• ผมคงถามแค่คำถามเดียว สาเหตุของปัญหามันเกิดจากใครเหรอครับ ? |
โพสต์โดย 0_0 , วันที่ 21 เม.ย. 52 เวลา 07:51:02 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
จากห้องสินทร pantip
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I7731903/I7731903.html
ผมคงถามแค่คำถามเดียว สาเหตุของปัญหามันเกิดจากใครเหรอครับ ?
ผมตอบว่าเกิดจากคนไทยส่วนใหญ่ไม่เคารพ Rule of Law ไม่ปกป้องสิทธิของตนเอง
ย้อนไปก่อนปฎิวัติ ถ้าทักษิณผิด เอาเขาลงตามกฎหมาย ถ้ากฎหมายมีช่องโหว่ แก้ไขตามระบอบประชาธิปไตย
วิธีนี้ใช้เวลาแต่ว่าผลที่ได้ยั่งยืน และอารยประเทศเขาเดินทางนี้ทั้งนั้นจนกระทั่งได้ประชาธิปไตยที่ดี
แต่บังเอิญคนไทยใจร้อนชอบแซงซ้าย จนทหารออกมาปฎิวัติ คนไทยก็ไม่ปกป้องสิทธิของตัวเอง
สักแต่ว่า "มันเอาคนที่ _ู ไม่ชอบออกไปได้ถึงจะชกใต้เข็มขัดแต่ก็จะทำเป็นมองไม่เห็นก็แล้วกัน"
วันนั้นคือจุดเริ่มต้นการล่มสลายของนิติรัฐ ไม่ใช่วันที่ปฎิวัตินะครับ
แต่เป็นวันที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต่อต้านการปฎิวัติ วันที่ประชาชนปล่อยสิทธิในมือของเขาไปเพื่อแลกกับความพึงพอใจ -และความสะดวกสบาย
วันที่ประชาชนทุบ Rule of Law ทิ้งเพื่อความสะใจส่วนตัว
ผมยอมรับว่าวันนั้น(ตอนนั้นผมไม่ได้อยู่ที่ไทย) ผมเองก็ไม่ได้เห็นว่าการปฎิวัติเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร
นึกว่าก็แค่เปลี่ยนผู้เล่นคนใหม่กับระบอบเน่าๆเหมือนเดิม .....
เมื่อผมมานึกย้อนหลังก็พบว่า นั่นเป็นสิ่งที่สิ้นคิดที่สุด ตื้นเขินที่สุดและทำให้ผมในวันนี้งง ว่าตอนนั้นคิดเข้าไปได้ยังไง
ดังนั้นถ้าถามผมว่าสาเหตุของปัญหาคือใคร ผมก็จะมองกระจกแล้วก็บอกว่า
" เอ็งคือคนที่เป็นสาเหตุของปัญหา เพราะเอ็งไม่ีรู้ร้อนรู้หนาวกับการฉีกรัฐธรรมนูญ เพราะเอ็งนั่นแหละที่ไม่ปกป้องกฎหมาย ความเสียหายของชาติในวันนี้ก็เกิดจากบาปของเอ็งในวันนั้นทั้งนั้น"
ในเมื่อเรียกร้องผมก็สนอง
นี่คือสิ่งที่ผม - และอีกหลายคนที่เห็นตรงกับผม เรียกว่าอาการดัดจริตเมืองกรุง
นั่นคือ ถ้าถูกใจ แม้ไม่ค่อยถูกต้องก็หยวนได้ (และเรียกฝ่ายที่ทำถูกใจว่า Tactic ดี )
แต่ถ้าไม่ถูกใจแม้ว่าจะถูกต้องก็ไม่ยอมลดราวาศอก(และเรียกฝ่ายที่ทำไม่ถูกใจว่าพวกศรีธนนชัย)
เพราะตัวคุณบอกเองว่าไม่ชอบการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่กลับเรียกร้องให้คนอื่นทำผิดกฎหมาย
อย่าบอกนะครับว่าการขว้างปาของใส่คนอื่นไม่ผิดกฎหมายแม้แต่นิดเดียว
ลองทบทวนตรรกะและวิธีคิดของคุณให้ดี ไม่อย่างนั้นคุณก็จะติดกับดักที่ตัวเองวางเอาไว้นั่นแหละ
ถ้า คุณจะยื่นหนังสือประท้วงเสื้อแดง รวมคนไปนั่งประท้วงเสื้อแดงแบบที่คานธีทำ(อหิงสาโดยสิ้นเชิง) ตั้งเวทีไฮปาร์ค และสารพัดวิธีที่ไม่ผิดกฎหมาย เชิญตามสะดวก ผมเห็นด้วยและสนับสนุนการกระทำของคุณ และจะเรียกคุณว่าคนดีมาก
แต่สำหรับ คนที่เรียกร้องให้ตอบโต้การกระทำที่ผิดกฎหมาย ด้วยการกระทำที่ผิดกฎหมายเสียเอง ผมก็ไม่รู้จะเรียกภาษาไทยว่ายังไงดีนอกจากจะเรียกว่า Hypocrite
และ ผมขอยกบทความที่มีคนอื่นเขียนขึ้นมา ที่ผมเคยเอามาลงในกระทู้แนะนำไว้อีกหนี่งที เพราะมันตรงกับกระทู้นี้อย่างจับวาง ราวกับเทพพยากรณ์
"ผมเคยพูดกับเพื่อนๆ หลายท่านในข้อสังเกตเรื่องการต่อสู้ของเสื้อแดง ในช่วงวันที่ 8 และจากนี้
ว่าเป็นการ "รุกราน" เข้าสู่พื้นที่เชิงรูปธรรม และนามธรรม ของคนกรุงเทพฯ
ข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่ต้องยอมรับ ว่าคนกรุงเทพ ระดับกลางขึ้นไป ระดับคนทำงานทั่วไป "ส่วนใหญ่" เป็นเสื้อเหลือง
หรืออย่างน้อยก็มีใจให้เสื้อเหลือง
และ รัฐบาลประชาธิปัตย์ ก็เป็นรัฐบาลที่พวกเขาตั้ง, ไม่ว่าจะโดยตรง ผ่านการออกเสียงเลือกตั้ง และโดยการร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตร
หรือโดยปริยาย จากการ "นิ่งเฉย" หรือ "ยอมอดทน" ต่อพฤติกรรมของเหล่าพันธมิตร โดยที่ไม่ได้เข้าร่วม แต่เอาใจช่วย
เพราะมี "จุดหมาย" เหมือนกัน คืออยากเห็นประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล อยากเห็นอภิสิทธิเป็นนายก
หรือแม้จะไม่ได้รักอภิสิทธิหรือประชาธิปัตย์มากนัก แต่ก็ด้วยความ "ชิงชัง" รัฐบาลสมัคร และรัฐบาลสมชาย
สิ่ง เหล่านี้รวมๆกัน ทำให้คนกรุงเทพฯ "อดทน" กับพันธมิตรได้มากกว่า - เพราะลึกๆแล้ว สิ่งที่พันธมิตรกระทำ - แม้รุนแรงรบกวน - แต่ก็ให้ผลลัพท์ที่ "ถูกจริต" พวกเขา
นี่ คือคนกรุงเทพฯพื้นฐานส่วน ใหญ่ ซึ่งต้องยอมรับ - หลายๆท่านที่ทำงาน หรือสัมผัสชีวิต "กรุงเทพฯแท้ในออฟฟิสต์" คงเข้าใจสิ่งที่ผมกล่าว
การเข้ามาเสื้อแดง ซึ่งในมโนคติของพวกเขา (ผมกำลังจะพูดถึงมโนคติของคนกรุงเทพฯ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมดของกลุ่มเสื้อแดง)
คือ "พวกคนต่างจังหวัด ลิ่วล้อทักษิณ พลังเงินของทักษิณ ทักษิณจ้างมา" ผนึกกำลังกับ "ไอ้พวกหัวก้าวหน้าไม่เอาเจ้า"
(ย้ำอีกครั้งว่านี่คือมโนคติของคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่)
เมื่อคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เอาใจช่วยรัฐบาลอภิสิทธิ (หรืออย่างน้อยก็รังเกียจความเชื่อมโยงใดๆ ที่เกี่ยวข้อวงกับทักษิณ)
ซ้ำหลายคนยังเชื่อในนิยายหลอกเด็กเรื่องขบวนการล้มเจ้า
แน่ นอนว่า การชุมนุมของเสื้อแดง คือ การ "รุกล้ำ" พื้นที่เชิงนามธรรมของคนกรุงเทพฯ - นั่นคือ เสื้อแดงกำลังจะใช้กำลังเพื่อ "ทำลาย" ขั้วการเมืองฝ่ายที่รักของคนกรุงเทพฯ
นั่นคือเรื่องนามธรรม
ส่วน เรื่องรูปธรรม ยุทธการ "ปิดถนนสายหลัก" ของเสื้อแดงในวันนี้ ที่เริ่มจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คือการเข้ารุกล้ำ "พื้นที่" เชิงรูปธรรมของคนกรุงเทพฯ ซึ่งทำให้เขาได้รับความเดือดร้อนเชิงกายภาพอย่างตรงไปตรงมา
จริงๆ การปิดถนนจนรถติด พันธมิตรก็เคยทำ แต่ในตอนนั้นเสียบ่นอย่างบางเบาของชาวกรุงเทพฯ นั้นเป็นเพราะว่า - สิ่งที่พันธมิตรทำ จะนำไปสู่ผลที่ ถูกจริต" ต่อพวกเขา
(และขอให้ สังเกตว่า ในตอนนั้นการ "บ่น" จะมุ่งเป้าไปที่รัฐบาลว่า รัฐบาลจะหน้าด้านอยู่ทำไม ทำไมไม่ "ลาออกไป" เสื้อเหลืองจะได้เลิกชุมนุมให้คนเดือดร้อน
แต่ในรอบนี้ พนันได้ ว่าเสียง "บ่น" จะมุ่งไปในทางว่า "ทำไมรัฐบาลไม่จัดการสลายม๊อบให้เด็ดขาด" รถจะได้หายติด)
เมื่อ "เสื้อแดง" เข้ารุกรานพื้นที่ ทั้งรูปธรรม และนามธรรมต่อคนกรุงเทพฯ และคนจริต "คนเมือง"
การตอบโต้จากคนกรุง ก็จะมาถึง
แน่นอน - บางส่วนอาจจะมีการตอบโต้เชิงกายภาพ (เช่นขับรถพุ่งชน - กองกำลังขวาจัด - การลอบทำร้าย - หนังสติ้ก ฯลฯ)
แต่นั่นไม่น่ากลัวเท่าการตอบโต้แบบที่นิยมกันของคนกรุงเทพฯ
นั่นคือการออก "ใบอนุญาต" ให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้
ดังนั้น ถ้ามีการกวาดล้าง ปราบปราม คนเสื้อแดง ด้วยกำลัง ไม่ว่าจะรุนแรงเพียงใด
อย่าหวังว่าจะได้เห็นภาพการ "ประณาม" เจ้าหน้าที่ของรัฐ เหมือนในตอน 7 ตุลา
อย่างหวังว่าจะได้เห็นปริญญา ออกมาวินิจฉัยระยะโปรเจคไทล์ของแก๊ซน้ำตา (ไม่ฮา)
คนกรุงเทพฯ จะตอบโต้ "ไอ้พวกบ้านนอก - ไอ้พวกล้มเจ้า" ด้วยใบอนุญาตสลายการชุมุนด้วยกำลัง ด้วยประการฉะนี้"
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=793854
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 3921 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย 0_0
IP: Hide ip
, วันที่ 21 เม.ย. 52
เวลา 07:51:02
|