กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
หลังเกิดทุจริตชุมชนพอเพียง
โครงการทุจริตชุมชนพอเพียงระบาดเข้าเมืองหลวง ชาวลาดพร้าวขึ้นโรงพักแจ้งไว้เป็นหลักฐาน มีคนมาหลอกให้เซ็นชื่อแลกของ หวั่นตกเป็นเครื่องมือจนต้องเป็นจำเลย ด้าน ปชป. เรียงหน้าปัดทุจริต อ้างเป็นปฏิบัติการรายย่อยที่ท้องถิ่นตัดสินใจเองไม่เกี่ยวรัฐบาล “มาร์ค” เปรยสั่งระงับอนุมัติโครงการที่เหลือแล้ว พร้อมรับข้อมูลทุกด้านเพื่อตรวจสอบให้โปร่งใส ด้าน “เพื่อไทย” เชื่อสุดท้าย ปชป.ต้องหาแพะมารับบาปแทนไม่ให้สาวมาถึงตัวผู้บริหารพรรค ขณะที่โพลชี้คนต้องการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบด้วยการลาออก ด้านคลองหลอดระอุลือโยกย้ายปลายปีจัดคนเตรียมรับเลือกตั้ง เผย 3 ตัวเต็งคั่วปลัดมหาดไทย ส่วนแกนนำรัฐบาลไม่พอใจผลงานโฆษกบีบเปลี่ยนตัวให้ “อภิรักษ์” ทำแทน “ปณิธาน” เผยแค่มาช่วยงาน 6 เดือน แย้มอยากให้ผู้หญิงมาแทน
* โวเรียนฟรีสุดยอดผลงาน
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาออกรายการสด “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” โดยกล่าวถึงกรณีที่ตัวเองกลายมาเป็นคนมีชื่อเสียงเหมือนเป็นดาราว่า ตอนที่ตั้งใจเป็นนักการเมืองก็ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ ยอมรับว่าเป็นเรื่องเดียวที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ก็ยังมีเคอะเขินอยู่บ้าง แต่ก็เข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณะก็ต้องยอมรับ เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีคนมาชื่นชมว่าเป็นหนุ่มหล่อ หน้าตาดี เป็นนักการเมืองอายุน้อยและเป็นคนเก่ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความคาดหวังนี้ก็มีทั้ง 2 ด้าน ด้านหนึ่งก็เป็นกำลังใจ อีกด้านหนึ่งก็เป็นแรงกดดันเหมือนกัน
ต่อข้อถามว่า รัฐบาลทำงานมา 6 เดือนแล้วผลงานที่โดดเด่นที่สุดคืออะไร นายกฯกล่าวว่า จุดเด่นที่สุดก็คือเรื่องเรียนฟรี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และแถมเรื่อง รฟม.สิ่งเหล่านี้พูดกันมานาน แล้วเรามาทำในช่วงที่เศรษฐกิจประสบวิกฤติด้วย เมื่อถามต่อว่า เรื่องไหนที่โดนใจชาวบ้านที่สุด นายกฯ กล่าวว่า จากผลสำรวจมีหลายอันก็เป็นเรื่องเรียนฟรี ส่วนสิ่งที่หนักใจคือเรื่องการเมือง ที่เราพยายามจะให้เกิดความสมานฉันท์ อย่างไร ก็ตามช่วงนี้ประชาชนกังวลมากที่สุดก็คือค่าครองชีพ ที่ตนจะต้องติดตามการทำงานของกระทรวงพาณิชย์
* เปิดปากมีทุจริตชุมชนพอเพียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการอัดเทป รายการนายกฯ ได้เดินทางไปถ่ายปกหนังสือแพรวสุดสัปดาห์ โดยมีดารานักร้องชื่อดังร่วมขึ้นปกด้วย ภายหลังการถ่ายปกนายกฯให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง ว่า ได้สั่งการให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี รายงานตัวเลขทั้งหมดเข้ามา เบื้องต้นเท่าที่ทราบโครงการนี้อนุมัติเงินไปแล้ว 5,300 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการที่มีปัญหา 50 ล้านบาท โดยปัญหาเกิดขึ้นจากการไปซื้อของ และตรวจสอบพบว่ามีคนเข้าไปเกี่ยวข้องในการให้ซื้อของพวกนี้ ซึ่งโครงการประเภทเดียวกันที่รอการอนุมัติก็ได้สั่งระงับไปหมดแล้ว
นายกฯกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งได้แจ้งความและจะแจ้ง ป.ป.ช.ด้วย อย่างไร ก็ตาม ก่อนหน้านี้มีคนกลุ่มหนึ่งเคยเข้ามาช่วยงานในโครงการนี้ แต่เมื่อถูกร้องเรียนจึงได้ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติงาน ซึ่งตนยินดีที่จะรับข้อมูลจากทุกฝ่ายเพื่อให้โครงการนี้โปร่งใสที่สุด
* โยนบาปนักการเมืองท้องถิ่น
“การทุจริตมันแยกเป็น 2 ส่วน โดยใน ส่วนของฝ่ายการเมืองมีนักการเมืองท้องถิ่นเข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนระดับการเมืองอื่นหากมีอะไรที่บ่งบอกผมก็ต้องดำเนินการ เพราะกติกาที่เรียกว่ากฎเหล็ก 9 ข้อยังอยู่ทุกประการ ผมก็จะให้รองนายกฯกอร์ปศักดิ์สรุปมาให้ดูก่อน และจะเอาข้อมูลของฝ่ายค้านมาดูพร้อม ๆ กันไปด้วย” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า ดูเหมือนพรรคปกป้องนายกอร์ปศักดิ์ นายกฯกล่าวว่า โครงการนี้ตนฟังรายงานจากนายกอร์ปศักดิ์มาตลอด หากมีข้อมูลอะไรตนก็จะต้องดู เมื่อถามต่อว่า การจัดซื้อทุกอย่างจะต้องผ่านนายประโภชฌ์ สภาวสุ รอง ผอ.ที่เป็นคนอนุมัติโครงการ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนให้ส่งโครงสร้างมาให้ดู ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบไม่ได้เป็นอย่างนั้น อย่างไรก็ตามหากมีเรื่องอย่างนั้นจริงและมีปัญหา ก็ต้องว่ากันตรงไปตรงมา
* เรียงหน้าปัดความรับผิดชอบ
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการชุมชนพอเพียงว่า เป็นการลงทุนในลักษณะการปฏิบัติการย่อย อำนาจการตัดสินใจรัฐบาลไม่มีส่วนในการตัดสินใจอยู่ที่กรรมการชุมชน แต่ไม่ว่าเส้นทางเงินจะสาวไปถึงผู้ใดก็ต้องรับผิดชอบ พรรคพร้อมที่จะทำการเปิดเผยข้อมูลการสอบสวนต่อสาธารณชน
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณฝ่ายค้านและสื่อมวลชนที่คอยตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล แต่จากข้อมูลที่พรรครวบรวมยังไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวโยงกับนายกอร์ปศักดิ์ แต่จะดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป หากมีการซัดทอดหรือพาดพิงถึงบุคคลใดในพรรคก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามโครงการนี้มีปัญหา เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
* พท.เชื่อ ปชป.หาแพะมาเชือด
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุง เทพฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าตรวจสอบทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงว่า พบว่ารัฐบาลอนุมัติเงินให้กับ 30,000 ชุมชน เป็นเงินกว่า 8,000 ล้านบาท จากการตรวจสอบโครงการที่ได้รับการอนุมัตินั้น มีการทุจริตถึง 80 เปอร์ เซ็นต์ โดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคอีสาน พบว่าผลิตภัณฑ์ที่ชุมชนส่วนใหญ่สั่งซื้อคือ เครื่องผลิตปุ๋ยชีวภาพ เช่นเดียวกับในภาคใต้ จึงเป็นการเข้าข่ายทุจริตเชิงนโยบายชัดเจน และยังพบว่าเครื่องผลิตปุ๋ยชีวภาพในโครงการนี้ ยังละเมิดสิทธิบัตรของบริษัทเอกชนด้วย
“การที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ เชื่อว่าเป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อหาแพะรับบาป ต้องการตัดตอนไม่ให้ไปถึงคนของพรรคประชาธิปัตย์ จึงอยากให้พรรคประชาธิปัตย์หาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นผู้บริหารของพรรคหรือไม่ และเห็นด้วยกับกรณีที่ผู้บริหารสำนักงานโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับ ชุมชน (สพช.) จะให้ทบทวนโครงการอีก 5 หมื่นกว่าชุมชนที่ยังไม่มีการอนุมัติโครงการ เพราะหากปล่อยให้ดำเนินการต่อไปความเสียหายจะยิ่งมากขึ้น” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
* โกงชุมชนพอเพียงระบาดเข้ากรุง
วันเดียวกัน น.อ.อนุดิษฐ์พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านประมาณ 20 คน จากชุมชนสามัคคีพัฒนา ชุมชนหมู่บ้านพัฒนา หมู่ 8 ชุมชนวัดกลาง ชุมชนสุขสันต์ 26 ชุมชนหมู่บ้านอยู่สบาย และชุมชนหมู่บ้านเทพทวี ภายในซอยลาดพร้าว 101 เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ดำรง บุญวิไลวงศ์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ลาดพร้าว เนื่องจากถูกเอารัดเอาเปรียบจากเงินภาษีของตัวเอง โดยนำเอกสารของราชการที่ถูกกลุ่มผู้หลอกลวงให้ชาวบ้านลงชื่อเพื่อนำไปใช้ใน การทุจริตมายื่นเป็นหลักฐาน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตดังกล่าว
นางมยุรี เชิดสูงเนิน ประธานชุมชนหมู่บ้านเทพทวี กล่าวว่า มีบุคคลอ้างว่ามาจาก กระทรวงพลังงาน มีของมาแจกให้กับคนในชุมชนแต่จะต้องเซ็นเอกสารให้ ด้วยความที่ตนและชาวบ้านรู้เท่าไม่ถึงการณ์และอยากให้เป็นประโยชน์แก่ชุมชน จึงรับไว้ ส่วนสิ่งของที่ทางชุมชนได้มานั้นกลับไม่มีคุณภาพและไม่ได้ สร้างประโยชน์แก่ชุมชนแต่อย่างใด พวกตนมาในนามของภาคประชาชนเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยว ข้องในการทุจริตของภาครัฐ
* มัดมือชาวบ้านเซ็นเอกสาร
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ตนได้เรียกร้องให้ชาวบ้านมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ที่ถูกบุคคลอ้างว่าเป็นนักการเมืองระดับท้องถิ่น นำเอกสารมาให้ชาวบ้านในชุมชนเซ็นชื่อ โดยไม่มีการชี้แจงว่าเป็นเอกสารของหน่วยงานไหน บอกเพียงแต่ว่าจะนำของมาให้กับชาวบ้านและมีการนำเสนอขายสินค้า โดยระบุว่าให้ลงนามในเอกสารจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านเห็นว่าเป็นนักการเมืองมีความน่าเชื่อถือจึงเซ็นเอกสารไปให้ ต่อมาได้ข่าวจากทางภาครัฐว่ามีการทุจริตในโครงการชุมชนพอเพียงเกิดขึ้น ส่วนตนเชื่อว่าร้อยละ 99.5 ในโครงการชุมชนพอเพียงมีการทุจริตเกิดขึ้น
ด้าน พ.ต.ท.ดำรงกล่าวว่า ได้นำเรื่องที่ชาวบ้านร้องเรียนลงบันทึกประจำวันไว้ โดยจะทำการสอบปากคำชาวบ้านเพิ่ม และตรวจสอบเอกสารหลักฐานถึงในรายละเอียดของสินค้า หากพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริงจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
* “มาร์ค-แม้ว” มีดีคนละอย่าง
ด้านเอแบคโพลได้สำรวจความเห็นของประชาชน 17 จังหวัด จำนวน 1,389 คน เรื่อง “เสียงของสาธารณชนต่อดัชนีความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และความคิดเห็นต่อปัญหาทุจริตในโครงการชุมชนพอเพียงของรัฐบาล” พบว่า ความเป็นผู้นำ 18 หัวข้อนายอภิสิทธิ์ชนะ พ.ต.ท.ทักษิณ 10 ต่อ 8 ข้อ ซึ่งหัวข้อที่นายอภิสิทธิ์ชนะประกอบไปด้วย ควบคุมอารมณ์ได้ดี มีความเคร่งครัดต่อหลักศีลธรรม ให้เกียรติแกนนำ รัฐบาลด้วยกัน ซื่อสัตย์สุจริต เป็นนักประชาธิป ไตย เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าพวกพ้อง มีเสน่ห์น่าเลื่อมใส เป็นที่น่าไว้วางใจ แต่งตั้งโยกย้ายยึดหลักคุณธรรมและไม่ทอดทิ้งชาวบ้านเมื่อได้ตำแหน่ง
ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชนะ 8 ข้อประกอบด้วย มีความรู้ความสามารถ สื่อสารได้ดีกับประชาชนในประเทศ เข้าถึงจิตใจประชาชนทุกระดับ สื่อสารได้ดีกับนานาประเทศทั่วโลก เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ บริหารจัดการแบบมืออาชีพ รวดเร็วฉับไวในการแก้ปัญหา และเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน
* จี้ รมต.รับผิดชอบลาออก
ส่วนประเด็นการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงประชาชนทราบข่าวหรือไม่พบว่า 50.5% ทราบ และ 49.5% ไม่ทราบ และ 71.5% บอกว่าการกระทำดังกล่าวกระทบต่อการใช้แนวคิดตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง แต่ 24.09% บอกว่าไม่กระทบ ส่วนวิธีการที่รัฐบาลควรแสดงความรับผิดชอบต่อการทุจริตครั้งนี้ 55.8% ต้องหาคนผิดมาลงโทษโดยด่วน 17.0% รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องควรลาออก 11.5% รัฐบาลทั้งคณะลาออก
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการออกรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ว่า ที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่สนับสนุนคำว่าหน้าด้านของรัฐบาลชุดนี้ คือ การแก้ปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่รัฐบาลบอกว่าไม่น่าวิตก แต่วันนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 81 คน การทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง คดีกลุ่มพันธมิตรฯที่ยังไม่มีความคืบหน้า และการสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ไปโยงกับโผโยกย้ายตำรวจ
* โต้“แม้ว”กล่าวหารัฐบาลอ่อนหัด
ส่วนการเมืองอื่น นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวตอบโต้การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าบ้านเมืองไม่มีความพัฒนาเพราะรัฐบาลไร้ฝีมือว่า บ้านเมืองขณะนี้มีสถานะวิกฤติซ้อนวิกฤติ โดยมี 3 สาเหตุสำคัญที่เกิดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ คือ 1.การคอร์รัปชั่น 2.การใช้อำนาจสร้างความแตกแยก และ 3.ระบบคุณธรรมได้ถูกทำลายลงไปและมีระบบพวกพ้องเข้ามาแทนที่ ทำให้บ้านเมืองสู่ทางตัน
“ฝีมือของรัฐบาลนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินของประชาชน ตลอดการทำงาน 6 เดือนของรัฐบาลได้ทำตามคำมั่นสัญญาประสบผลสำเร็จไปแล้วในขณะนี้ และรัฐบาลขอเดิมพันด้วยสัญญาประชาคมเรื่องการสร้างงานจำนวน 1.5 ล้านตำแหน่ง ที่จะเดินหน้าโครงการต่อไปเพื่อให้เกิดความสำเร็จ” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
* เชื่อถวายฎีกามีจุดประสงค์อื่น
ส่วนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของคนในประเทศ นพ.บุรณัชย์ยอมรับว่า ยังคงมีความเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่ม มีการใช้เงินจำนวนมากเพื่อสร้างความเคลื่อนไหวให้เกิดความขัดแย้งในบ้าน เมือง โดยเฉพาะการถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ที่หวังผลในการสร้าง ความแตกแยกเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงมาก กว่าการได้พระราชทานอภัยโทษ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณที่บอกว่าจะฟิตร่างกายเพื่อ กลับมาว่า สอดคล้องกับข้อมูลที่พรรคได้รับ รายงานจากหลายพื้นที่ เกี่ยวกับกระบวนการที่ขนคนมาก่อเหตุความไม่สงบทางการเมือง
* ประธานวุฒิชี้ยื่นผิดขั้นตอน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียง ใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ราชบัณฑิต และเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ระบุว่าการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคมว่า ตนไม่อยากให้นายบวรศักดิ์พูดในลักษณะที่ไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชน เพราะถ้าประชาชนกว่า 5 ล้านคนไม่เดือดร้อนคงไม่ออกมาเคลื่อนไหวและร่วมลงชื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะยื่นถวายฎีกาเพื่ออภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า หากไปยื่นที่สำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง ถือว่าผิดขั้นตอนของกฎหมาย ความจริงต้องนำรายชื่อไปยื่นที่ กระทรวงยุติธรรมเพื่อให้รัฐมนตรีพิจารณาก่อน อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับสำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวังว่าจะพิจารณาอย่างไร อาจจะรับเรื่องไว้แล้วส่งเรื่องไปยังกระทรวงยุติธรรมหรือไม่รับเรื่องก็ได้
* มท.เตรียมโยกย้ายครั้งใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า ได้มีการเตรียมแต่งตั้งปลัดกระทรวงคนใหม่ ที่จะมาแทนนายวิชัย ศรีขวัญ ที่จะเกษียณในวันที่ 30 ก.ย.รวมถึงการโยกย้ายปรับเปลี่ยนอธิบดีบางกรม และการแต่งตั้งแบบเลื่อนขั้นจากระดับ 9 ขึ้นไประดับ 10 และยังมีโยกย้ายสลับตำแหน่งในระนาบเดียวกันอีกจำนวนมาก คาดว่าปีนี้ทั้งการเลื่อนขั้นและการโยกย้ายสลับตำแหน่งรวมกันเกิน 40 ตำแหน่ง
รายงานข่าวแจ้งว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายวิชัย ได้หารือกันอย่างไม่เป็นทางการแล้วแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะ ต้องรอนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยก่อน คาดว่าบัญชีรายชื่อน่าจะ เสนอ ครม.ภายในเดือน ส.ค.หรือต้นเดือน ก.ย.
* เผยอธิบดีทุกคนมีลุ้นหมด
นายมานิต วัฒนเสน อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวถึงกระแสข่าวการเป็นตัวเต็งในการรับตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย คนใหม่ว่า ข่าวลือส่วนมากมักไม่จริง ถ้าเป็นความจริงจะไม่มีการลือมาก่อน เรื่องตำแหน่งไม่ออกความคิดเห็น เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาที่จะแต่งตั้งผู้ที่เหมาะสม ข้าราชการมีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ส่วนที่มีข่าวว่ามีความสนิทสนมกับนายเนวินนั้น ตนคงไม่กล้ายกตัวเป็นคนสนิทนายเนวิน เพราะถือว่าคนละระดับกัน แต่ยอมรับว่ารู้จักแต่ช่วงนี้ไม่ได้ติดต่อ
ขณะที่นายไพรัตน์ สกลพันธ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กล่าวว่า อธิบดีทุกคนรวมทั้งรองปลัดมีโอกาส คุณสมบัติของปลัดคนใหม่น่าจะเป็นผู้ที่ไวต่อการทำงานและทันต่อเกม ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจจะเป็นปลัด มท.หรือไม่ นายไพรัตน์กล่าวว่า อธิบดีทุกคนมั่นใจ เมื่อถามว่า มีข่าวใกล้ชิดกับตระกูลชิดชอบ นายไพรัตน์กล่าวว่า ตนเคยเป็นรองผู้ว่าฯ บุรีรัมย์มา 5 ปี
* ติงแต่งตั้งไม่ดีมีปัญหาแน่
นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) กล่าวว่า รู้สึกเฉย ๆ เนื่องจากยังเหลืออายุราชการอีก 2 ปี จึงไม่ได้คาดหวังที่จะได้รับตำแหน่งปลัด ขณะที่นายอุดม พัวสกุล อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองกล่าวว่า ไม่ได้หวังตำแหน่งปลัด การทำงานที่เดิมดีอยู่แล้ว
นายจาดุร อภิชาติบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และนายกสมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การแต่งตั้งปรับเปลี่ยนเลื่อนขั้นหากรายชื่อออกมาไม่ดีมีปัญหาแน่ จะเกิดความปั่นป่วน และอาจไม่ยอมรับทั้งจากคนในกระทรวง ดังนั้นต้องยึดหลักพิจารณาคนดีมีความสามารถและเหมาะสม
* เผย 3 ตัวเต็งคั่วปลัด มท.
รายงานข่าวแจ้งว่า ตัวเต็งปลัดกระทรวง มหาดไทย ประกอบด้วย นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อาวุโสอันดับ 1 นายมานิต วัฒนเสน อธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า เมื่อการแต่งตั้งปลัดคนใหม่ ก็จะทำให้มีตำแหน่งว่างขึ้นหลายตำแหน่ง ทำให้มีการจับตามองว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยนการวางขุมกำลังใหม่ เพื่อให้เกิดความพร้อมหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น
* เล็งเปลี่ยนโฆษกรัฐบาล
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า แกนนำรัฐบาลได้หารือกันและประเมินว่าปัญหาและอุปสรรคในการทำงานของนายกฯ มี 2 จุด คือ การประชาสัมพันธ์ โดยพุ่งเป้าไปที่การทำงานหน้าที่โฆษกรัฐบาล ว่าควรสนับสนุนการทำงานของนายกฯ แต่ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา งานในส่วนนี้ออกมาน้อยมากจนเกือบมองได้ว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน ทางแกนนำจึงมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนตัวโฆษกรัฐบาลคนใหม่ โดยมองไปที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.มาแทน นายปณิธาน วัฒนายากร
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า อีกจุดที่เป็นปัญหาคือตำแหน่งเลขาธิการ ครม.เพราะนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการ ครม.คนปัจจุบัน มีปัญหาเรื่องการทำงานและการประสานงานในส่วนราชการ จึงมีแนวคิดที่จะทาบทามนายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษาฯ มานั่งใน ตำแหน่งดังกล่าวแทน เนื่องจากเชี่ยวชาญด้านกฎหมายและคล่องแคล่วในการประสานงาน
* “ปณิธาน”แจงสัญญาแค่ 6 เดือน
ด้านนายปณิธานกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นไปตามที่ได้พูดคุยและตกลงกับนายกฯตั้งแต่รับตำแหน่งวันแรกว่า ตนจะขอช่วยงานท่านเพียง 6 เดือน และให้พ้นการประชุมอาเซียนไปก่อน หากทุกอย่างลงตัว และหาคนใหม่มาทำหน้าที่โฆษกฯได้ ตนจะไปทำหน้าที่รองเลขาธิการนายกฯ เพียงตำแหน่งเดียว ถ้านายอภิรักษ์มาเป็นโฆษกฯจริงจะเป็นประโยชน์และเป็นบุญกับพวกเราอย่างมาก แต่ไม่ทราบว่า ท่านจะยอมหรือไม่ ซึ่งก็มีแคนดิเดตอยู่หลายคนและนายกฯ ให้ช่วยพิจารณาเสนอขึ้นไป ความจริงตนอยากได้ผู้หญิงมากกว่า เพราะอยากยกระดับผู้หญิงในประเทศให้มีบทบาทมากขึ้น
เมื่อถามว่า หากหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ พร้อมทำหน้าที่ต่อไปหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า ตนมีงานที่ต้องรับผิดชอบด้านอื่นมากพอสมควร จึงอยากได้คนที่มาทำหน้าที่ประจำมากกว่า ที่ผ่านมาตนก็ได้จัดระบบและวางโครงสร้างในสำนักโฆษกเกือบหมดแล้ว.
ที่มา เดลินิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|