงินมาจากใหน เดือนมกราคม ที่ผ่านมา ขาดดุลย์ไป 6 หมื่นกว่าล้าน เดือนกุมภาพันธ์ ส่งออกลดลง42% เงินของประเทศไม่มีแล้วจะไม่กู้ได้อย่างไร เอาละ อาจจะมีคนแย้งอีกว่า ถ้ากู้ก้กู้เงินในประเทศซิ ซึ่งกรณีนี้ผมก็เคยออกความเห็นไว้ว่า ควรกู้ในประเทศ เพราะมีเงินออมอยู่ถึง 5.8ล้านล้านบาท แต่ข้อมูลความเสียหายของเศรษฐกิจโลกที่เปิดออกมาเรื่อยๆจนถึงวันนี้ ทำอย่างนั้นไม่ได้แล้ว เอาเฉพาะ AIG บริษัทเดียว เสียหายเท่ากับ 30ปีงบประมาณของประเทสไทย โตโยต้าซึ่งมีฐานการตลาดที่แข็งแกร่งมาก ไม่มีใครเชื่อว่า โตโยต้าจะขาดทุนและกำลังจะปลดคนงานได้ ก็กำลังจะปิดโรงงานใน7ประเทศ
ถ้ามองไปทั้งโลกแล้ว เศรษฐกิจโลกที่กำลังดิ่งลงไปซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถึงจุดต่ำสุดนี้ การหาเงินมาไว้ให้มากที่สุดจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด และเหตุผลที่ทำไมต้องกู้เงินต่างประเทศนั้นเพราะความเสียหายเสรษฐกิจโลกมันมากมายและใช้เวลานานกว่าจะฟื้นกลับมา นั่นหมายความว่า กำลังซื้อลูกค้าคนสำคัญของประเทศ ยังไม่กลับมาง่ายๆในระยะเวลาอันสั้นนี้ นั่นหมายความว่า คุณหมอต้องให้เลือดเพิ่มเติมอีกนานถ้าต้องการให้หัวใจมีเลือดเพียงพอต่อการไหลเวียน ด้วยเหตุผลนี้ เงินออมภายในประเทศ เพียง5.8ล้านล้านบาท ซึ่งในทางปฏิบัติ การกู้เงินในประเทศรัฐบาลจะใช้วิธีออกพันธบัตร และเศรษฐี รวมทั้งสถาบันการเงินที่จะไปซื้อพันธบัตร อยากมากที่สุดเขาจะใช้เงินที่เก็บออมไว้ไม่เกิน60% นั่นหมายความว่า รัฐบาลจะกู้เงินในประเทศได้อย่างมากก็เพียง 3.5ล้านๆบาท ถ้าตอนนี้รัฐบาลกู้เงินต่างประเทศได้มากเท่าไร โอกาสรอดของประเทศยิ่งมากเท่านั้น เพราะต่อไปเมื่อเศรษฐกิจดิ่งลงไปอีกจะยิ่งหาเงินยากมากขึ้น ประเทสอาเซี่ยนด้วยกันตอนนี้ มีแต่ บรูไน เท่านั้นที่ไม่ขวนขวายหาเงินกู้ต่างประเทศ แม้แต่ประเทศที่ร่ำรวยอย่าง สิงคโปร ยังต้องกู้เงินต่างประเทศเลยครับ ตอนนี้ และประเทศที่กู้มากที่สุดตอนนี้คือ เม็กซิโก ซึ้งกู้จาก IMFหลังจากเกิดปัญหาเศรษฐกิจโลกแล้ว1.2ล้านๆบาท
ตอนนี้ บ้านเมืองมีปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง สมมุติว่าถ้าเป็นเรา พ่อแม่ หรือตัวเราถ้าเจ็บป่วย ต้องเข้าโรงพยาบาลต้องผ่าตัดไม่เช่นนั้นจะเสียชีวิตแล้วแต่เราไม่มีเงินค่ารักษา เราจะยอมกู้เงินมาเพื่อรักษาชีวิตหรือไม่
จากตัวเลขมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งหมด ถ้าทักษิณ ชินวัตร มาบริหารบ้านเมือง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กู้เงิน ผมจึงขอฟันธงว่า สิ่งที่ ทักษิณ โฟนอิน ที่อยุธยานั้น เป็นเพียงการหาเสียงเพื่อให้คนที่ไม่รู้ข้อมูลทางเศรษฐกิจ ชื่นชม นิยมในตัวเขาเท่านั้น
และจากพฤติกรรม ที่พูดเพื่อให้ได้คะแนนนิยม ซึ่งมีอยู่หลายครั้งต่อหลายครั้งถูกจับได้ว่าขาดข้อเท็จจริง เมื่อเขากระโดดเข้าการเมือง เขาบอกกับคนกรุงเทพว่าจะแก้ปัญหาจราจรภายใน6เดือน ซึ่งในความเป็นจริงไม่สามารถทำอะไรในปัญหาการจราจรให้ดีขึ้นเลยตามที่เขาพูด เมื่อเขามาเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม แพ้เกมส์การเมืองต่อ เนวิน ชิดชอบ เขาก็ประกาศในการปราศัยที่ลานพระรูปว่า ผมขอลาออก ซึ่งในตอนนั้นหนังสือพิมพ์ให้ฉายาเขาว่า ลิเก
จากการมีหลายบุคลิกภาพ ในบางครั้งเป็นผู้มีวิสัยทัศน์สูง มีความเป็นผู้นำสูง มีความขยันมากๆ แต่ในบางครั้งเป็นคนไม่อยู่กับร่องกับรอย โกหก เอาแน่ไม่ได้ เราจึงเห็นว่า บริบทในชีวิตเขา จากการที่สื่อ มองเขาว่า เป็น อัศวินคลื่นลูกที่สาม ก่อนที่เขาจะเข้าการเมือง เมื่อเข้าการเมืองแรกๆก็ทำอะไรที่สร้างภาพ หนังสือพิมพ์ ให้ฉายา ว่า ลิเก เมื่อได้เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ความทุ่มเททำงานหนัก รวดเร็ว มียุทธศาสตร์ที่หลากหลาย ภาพฉายา ลิเก ก็ถูกลบเลือนไปไม่มีใครกล้าเอามาให้ฉายาอีก เขาทำดีมาเกือบสองปี ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วเริ่มมาดีแตกหลังจากนั้น จนในที่สุด สถานะของเขา เป็น นักโทษหนีคดี คำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้ว และผู้ต้องหาคดี ทุจริตคอรัปชั่น อีกหลายคดี
ในกรณี ที่ทักษิณ ชินวัตร ต้องโทษ หรือ เป็นผู้ต้องหา คดีทุจริตคอรัปชั่นนี้ ทักษิณ บอกว่าเขาไม่ได้รับความยุติธรรมนั้น ผมยืนยันว่า ศาลให้ความยุติธรรมอย่างที่สุดแล้ว และถ้าใครจะเอาประเด็นนี้มาแย้ง ผมยินดีนะครับ จะได้เอาข้อมูลหลักฐานมีหักล้างกันให้เพื่อนๆผู้มีใจเป็นกลางในนี้เป็นผู้ตัดสิน
ด้วยความรักชาติและเทิดทูนพระเจ้าอยู่หัวอย่างที่สุด
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 4253 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย พี
IP: Hide ip
, วันที่ 16 มี.ค. 52
เวลา 09:18:03
|