มายน์ คอนโทรล ( mind control ) ( ศัทพ์นี้อาจยังไม่ถูกต้อง ) และ เครื่องส่งสัญญาณโทรจิต
สองสิ่งนี้เป็นวิธีการที่ชาวต่างชาติใช้กัน
เคยได้ยินมาว่ามีการส่งสัญญาณโทรจิตเข้ามาในประเทศไทย
เขาใช้สัญญาณโทรจิตเพื่อการติดต่อ และเพื่อบงการหรือควบคุมจิตใจของบุคคลผู้ตกเป็นเป้าหมาย เช่น การทำให้เกิดอาการง่วงนอน กลัว หรือหลอกลวงให้เสียขวัญ เป็นต้น
สัญญาณโทรจิตที่มีผลกับผู้รับ คือ
1.เห็นภาพที่คล้ายกับการนึกเองในจินตนาการ คล้ายกับมโนภาพ
2.ความรู้สึกทางจิต เช่น ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งถูกทำร้ายร่างกาย หรือมีอาการสับสนทางจิตอย่างรุนแรง ทางฝ่ายผู้รับสัญญาณก็จะรู้สึกได้เช่นเดียวกัน เป็นต้น
ผลจากสัญญาณโทรจิต จะทำให้บุคคลผู้ตกเป็นเป้าหมายสัญญาณเกิดอาการดังที่ได้กล่าวมา บางคนคิดว่าเป็นความฝัน มโนภาพดลใจ หรือ อาการผีหลอก ผีอำ คล้ายกับมีคนเดินผ่าน
สัญญาณโทรจิตอาจถูกส่งมาจากดาวเทียม หรือ เครื่องส่งสัญญาณบางประเภทในระยะที่ห่างไกลพอสมควร สัญญาณโทรจิตสามารถทำการตรวจสอบได้เพราะถือว่าเป็นสัญญาณประเภทหนึ่ง การส่งสัญญาณโทรจิตอาจมีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายในกรณีที่มีการลักลอบส่งสัญญาณ

http://www.baanjomyut.com/webboard/wind ... topic=2088

คำถาม ครับ
กรณีที่เป็นสัญญาณ รุกร้ำเข้ามาในอาณาเขตไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ผลจะเป็นอย่างไร ครับ
คล้ายกับกรณีป้องกันเขตชายแดนของทหาร หรือไม่ ครับ
กรณีนี้ควรขออนุญาตก่อนส่งสัญญาณ หรือไม่ ถือเป็นการละเมิดบุคคลตามกฎหมายได้ไหม ครับ

ข้อควรระวังเกี่ยวกับ สัญญาณที่ใช้สำหรับวิธีการที่เรียกว่า มายน์คอนโทรล ก็คือ
เมื่อเขาคลั่ง คุณจะรู้สึกคลั่ง คล้ายกับเขา
ถ้าเขาวิตก ลุกลี้ลุกลน คุณก็จะรู้สึกเช่นเดียวกับเขา
ถ้าเขาง่วง คุณจะรู้สึกง่วงนอนเหมือนเขา อันตรายมากขณะขับรถ
ถ้าเขาตกกลัว หรือตกใจ คุณก็จะรู้สึกเช่นเกียวกับเขา ซึ่งอันตรายมากสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ
( บางคนเรียกว่า เซ็กส์ทางโทรจิตก็มี )

http://www.watyan.com/?name=webboard&file=read&id=115

เขาไม่ได้ช่วยอะไรพวกเราเลย

เขามีดาวเทียม เขามีเครื่องส่งสัญญาณ เขาส่งสัญญาณประเภทโทรจิตได้ เขาใช้เครื่องมือส่งสัญญาณเสียงในระยะไกลได้ พวกเขาค้นหาคนในพื้นที่ได้ พวกเขาใช้คนสะกดจิตและอ่านความคิดคนในพื้นที่ได้ ( มายน์ คอนโทรล ) แต่พื้นที่ที่มีข่าวลือ เรื่องสัญญาณโทรจิต เช่นในภาคใต้ และเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเหตุการณ์ไม่สงบ มีโจรก่อการร้าย ลอบวางระเบิด ลอบยิง ชาวบ้าน ข้าราชการ คุณครู ตำรวจ ทหาร ซึ่งผู้เป็นเจ้าของสัญญาณประเภทดังกล่าว ไม่ให้ความช่วยเหลืออะไรกับหน่วยงานรักษาความมั่นคงของประเทศไทยเลย
มีความสูญเสียกับชีวิตและทรัพย์สินเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ และในพื้นที่นี้ มีเด็กกำพร้าพ่อ กำพร้าแม่ เกิดขึ้น เพราะการกระทำของโจรผู้ไม่หวังดี ทำลายความสงบของสังคม
อาจจะเป็นข้อมูลที่เหลือเชื่อเกินไปสำหรับคนหลายคน เกี่ยวกับสัญญาณที่เรียกว่าโทรจิต แต่ที่นี่มีคนตาย
คิดว่าจะเป็นประโยชน์กว่า หรือไม่ ถ้าจะนำสัญญาณประเภทดังกล่าว มาใช้เพื่อตรวจสอบ อาวุธ วัตถุระเบิด และที่อยู่อาศัยของกองกำลังโจรก่อการร้าย แทนที่จะนำสัญญาณประเภทนี้มาใช้ล่อลวงชาวบ้านในเขตภาคใต้
ข้าราชการในพื้นเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่าจะจบการศึกษา กว่าจะมีความชำนาญในการทำงาน ต้องใช้เวลาสะสมความรู้กี่ปี ? คนเหล่านี้ที่เสียชีวิตไปล้วนแล้วแต่เป็นบุคลากรผู้มีความรู้ เป็นบุคลากรที่มีการศึกษา
และชาวบ้าน เกษตรกร ที่เสียชีวิตไป ก็ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับพวกท่าน คนไทย มีความรู้สึก เจ็บปวด หวาดกลัว ความเศร้าที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก คิดว่าคนไทยในพื้นที่อื่นก็มีความรู้สึกนี้เช่นเดียวกัน
ขอพรพระในประเทศไทย ทั้งภิกษุท่านที่ถึงแก่กรรม คุ้มครองคนไทยด้วยครับ

http://www.dhamma.in.th/board/viewtopic.php?t=237

เกี่ยวกับสัญญาณโทรจิต คิดว่าเป็นการละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคลได้หรือไม่ครับ ในกรณีที่ผู้รับสัญญาณไม่มีความต้องการที่จะขอรับสัญญาณ ( มายน์ คอนโทรล )
การสนทนายังสามารถที่จะปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ แต่ในกรณีที่มีการส่งสัญญาณประเภทนี้ไปยังบุคคลผู้ไม่มีความต้องการขอรับสัญญาณ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ผมคิดว่าเป็นเรื่องไม่ดี เหมือนกับเป็นการถูก บังคับ ให้รับสัญญาณ ถ้าประเทศไทยไม่มีข้อสัญญาผูกมัดเกี่ยวกับสัญญาณสื่อสารประเภทดังกล่าว “ผมไม่ขอรับสัญญาณประเภทนี้เด็ดขาด” เว้นไว้แต่ในกรณีที่มีการทำสัญญาขอรับสัญญาณอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
วิทยุชุมชน สัญญาณประเภทเสียง ต้องขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อการขอใช้และติดตั้งก่อนหรือไม่ ครับ ? คำถามข้อนี้ผมยังไม่ทราบรายละเอียด แต่อยากให้มีการติดตั้งวิทยุในชุมชน อิสลาม ในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเขตชนบทในพื้นที่อื่น เพื่อการกระจายข่าวสาร สาระ รายการเพลงบันเทิง และรายการความรู้อื่น ผมคิดว่าเป็นประโยชน์สำหรับชุมชน ครับ ส่งเสริมความเป็นชาติไทย

ขอถาม ครับ
มีใครบางคนขอยืมเทคโนโลยีของชวต่างชาติ ทั้งที่เป็นสัญญาณภาพสื่อสารแบบโทรจิต และเครื่องส่งสัญญาณเสียงระยะไกล (คล้ายกับการตะโกน)
เพื่อการครอบงำคนให้ก่อตัวเป็นกลุ่มกำลังคนในเขตพื้นที่ภาคใต้
พวกเขาต้องการใช้กำลังคนกลุ่มนี้เพื่ออะไร ?
กำลังคนกลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ ?
ถ้ากำลังคนกลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองในประเทศไทย วิธีการครอบงำ (หาเสียง)ของพวกเขาเหมาะสมกับวิธีการทางการเมืองในประเทศไทยหรือไม่ ?
http://www.dhamma.in.th/board/viewtopic.php?p=389#389

เรื่อง_แปลก_นำมาเล่าให้ฟัง ( อาจเหลือเชื่อสำหรับบางคนจนขนหัวลุก )
ที่เมืองนอกแถบ “_เมริ กา” น่าจะเป็นที่ ประเ_ศ “_ค_-ดา” มีการทดลองเกี่ยวกับเรื่องทางจิต ชนิดที่นำคนมาฝึกจนจิตพัฒนาถึงขั้นที่เรียกว่า ไซโพรโลยี ( ไซโคโลยี หรือ Physiology น่าจะออกเสียงเรียกอย่างนี้ แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นคำศัพท์ที่ถูกต้องหรือไม่ ) และกลุ่มคนที่ทดลองเกี่ยวกับเรื่องนี้พวกเขาคิดว่า พระพุทธเจ้า ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มไซโพรโลยีเหมือนกัน ( แต่พระในเมืองไทยคงไม่มีอาการในลักษณะนี้ )
จิตในระดับที่เรียกว่า ไซโพรโลยี นี้ เป็นระดับที่พวกเขาเรียกว่า ถึงขั้น หรือ สำเร็จ บรรลุ ในด้านนั้น แต่คิดว่าคนที่ฝึกสำเร็จเช่นคนไทยอย่างพวกเรา คงเรียกว่าอาการหนักไปหน่อย อาจฟั่นเฟือนเล็กน้อย หรือ อาจลืมบ้านเลขที่ของตัวเองไปก็ได้ เมื่อฝึกสำเร็จ
พวกเขาอาจนำคนเข้าไปใส่เครื่อง ( เป็นเครื่องบางอย่างที่สร้างขึ้น ) เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพทางจิตของผู้เข้าร่วมการทดลอง หรือ พวกเขาอาจให้ผู้เข้าร่วมการทดลอง ทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่พวกเขาเลือกให้ จนสภาพทางจิตพัฒนาไปถึงขั้นที่พวกเขาเรียกว่า ไซโพรโลยี ยกตัวอย่างเช่น ให้ผู้เข้าร่วมการทดลองยืนหัวเราะจนสภาพจิตเปลี่ยนไปเป็นไซโพรโลยี หรือแม้แต่เรื่อง เซ็กส์ ก็ยังมีการทดลองจนผู้เข้าร่วมการฝึกมีสภาพจิตเปลี่ยนไปเป็นไซโพรโลยี แม้แต่การฝึกนักดนตรีหรือการปั้นนางแบบก็ยังสามารถใช้วิธีการไซโพรโลยีนี้ได้เช่นเดียวกัน
( สภาพของเครื่องอาจจะคล้ายกับในภาพยนตร์อเมริกาที่มีเนื้อเเรื่องเกี่ยวกับ วัยรุ่น เข้าไปในโรงพยาบาลร้าง ที่มีพวกผีหมอโรคจิตสิงอยู่ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันชิงเงินรางวัล )
สาเหตุที่พวกเขาทราบว่าใครบ้างที่มีสภาพทางจิตเป็นไซโพรโลยี นั่นก็คือ เขาใช้สัญญาณโทรจิต ตรวจวัดสภาพทางจิตของผู้เข้าร่วมการทดลอง ( ระวังถูกละเมิดเสรีภาพทางจิตเพราะเขามีเจตนาใช้เครื่องมือนั้นส่งสัญญาณมาที่ตัวคุณโดยตรงและยังไม่มีการทำสัญญาเพื่อขอรับสัญญาณ )
อาจเรียกว่าเป็นการพัฒนาพลังจิตในแบบของพวกเขา ซึ่งบางคนที่ฝึกสำเร็จแล้ว บางคนก็มีเสน่ห์เย้ายวนเพศตรงข้าม ( พวกเขาเรียกว่า กลุ่มสวยสวาท ซึ่งเป็นอีกกลุ่มหนึ่งในกลุ่มไซโพรโลยีทั้งหมด ) บางคนก็ดูเหมือนมีมนต์สะกดชวนน่ามอง และยังมีไซโพรโลยีในลักษณะอื่นจำแนกอีก ( แบบคลุ้มคลั่ง เท่ห์น่าเกรงขาม มองเหมือนไฮเทค หรือ สดใสร่าเริง จนถึงขั้นไซโพรโลยีก็มี )
เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ทราบมา ผมไม่เอาด้วยเด็ดขาด กลัวตัวเองจะเปลี่ยนไปในลักษณะที่อาจเรียกว่า ลืมว่าตัวเองเป็นลูกใคร สำหรับตัวผมแล้ว แค่อ่านหนังสือพระและยกมือไหว้ภิกษุในศาสนาพุทธก็เพียงพอแล้ว ( ขอเลือกกลัวจนยืนขี้แตกก่อนดีกว่า ปล่อยให้ผู้กล้าเข้าชิงรางวัลแทน )
รู้ไว้ไม่เสียหายอะไร มีความรู้เพิ่มขึ้น อย่าลืมว่า ในประวัติศาสตร์จีนโบราณ แม้แต่นักการทูตเองก็ยังไม่ใช่สภาพโดยรวมทั้งหมดของประเทศนั้น หลังการเจรจาจบแล้ว เขาอาจกลับไปนอนในห้องขังต่อก็ได้
คุณชอบระบบประชาธิปไตยในประเทศไทย หรือไม่ ผมคิดว่าดี อย่างน้อยก็ยังมีสัญญาต่อทุกคน เพราะคุณสามารถเปลี่ยนแปลงข้อความในรัฐธรรมนูญได้ด้วยคะแนนเสียง ( อาจยังไม่ถึงขั้นที่คุณต้องใช้อาวุธเข้าเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองอย่างสมัยบางระจัน )

http://www.watyan.com/?name=webboard&file=read&id=123