• 'ฮุนเซน'จวก'กษิต'อย่าพูดดูแคลน |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 01 เม.ย. 52 เวลา 11:03:16 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ย้อนเจ็บบรรพบุรุษโดนจะรู้สึกอย่างไรล่าชื่อถอด'อนุพงษ์'
“กษิต” เสียใจ “เรืองไกร” ไม่แยกแยะ ยันหุ้นภรรยาเป็นแค่หุ้นกู้ เผยแจงป.ป.ช.ช่วยตรวจสอบแล้ว พร้อมรับสภาพหากพ้นเก้าอี้ ยืนยันสู้ “ทักษิณ” ไม่ถอย “เพื่อไทย” จวกรัฐบาลเป็น “หอย” ซุกใต้เปลือกทหาร ชมรมกฎหมายภิวัฒน์ฯชงส.ส.เพื่อไทย ล่าชื่อถอด “อนุพงษ์” ฐานเพิกเฉยไม่จัดการเมื่อพันธมิตรฯยึดทำเนียบรัฐบาล “เฉลิม” ฉุนปชป.บี้ดีเอสไอหวังโยนความผิดให้ ส่วน “กลุ่มประชา” เล็งยื่นศาลปกครองเพิกถอนคำวินิจฉัยกกต. มั่นใจโหวตเลือกหน.พผ.ถูกต้อง ส่วน 111 ทรท.ดิ้นฟ้องศาลแพ่ง ขอทวงสิทธิเลือกตั้งคืน ส.ว.ปิดสัมมนาเขาใหญ่ ให้ “ปู่สุข” นั่งปธ.ถึงปีหน้า “รสนา” โอดฉายา 40 ส.ว.ถูกแบ่งแยก “ชุมพล” หนุนแก้รธน.มาตราที่มีปัญหา เมินปฏิรูปการเมือง “มาร์ค” ประชุมจี-20 หวังกระตุ้นเป้าหมายร่วมกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ฮุนเซนจวกกษิตพูดดูแคลนย้อนเจ็บหากบรรพบุรุษตัวเองโดนบ้างจะรู้สึกอย่างไร
แจกขัน“แม้ว”ไว้เล่นน้ำ
เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย เวลา 14.30 น. มีการประชุมพรรคประจำสัปดาห์ มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นประธาน ซึ่งในที่ประชุมได้มีการแจกจ่ายขันน้ำพลาสติกที่เจ้าหน้าที่พรรคบอกว่าเป็น ของขวัญจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีทั้งสีแดงและสีเขียว สกรีนข้อความที่เขียนด้วยลายมือ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า “สงกรานต์ปีนี้ ผมขอฝากความรักและความ ห่วงใย จากคนที่ตกยากในต่างแดน” พร้อมลายเซ็น พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กับ ส.ส.คนละ 2,000 ใบ เพื่อนำไปแจกประชาชนในพื้นที่ในเทศกาลสงกรานต์
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส. สัดส่วน ได้แจกสมุดปกขาว “ประชาธิปัตย์ทำอะไร ใคร ๆ ก็รู้” เนื้อหารวบรวมการอภิปราย ไม่ไว้วางใจให้กับ ส.ส.ด้วย รายงานข่าวแจ้งว่าประเด็นที่ถูกหยิบยกมาหารืออย่างกว้างขวางทั้งในที่ประชุม ระดับภาคและประชุมรวม คือกรณี การชุมนุมของคนเสื้อแดง โดย ส.ส.ส่วนใหญ่ได้สะท้อนความอึดอัดว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีผลกระทบใน พื้นที่ เพราะถ้า ส.ส.ไม่เข้าไปดูแลก็จะมีปัญหาส่งผลต่อคะแนนนิยม แต่ขณะที่เงินสนับสนุนกลับอยู่ที่ส่วนกลางคือกรุงเทพฯทั้งหมด
ส.ส.เพื่อไทยลังเลชุมนุม
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้ ส.ส.ยังสอบถามถึงจุดยืนพรรคต่อการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ซึ่งส่วนหนึ่งเสนอให้เปิดตัวเข้าร่วมกับคนเสื้อแดง แต่อีกส่วน เช่น นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี ได้โต้แย้งว่าไม่เหมาะสมเพราะได้เคยต่อว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯไว้ แต่เนื่องจากจำนวนเสียง ส.ส.ทั้งสองฝ่ายห่างกันไม่มาก ที่ประชุมจึงมีความเห็นเบื้องต้นว่าให้เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว ส.ส.ที่จะใช้ดุลพินิจเข้าร่วมชุมนุม โดยระหว่างนี้ผู้ใหญ่และกรรมการบริหารพรรคจะพูดคุยเพื่อหาข้อสรุป
จวกปชป.เป็น“รัฐบาลหอย”
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คนเสื้อแดงไม่ใช่พรรคเพื่อ ไทย แต่คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย เป็นคนรักประชาธิปไตย ทั้งนี้การที่นำทหารจาก พล.ม.2 และ พล.ปตอ.เกียกกาย ออกมาโดยอ้างว่าเป็นการฝึกภาคสนาม แต่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ครบมือ นอกจากนี้ยังมีการพบปะระหว่างอดีตผู้นำเหล่า ทัพ อักษร “ส.” และผู้นำเหล่าทัพปัจจุบัน และผู้มีอำนาจ สื่อให้เห็นว่าจะมีการใช้กำลังกับผู้ชุมนุม โดยทำตัวเป็นเสมือนเปลือกหอย คุ้มครอง “รัฐบาลหอย” หรือทำตัวเหมือนเป็นหุ้นส่วน ซึ่งพรรคเพื่อไทยรู้สึกกังวลใจต่อมาตรการของรัฐบาลและกลุ่มบุคคลที่ทำตัว เป็นเปลือกหอย นอกจากนี้ตนขอเรียกร้องให้นักวิชาการ และภาคเอกชน เช่น หอการค้า และการท่องเที่ยว ออกมาชี้แนะวิธีบริหารจัดการเศรษฐกิจที่ถูกทางให้แก่รัฐบาล ก่อนที่จะดิ่งเหวไปมากกว่านี้
จี้ล่าชื่อถอดถอน“อนุพงษ์”
ด้านนายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทยและเครือข่าย กล่าวว่า ตนได้เข้ายื่นหนังสือต่อพรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้ ส.ส.รวบรวมรายชื่อ 1 ใน 4 ของ ส.ส.ทั้งหมด หรือ 116 คนเพื่อถอดถอน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายอาญา ม.157 เป็นเจ้าพนักงานรักษาความสงบตาม พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ประกาศในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ รวมถึงการที่กลุ่มพันธมิตรฯยึดทำเนียบรัฐบาล ในรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ กลับเพิกเฉย ไม่ดำเนินการใด ๆ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประเทศ
“เหลิม”ฉุนรัฐบาลบี้ดีเอสไอ
เมื่อเวลา 15.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยในฐานะประธาน ส.ส.ของพรรค แถลงถึงพรรคประชาธิปัตย์กรณีที่เสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ความผิดทางวินัยกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดี พิเศษ สืบเนื่องกรณีส่งสำนวนการสอบสวนเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ 263 ล้านบาท ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยไม่ ส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อให้พิจารณาสั่งฟ้องว่า ตนขอประณามการกระทำของพรรค ประชาธิปัตย์ไร้ซึ่งคุณธรรม จริยธรรม และเป็นการโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอซึ่งดำเนินการถูกต้อง ตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นเงินสนับสนุนพรรคการเมืองเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ทำปกปิด ทำ ผิด พ.ร.บ.พรรคการเมืองก็ต้องส่งให้ กกต. ตรวจสอบ
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวว่า ส่วนหนึ่งต้องส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตรวจสอบบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) การนำเงินออกมาใช้โดยมิชอบด้วย ส่วนเรื่องที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พูดผ่านวิดีโอลิงก์โดยพาดพิงถึงบุคคลสำคัญจำนวนมากอยู่เบื้อง หลังการรัฐประหารว่าตนก็ทราบเท่าที่สื่อมวลชนรู้ และจะไม่ขอวิจารณ์เพราะจะทำหน้าที่เข้มแข็งในสภาเท่านั้น แต่ก็คงไม่ต้องถามไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ดูคลิปวิดีโอที่ไอ้หัวโตไปพูดกับคนไทย ที่เวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ก็คงจะรู้ทั้งหมดว่าใครเป็นใคร
กกต.รับสำนวนเงินบริจาค
ที่สำนักงาน กกต. นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าในการตรวจสอบสำนวนเงินบริจาคและเงินกองทุนเพื่อการ พัฒนาพรรคการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ที่ดีเอสไอได้สรุปสำนวนมายัง กกต. ว่า ขณะนี้ได้รับเอกสารสำนวนที่ดีเอสไอได้สรุปมาให้ กกต.แล้วเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ซึ่งหนังสือนำส่ง 1 ฉบับ โดยดีเอสไอได้สรุปสำนวนส่ง มาเป็นเอกสารมีความยาวอยู่ 6 หน้า ซึ่งนายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง เป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบเอกสารจะเป็นผู้รับผิดชอบ และเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ
นายสุทธิพล ยังกล่าวว่า กรณีนี้ กกต.ไม่มีความพยายามที่จะบ่ายเบี่ยงหรือไม่รับเรื่องไว้พิจารณา ซึ่งตนก็ได้กำชับให้ทางกิจการพรรคการเมืองทำด้วยความละเอียดรอบคอบ อย่างรวดเร็ว แต่ต้องไม่ช้าจนเกินไปก่อนจะนำเสนอเพื่อให้ กกต.พิจารณาต่อไป
สอบเมีย“กษิต”มีหุ้นทางด่วน
นายสุทธิพล กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ส่งคำร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ กรณีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายกษิตว่า เป็นการกระทำต้องห้ามรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ประกอบมาตรา 265 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา 265 วรรคสามที่ห้ามรัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้น ในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทาน โดยพบว่าคู่สมรสของนายกษิต ถือหุ้นบริษัททางด่วนกรุงเทพ ซึ่งเป็นบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐว่า ขณะนี้หนังสือของนายเรืองไกรได้ส่งมาถึงสำนักเลขานุการ กกต. แล้ว และได้ทำบันทึกส่งสำนักกฎหมายและคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 30 มี.ค. โดยหลังจากนี้ สำนักกฎหมายและคดีจะทำหนังสือบันทึกพร้อมความเห็นเพื่อนำเสนอต่อประธาน กกต. เพื่อนำพิจารณาเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ต่อไป
“กษิต”แจ้งป.ป.ช.ช่วยดูหุ้นกู้
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกรได้ยื่นต่อ กกต.เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติกรณีที่ภรรยาถือหุ้นในบริษัททางด่วนกรุงเทพจำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐว่า มันเป็นเรื่องของหุ้นกู้และการกรอกเอกสารชี้แจงบัญชีทรัพย์สิน ก็ได้ขอให้ ป.ป.ช.ช่วยดูให้แล้ว และมีคนตรวจสอบแล้ว มันไม่ใช่เป็นหุ้นอย่างที่มีคนเข้าใจกัน ทั้งนี้ตนรู้สึกเสียใจที่ ส.ว.คนดังกล่าวที่เป็นนักกฎหมาย น่าจะรู้และแยกแยะได้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กำลังขอให้ธนาคารที่ได้นำฝากไว้ได้ดำเนินการเรียบเรียงข้อมูลและจัด พิมพ์เป็นเอกสารเพื่อแจกให้กับทุกคน ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ถ้าพบว่าผิดจริงเพราะเป็นความโง่เขลาหรือได้รับคำแนะนำที่ผิดก็ไม่เป็นไร ถ้าพรุ่งนี้ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ต่อไปมาเป็นประชาชนธรรมดา ก็มาลุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณได้ตนพร้อมเสมอ ไม่มีปัญหาอะไร
111ฟ้องศาลแพ่งทวงสิทธิ
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และทีมทนายความพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่าสมาชิก 111 เตรียมที่จะยื่นฟ้องดำเนินคดีตุลาการรัฐธรรมนูญจำนวน 9 คนตามมาตรา 157 กรณีสั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งกับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ว่า ตนและเพื่อน 111 คนจะร่วมกันดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรม เพื่อขอคืนสิทธิการเลือกตั้งเท่านั้น เพราะการสั่งตัดสิทธิพวกตนถือเป็นการนำกฎหมายย้อนหลังมาบังคับใช้ ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมอย่างมาก โดยพวกตนจะใช้ข้อกฎหมายเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ในการเลือกตั้งเป็น ข้อโต้แย้ง ตามมาตรา 55 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่เปิดให้บุคคลใช้สิทธิทางศาลได้เมื่อมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น
เมื่อถามว่า 111 ไทยรักไทยจะใช้เหตุผลใดบ้างเป็นข้อโต้แย้งครั้งนี้ นายวิชิต กล่าวว่า เรื่องที่มาของตุลาการรัฐธรรมนูญ วิธีพิจารณาความของตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่เป็นไปอย่างรวบรัด ซึ่งประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการพิจารณาอยู่
“ประชา”แย้งผลโหวตหัวหน้า
ที่อาคารเบญจมาศ เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมด้วย นพ.วัลลภ ไทยเหนือ และนายสมเกียรติ ศรลัมภ์ ได้แถลงข่าวถึงมติของ กกต.ที่ระบุว่าการเลือกตั้ง พล.ต.อ.ประชา เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2551 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดย พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า พวกตนไม่เห็นด้วยกับข้อวินิจฉัยของกกต.ในบางประเด็น จึงจะหาช่องทางทางกฎหมายอื่นเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป
นพ.วัลลภ กล่าวว่า กลุ่มของตนได้หารือกันแล้วและยังมั่นใจว่าได้มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและ กรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดินอย่างถูกต้องแล้ว ซึ่งคำวินิจฉัยของ กกต.ในเรื่องดังกล่าวมีประเด็นที่น่าสนใจมากคือมีมติ ออกมาไม่เป็นเอกฉันท์คือ 3 ต่อ 1 โดยยอมรับว่าการออกหนังสือเชิญประชุมใหญ่ชอบด้วยข้อบังคับพรรคเพื่อแผ่นดิน การกำหนดองค์ประกอบและจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมหรือโหวตเตอร์ครบถ้วนถูกต้อง ตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค เพื่อแผ่นดิน ซึ่งทั้งสองประเด็นถือว่าเป็นหัวใจหลักของการประชุม
เล็งยื่นศาลปกครองเพิกถอน
นพ.วัลลภ กล่าวว่า แต่การที่วินิจฉัยว่าการทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมของนายมั่น พัธโนทัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินไม่ชอบด้วยข้อบังคับของพรรคเพื่อแผ่นดินเนื่อง จากไม่ได้เป็นรองหัวหน้าพรรคลำดับต้น และไม่มีการกำหนดจำนวนกรรมการบริหารพรรค การลงคะแนนเลือกตั้งก็มิได้เป็นการลงคะแนนลับนั้น คิดว่าน่าจะเป็นการวินิจฉัยที่ผิดพลาดเพราะมีหลักฐานชัดว่ามีการเลือกตั้ง กรรมการบริหารพรรคครบถ้วนและนายมั่นก็เป็นรัฐมนตรีซึ่งมีความเหมาะสมในขณะ นั้นที่สุด จึงมีแนวทางที่จะยื่นร้องขอความเป็นธรรมจากศาลปกครองสูงสุดโดยเร็วที่สุดให้ เพิกถอนคำวินิจฉัยของ กกต.และให้ศาลวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งในวันที่ 9 ธ.ค. 51 เป็นไปโดยชอบหรือไม่
เมื่อถามว่าจะยื่นศาลให้วินิจฉัยทันการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินใน วันที่ 20 เม.ย.นี้หรือไม่ นพ.วัลลภ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าจะไม่เสนอชื่อ พล.ต.อ. ประชาเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้ง นพ.วัลลภ ถามกลับว่า คุณคิดว่าน่าจะส่งหรือ ทั้งนี้การยื่นศาลปกครองสูงสุดมิใช่เป็นการแพ้ชวนตี แต่เป็นการหาช่องทางเพื่อหาความเป็นธรรม
“รสนา”โอดถูกตั้งฉายา40ส.ว.
ที่โรงแรมโบนันซ่า เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา มีการจัดสัมมนาวุฒิสภา “แลกเปลี่ยนเรียนรู้สู่วุฒิสภาคุณภาพ” เป็นวันที่ 2 ซึ่งได้เปิดให้สมาชิกอภิปรายการทำงานในรอบ 1 ปี ของวุฒิสภา ประธานวุฒิสภารวมถึงรองประธานวุฒิสภา โดยที่ประชุมได้ขอให้เป็นการประชุมลับไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้ารับฟัง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งบรรยากาศไม่ค่อยดุเดือดตามที่คาดการณ์ว่าจะมีการถกเถียงกันหนักระหว่าง ส.ว. กลุ่มต่าง ๆ ทั้งนี้เนื่องจากก่อนเดินทางมาสัมมนา มี ส.ว.ระดับผู้ใหญ่ได้หารือนอกรอบซึ่งตกลงกันได้ในเบื้องต้นว่าจะให้นายประสพ สุขทำงานต่อไป ทั้งนี้ ส.ว.ส่วนใหญ่แสดงความเห็นว่าอยากให้วุฒิสภาเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักการเมือง ทุก ระดับ ไม่อยากให้มีปัญหาเรื่องความสามัคคี ขณะที่ ส.ว.หลายคนได้รุมกล่าวตำหนิการทำงานแบบวันแมนโชว์ของ ส.ว.บางกลุ่ม
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวว่า กลุ่ม 40 ส.ว.เป็นชื่อที่นักข่าวตั้งให้ บางครั้งไปแถลงข่าวในนามกรรมาธิการ สื่อมวลชนก็ยังใช้นาม 40 ส.ว. บางครั้งก็ไม่พอใจ เพราะไม่อยากให้เกิดการแบ่งข้าง แต่คิดว่าได้ทำในนามของสมาชิกทุกคน ดังนั้นจึงอยากเสนอให้ทุกคนมีอะไรก็เข้าร่วมด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องออกมติร่วมกันทั้ง 150 คน ส่วน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา กล่าวว่า อยากให้ ส.ว.มีความสามัคคี โดยเฉพาะเรื่องกลุ่มก๊วน ไม่เห็นด้วยที่ทุกอย่างจะต้องเป็นมติ 150 คน เพราะถือเป็นความคิดของแต่ละคนที่จะแสดงจุดยืนได้ ยิ่งบอกว่าเป็นกลุ่ม 40 ส.ว. ยิ่งดี เพราะแสดงว่าไม่ใช่มติของ ส.ว.ทั้งหมด
“ปู่สุข”รับงานต่อถึง เม.ย. 53
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแสดงความเห็นได้มี ส.ว.สรรหาหลายคนแสดงความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่มักโดนดูถูกจาก ส.ส. เวลามีการประชุมร่วมรัฐสภา เรื่องที่มาจากการสรรหา ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงอยากเสนอว่าหากมีการดูถูกหรือดิสเครดิตเช่นนี้อีก ขอให้ ส.ว.เลือกตั้ง ลุกขึ้นมาช่วยแก้ต่างบ้าง น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่าหากมีใครบอกว่า ส.ว.สรรหา เป็นตัวประหลาด มาบอกได้จะชี้แจงให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเปิดให้สมาชิกได้อภิปรายบทบาทการทำงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมาแล้ว นายประสพสุข ได้กล่าวสรุปโดย ขอบคุณ ส.ว.ทุกคนที่ร่วมทำงานมาครบ 1 ปี และได้ให้สัญญากับสมาชิกว่า ภายในเดือน เม.ย. 2553 หลังการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ที่รัฐสภาไทยจะเป็นเจ้าภาพแล้ว จะลาออกจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา เพื่อเปิดโอกาสให้มีการคัดสรรประธานวุฒิสภาคนใหม่
รีบตัดบทหวั่นบานปลาย
ขณะที่นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง ได้ตะโกนลั่นกลางวงสัมมนาด้วยความรู้สึกไม่ พอใจต่อนายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธรว่า “ได้ไปเข้าห้องน้ำมาได้ยินนายยุทธนาประเมิน ผลงานประธานฯไม่ผ่าน ซึ่งเป็นการตัดสินด้วยคน ๆ เดียว ไม่ใช่มติของที่ประชุม ผมไม่ยอม ของขึ้นแล้ว ขอให้นายยุทธนาชี้แจงข้อเท็จจริงด้วย”
นายยุทธนา จึงชี้แจงว่า ได้ประเมินผลงานประธานฯเพียงคนเดียว และให้คะแนนท่าน 8.25 จากคะแนนเต็ม 10 เมื่อนายยุทธนาได้ชี้แจงแล้ว นายสายยังไม่พอใจและพูดว่าถ้าอย่างนั้น ขอเสนอให้ที่ประชุมมีมติโหวตตรงนี้เลย แต่นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา ซึ่งทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวตัดบทว่าแค่นี้ก็รู้อยู่แล้ว อย่าให้เรื่องบานปลายมากไปกว่านี้เลย จากนั้นจึงสั่งเลิกประชุมทันที
“ชุมพล”หนุนแก้ รธน.มีปัญหา
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วิปรัฐบาลมีมติเห็นชอบ ให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นตัวแทนปฏิรูปการเมืองว่า เห็นก็เห็นไปมันคนละเรื่องกับชาติไทยพัฒนา เมื่อถามว่าหากมีการหารือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลจะไปร่วมด้วยหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ก็คงต้องคุย แต่จุดยืนเราอยู่ตรงนี้ว่า จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราก่อน เพราะกว่าการปฏิรูปการเมืองจะเสร็จก็อีก 2 ปี แล้วจะมัวมานั่งศึกษาอีกทำไมเขาศึกษากันมาเยอะแยะแล้ว
ทั้งนี้ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา ได้รวบรวมรัฐธรรมนูญที่จำเป็นต้องแก้ไขบางมาตราไว้หมดแล้ว แต่จะไม่มีการเสนอกับรัฐบาล เราจะทำของเราเอง ใครจะร่วมก็เชิญได้ คงจะทำในเร็ว ๆ นี้ ของแบบนี้ทำไมต้องมานั่งงมเข็มในทะเลอีก ไปย่ำทะเลทำไม พูดตรงไปตรงมาเลย นี่คือจุดยืนของชาติไทยพัฒนา ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรที่รัฐบาลเหมือนไม่ฟังข้อเสนอพรรคชาติไทยพัฒนาเลย นายชุมพล กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เขาก็ฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ก็บอกว่าเห็นด้วยในบางประเด็น รัฐบาลกับพรรคไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกัน แค่ความเห็นไม่ตรงกัน ต่างคนต่างมองคนละมุม
“มาร์ค”กระตุ้นเป้าหมาย จี-20
หนังสือพิมพ์ฮันเดลสบลาทท์ หนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวันของเยอรมนี ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ ก่อนจะเข้าร่วมการประชุมจี 20 ในฐานะประธานอาเซียนที่กรุงลอนดอนของอังกฤษในวันที่ 2 เม.ย. ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นประกาศใช้นั้นไม่เพียงพอที่จะดึงเศรษฐกิจโลกให้พ้นจากภาวะถดถอย ได้ ตนอยากเห็นที่ประชุมประกาศเป้าหมายบางอย่างและหารืออย่างจริงจังเรื่อง ประสานมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้สอดคล้องกัน รวมทั้งประสานนโยบายการเงินและการคลังให้ใกล้ชิดกันมากที่สุดเท่าที่จะไปได้ เพื่อให้โลกพ้นจากวิกฤติและฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาดเงิน
ด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสของเยอรมนีเผยว่า ผู้นำจี 20 ซึ่งประกอบด้วยชาติอุตสาหกรรมชั้นนำและชาติกำลังพัฒนารายใหญ่จะไม่หารือ เรื่องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ในการประชุมครั้งนี้ ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เดินทางจากกรุงเทพฯเพื่อไปเข้าร่วมประชุมผู้นำกลุ่มประเทศจี 20 ในฐานะประธานอาเซียน โดยได้เดินทางไปตั้งแต่ช่วงสาย มีกำหนดการเดินทางกลับในวันที่ 4 เม.ย.
นายกฯจีนประชุมอาเซียน+3
สำนักข่าวไทยรายงานผ่านเว็บไซต์ แจ้งว่า นายฉิน กัง โฆษกต่างประเทศจีน กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน จะเข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ ของสมาคมอาเซียน ที่พัทยา ระหว่างวันที่ 10-12 เมษายนนี้ นอกจากการประชุมอาเซียนแล้ว นายเวิน จะร่วมการหารือระหว่างรับประทานอาหารเช้ากับผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ด้วย ทั้งนี้ จีนเป็นหนึ่งในกลุ่มอาเซียนบวก 3 ที่ประกอบด้วย 10 ชาติสมาชิกอาเซียน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนจากออสเตรเลีย อินเดีย และนิวซีแลนด์ ที่กำหนดมาร่วมหารือกันกับนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารโลก
สื่อนอกเผยเขมรขู่ไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางสำนักข่าวเอเอฟ พีได้รายงานข่าวสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา กล่าวในพิธีเปิดถนนที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา โดยเตือนประเทศไทยว่า อย่าส่งทหารไทยเข้ามารุกล้ำเขตแดนของกัมพูชา ถ้าส่งทหารไทยเข้ามาอีกครั้ง เราจะต่อสู้โต้ตอบ ซึ่งตนได้สั่งการทหารกัมพูชาตามแนวชายแดนไว้แล้ว อีกทั้งนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ยังมาดูแคลนตนอีก ซึ่งถ้าตนพูดดูแคลนนายกรัฐมนตรีหรือบรรพบุรุษของเขาบ้าง จะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าไม่ติดใจ แต่ขอให้พูดจา ดี ๆ ทั้งที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ปล้นอำนาจจากใครมา
“บัวแก้ว”แจงเรื่องเข้าใจผิด
ด้านนายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรม สารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง ข่าวดังกล่าวว่า เป็นการตีความที่คลาดเคลื่อน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด โดยกระทรวงการต่างประเทศจะอธิบายข้อความที่ถูกต้องให้กับรัฐบาลกัมพูชาผ่าน ช่องทางการทูตให้ได้รับทราบโดยเร็ว ทั้งนี้คาดว่าประโยคที่ทำให้ความเข้าใจผิดมาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งใจความตอนนี้ รมว. การต่างประเทศของไทยได้กล่าวถึงนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาว่าเป็นสุภาพบุรุษใจ นักเลง โดยเชื่อว่าประโยคนี้ที่มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “Gangster” ซึ่งเป็นความหมายที่ผิดเพี้ยนในบริบทที่ใช้ในภาษาไทย
นายธฤต กล่าวอีกว่า ส่วนการเคลื่อนกำลังทหารตามชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ขอ ยืนยันว่าฝ่ายไทยจะหลีกเลี่ยงการใช้กำลังและ ใช้ความอดกลั้นอย่างถึงที่สุด เน้นการเจรจาเป็นสำคัญ ซึ่งมีกลไกต่าง ๆ แก้ไขปัญหานี้อยู่แล้ว และขอให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในแนวทางนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่ารายงานข่าวดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการที่นายอภิสิทธิ์มีกำหนด การเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 18 เม.ย.นี้.
ที่มา เดลินิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1429 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 01 เม.ย. 52
เวลา 11:03:16
|