ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เหลือเชื่อ เงียบเชียบ จากดูไบ สู่ สันกำแพง..#1
..คล้ายดั่งว่า.. ฝันไป..ผมกลับบ้านแล้ว !!!
http://www.oknation.net/blog/Thaihippy/2009/10/13/entry-1
เหลือเชื่อ เงียบเชียบ..จากดูไบ สู่ สันกำแพง #2 อรุณรุ่งแห่งชีวิต...ณ ยามเย็น
http://www.oknation.net/blog/Thaihippy/2009/10/21/entry-1
เหลือเชื่อ เงียบเชียบ..จากดูไบ สู่ สันกำแพง #3 ..ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว..
http://www.oknation.net/blog/Thaihippy/2009/10/22/entry-1
เหลือเชื่อ เงียบเชียบ ..จากดูไบ สู่ สันกำแพง # 4 ..ชีวิตที่ผ่านเลย..
http://www.oknation.net/blog/Thaihippy/2009/10/30/entry-3
เหลือเชื่อ เงียบเชียบ..จากดูไบ..สู่สันกำแพง #5 …เสันทางที่มืดมน..
http://www.oknation.net/blog/Thaihippy/2009/11/05/entry-3
...กูไม่เคยทำอะไรเลว ๆ !!!
..พระที่ทำหน้าที่สวดศพทยอยเดินกลับขึ้นวัดไปแล้ว อีกสองสามองค์ที่นิมนต์มาจากวัดดอยสะเก็ด ภรรยาผมก็บัญชาให้คนขับรถพาไปส่ง..รถเพิ่งเลี้ยวออกจากประตูวัดไปเมื่อครู่นี้เอง..
ผมเริ่มรู้สึกเฉย ๆ กับการที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกับใคร? เพราะถึงแหกปากไปก็ไม่มีใครได้ยิน มันแย่ตรงที่เราตอบโต้ใคร ๆ ไม่ได้ หลายครั้งที่ผมลอยเข้าไปใกล้ ๆ กลุ่มคนที่มางานสวดเพื่อฟังพวกเขาพูดคุยกัน ฟังบางเรื่อง เขาพูดกันผิด ๆ เขาไม่เข้าใจว่า ในเรื่องราวที่เป็นจริงเกี่ยวกับชีวิตผมในช่วงปลาย ๆ ก่อนจะตายนั้น มันช่างยุ่งยากเสียนี่กระไร?
พวกเขาคิดว่าผมมีเงินทองมากมายเหลือล้น ซึ่งก็อาจจะจริงอยู่ แต่เขาไม่รู้หรอกว่า ผมได้ใช้มันในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลไปมหาศาลขนาดไหน? โดยเฉพาะก้อนใหญ่ที่สุดที่ผมได้มาจากการขายธุรกิจคมนาคมให้กับเทมาเส็ก 7,600 ล้าน ก้อนนั้น ผมต้องสู้ทุกรูปแบบที่จะให้ได้คืนมา..ก็มันเป็นของตระกูลผม ผมไม่ได้คดโกงอะไรสักหน่อย..แค่เพียงการเปลี่ยนกฎหมายการถือครองหุ้นของชาวต่างชาติ ที่สร้างโอกาสให้ผม..มันจะผิดได้อย่างไร? อำนาจเป็นของผม? ส.ส.ลูกกระป้อกทั้งหมดที่ผมขุนไว้เขาก็ยินยอมพร้อมใจทำให้ผมทั้งนั้น !!
ภรรยาผมเดินช้า ๆ ไปที่ตั้งศพ ก็เหมือนอย่างทุกคืน หล่อนจุดธูปขนาดใหญ่ปักไว้ที่กระถางอย่างเคย ผมไปนั่งบนหีบศพ จับสังเกตอิริยาบถของเธอ โดยมองผ่านช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ข้าง ๆ ภาพถ่ายของผม ดูจากสีหน้าและแววตา เธอน่าจะยอมรับความจริงเรื่องการจากไปของผมได้แล้วละมั้ง? ..เธอไม่หลั่งน้ำตาอย่างวันแรก ๆ ที่ผมกลับมาถึงสันกำแพง แต่ดู ..ดู เธอก็เหมือนจะอิดโรยต่อการที่ต้องดูแลงานศพ การต้อนรับผู้คนมากมายที่มาร่วมงานอย่างไม่ขาดสาย และแน่นอนว่า เธออาจจะเริ่มนึกเสียดายเงินทอง ค่าจ้างขนชาวเสื้อแดงมาคืนละหลาย ๆ พันคน ซึ่งมันเหมือนตกกระไดพลอยโจรไปเสียแล้ว
ผมแอบสังเกตุสายตาของไอ้ตุ้ดตู่กับพวกเวลามันรับซองหนา ๆ สีน้ำตาลที่บรรจุเงินอยู่ภายใน จากภรรยาของผมแต่ละครั้ง ดวงตาของมันวาวโรจน์ และซ่อนความกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในที..ไม่มีแม้เพียงนิดเดียวที่จะแสดงร่องรอยแห่งความเศร้าในสายตาที่โคตรหลุกหลิกเหล่านั้น..
ให้ตายสิ !!..ผมอุปถัมภ์มันมา ผมเชื่อใจพวกมันทุกอย่าง มันพาผมพลัดตกลงสู่กับดักแห่งชีวิตอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ผู้ซึ่งเคยหยิ่งในศักดิ์ศรี..อย่างผม ถูกพวกมันหลอกให้งมงายได้อย่างไม่น่าเชื่อ แค่สายตาของมัน รวมถึงโหงวเฮ้งทั้งหมดบนรูปหน้า ผมน่าจะอ่านทุกอย่างออกก่อนหน้านี้ สถานการณ์ที่มันบอกว่า..เราใกล้ชนะแล้วนาย..ไอ้มาร์คกำลังจะจนแต้มแล้ว ฯลฯ ย้ำแล้ว ย้ำอีก..จนผมมั่นใจว่า เราจะได้กลับสู่อำนาจ เราจะเป็นนายกฯอีกครั้ง..จะเป็นคนที่ทั่วโลกต้องร่ำลือถึงความสามารถอย่างที่ใคร ๆ ในโลกก็ทำไม่ได้ !
ว่าก็ว่าเถอะ! ถ้าตอนนั้นผมยอมติดคุกแค่ 2 ปี อาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำ แล้วขอโทษคนไทยทั้งประเทศ วันนี้ผมอาจจะเป็น รัฐบุรุษ ก็ได้..อาจจะยังมีชีวิตอยู่ แบบถนอม แบบสุจินดา หรืออีกหลายคน..ที่ผ่านมา
..อะไรมันจะสุขกว่าการได้กลับมายังแผ่นดินเกิดเล่า?
..ไอ้ห่าตู่ ! มึงนะมึง ! ที่สุดแล้วกูได้กลับมา จริงอย่างที่พวกมึงพูด เพียงแต่เป็นแค่ร่างที่ไร้ลมหายใจ แล้วมึงก็สูบกินกูอย่างไม่ยี่หระ สะทกสะท้าน ไม่ใช่.!!.มึงคนเดียว..แต่พวกมึงทั้งหมด !!..ไอ้หมอชื่อจีน ไอ้ไข่นุ้ย ไอ้..อะไรวะ !..ตัวดำ ๆ คนสุพรรณที่อยู่อุดรฯ รวมถึงไอ้ ส.ส.ที่เชียงใหม่ด้วย
...พวกมึงมันก็แค่..สุนัขจิ้งจอกที่หิวโหย ซึ่งไม่เคยนึกถึงบุญคุณของใคร !!
พอได้จังหวะมึงก็แว้งกัดกูจนจมเขี้ยว !! ไอ้สัตว์เอ้ย !!
..ภรรยาผมเดินลงจากศาลาวัดแล้ว เณรสองสามรูปที่ปัดกวาดท้ายศาลา เดินมาปิดประตูเหล็กหน้าบันไดทางขึ้น ผมลอยลงไปที่ลานต้นโพธิ์ มองรถที่พาเธอไกลออกไป..ลับตาออกไปนอกถนนใหญ๋เส้นสันกำแพง-เชียงใหม่..เสียงเครื่องที่กระหึ่มค่อยเงียบหาย.ไกลออกไป..
สายลมโชยมาจากท้องทุ่งข้าง ๆวัด เสียงหริ่งเรไรกรีดปีกแว่วมาในความมืด มันดังสม่ำเสมอจนประหนึ่งเป็นเสียงแห่งความเงียบ ไกลสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดมิด เห็นเพียงระยิบดาวที่อยู่ไกลโพ้น..
หรือนั่นคือดินแดนที่ผมจะต้องไป..ใช่..จำได้ว่า สวรรค์อยู่บนโน้น..หรือจะต้องลงไปใต้ดิน เพื่อไปสู่นรก..ไม่ !! เป็นไปไม่ได้..คนอย่างผมต้องไปสวรรค์ ผมมีเงินทองเยอะแยะ ผมยินดีจ่ายทุกอย่าง ขออย่างเดียวอย่าได้รับการทรมานใด ๆ เลย..ผมกลัว..
..ย้อนไปตอนบั้นปลายชีวิตก่อนตายก็ทุกข์สาหัสจนเกินพอแล้ว...
... แวบหนึ่งของความคิดผมนึกถึงความทุกข์หรือความบ้า?? ที่เคยเขียนไว้ในทวีตเตอร์ ครั้งที่กลับออกจากพนมเป็ญเมื่อสองสามปีที่แล้ว..ว่า..
“ แผ่นดินเกิดไม่ให้เหยียบ
แผ่นฟ้าไม่ให้บินผ่าน
หนังสือเดินทางไม่ให้ถือ
เงินหามาโดยสุจริตไม่ให้ใช้
ยศพระราชทานจะเอาคืน
เครื่องราชฯจะยึด
ชีวิตก็จะไม่ไว้
จะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนก็รังควาน
จะทำมามาหาเลี้ยงชีพก็ไล่ล่า
ได้รับเกียรติจากประเทศอื่นก็บอกว่าขายชาติ
พูดปกป้องเจ้านายก็บอกว่าไม่จงรักภักดี
ไม่ป่วยก็บอกว่าเป็นมะเร็ง
มีคนมาเยี่ยมก็ว่าเป็นกิ๊ก
อยู่ดูไบมีระเบิดเมืองไทยก็หาว่าเป็นคนทำ
ต่อสู้หาความเป็นธรรมอย่างสันติก็หาว่ารุนแรง
สมกับที่เขาว่า พวกมึงทำอะไรก็ถูก พวกกูทำอะไรก็ผิด
แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร
จะสันติได้อีกกี่น้ำ
ผมจะขอร้องให้คนเสื้อแดง อดทนได้นานเท่าไรก็ไม่รู้..”
..............................
นั่นคือความรู้สึกของผมเมื่อนานมาแล้ว...ซึ่งยังอวลอยู่ในความทรงจำ..
..ย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องสวรรค์หรือนรก...
เท่าที่ระลึกได้ สมัยเด็กๆที่พระสอนเรื่องกรรมเวรอะไรนั่น !!
...จะให้ใครรู้ได้ยังไงว่า..อ้า..อดีตนายกรัฐมนตรี..เอ้อ..!!
...ให้ตายสิ !!! อย่างผมนี่ คงต้องเจอทั้ง กะทะทองแดง ปีนต้นงิ้ว.....
ต่อให้รู้จักกับพี่หมักที่ไปอยู่ก่อนแล้ว ก็คงช่วยอะไรไม่ได้แน่เทียว !!
ใครจะไปรู้ได้ว่า..แกอยู่ที่ขุมไหน ??
...ผมรู้สึกหนาวเสียดสยิวเข้าไปในหัวใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน !!...
...............................
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|